“ไอเดีย คือ เราไม่จำเป็นต้องขุดเหมืองมาทำแบตเตอรี่ เราแค่นำขยะแผงโซลาร์เซลล์หมดอายุมาผ่านกระบวนการรีไซเคิลสำหรับผลิตแบตเตอรี่ลิเธียมไอออนเพื่อใช้งานต่อได้ ก็นับเป็นโมเดลเศรษฐกิจหมุนเวียน ที่ไม่เพียงแค่ขยะเหลือศูนย์หรือ Zero Waste เท่านั้น แต่ต้องเป็นขยะที่วนกลับมาอยู่ในวงจรเศรษฐกิจต่อได้” ยุทธนากร คณะพันธ์ หัวหน้าทีม RECYSO ผู้ชนะเลิศในโครงการประกวดนวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน บอกเล่าถึงแนวคิดนวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียนของทีม
โครงการประกวดนวัตกรรมเศรษฐกิจหมุนเวียน จัดขึ้นโดย อินโดรามา เวนเจอร์ส ร่วมกับ สำนักงานโครงการพัฒนาแห่งสหประชาชาติ (UNDP) องค์การทุนเพื่อเด็กแห่งสหประชาชาติ (UNICEF) ศูนย์ระดับภูมิภาคว่าด้วยปรัชญาของเศรษฐกิจพอเพียงเพื่อความยั่งยืนของซีมีโอ (SEAMEO Regional Centre for Sufficiency Economy Philosophy for Sustainability) และวิทยาลัยโลกคดีศึกษา มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ มีวัตถุประสงค์เพื่อสร้างความตระหนักรู้ต่อปัญหาขยะในประเทศไทย โดยเปิดโอกาสให้นวัตกรรุ่นใหม่พัฒนาทักษะสำหรับการคิดค้นโซลูชั่นเพื่อแก้ไขปัญหาสังคมและสิ่งแวดล้อม โดยโครงการนี้มีผู้ลงทะเบียนรวมถึง 174 ทีม และส่งผลงานเข้าร่วมประกวดรวมถึง 108 โครงการ มุ่งขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียนและเศรษฐกิจพอเพียง
“จากโจทย์ของโครงการฯ ทำให้เราเริ่มศึกษาปัญหาขยะในประเทศไทยที่มีวัสดุเหลือใช้ที่สามารถนำไปสกัด และทำเป็นพวกแบตเตอรี่ได้ไหม ด้วยความที่เรากำลังศึกษาระดับปริญญาเอก หลักสูตรวัสดุศาสตร์และนาโนเทคโนโลยี คณะวิทยาศาสตร์มหาวิทยาลัยขอนแก่น และอยู่ในวงการแบตเตอรี่ เราเลยได้เปรียบตรงที่ว่า ทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัวเราสามารถเอามาทำแบตเตอรี่ได้ และเห็นเทรนด์ความต้องการของตลาดแบตเตอรี่ที่ในอนาคตต้องการวัสดุประจุไฟฟ้าขั้วลบเป็น ‘ซิลิกอน’ แล้วเราเห็นว่า ในแผงโซลาเซลล์ 1 แผง มีซิลิกอนเป็นองค์ประกอบอยู่ประมาณ 3.56% เลยทำให้รู้ว่า เราอาจจะนำซิลิกอนจากในแผงโซลาเซลล์ที่หมดอายุแล้วมาผ่านกระบวนการของเราแล้วสามารถทำให้เป็นวัสดุที่เหมาะสำหรับไปทำแบตเตอรี่ต่อได้” ยุทธนากร เล่าถึงที่มาของแนวคิด
ประเทศไทยเริ่มใช้แผงโซลาร์เซลล์ในการผลิตไฟฟ้า ตั้งแต่ปี 2545 โดยอายุการใช้งานของแผงโซลาร์เซลล์มีระยะเวลา 20 ปี หลังจากติดตั้ง ทำให้คาดได้ว่า ภายในปี 2565 ประเทศไทยจะมีแผงโซลาเซลล์ที่ทยอยหมดอายุสะสมสูงถึง 620,000 – 790,000 ตัน ซึ่งต้องยอมรับว่า การใช้แผงโซลาเซลล์มีประโยชน์ในด้านการผลิตพลังงานสะอาด แต่เมื่อแผงเหล่านั้นหมดอายุและถูกวางทิ้งไว้เป็นซากโดยไม่มีการกำจัดที่ถูกวิธีจะทำให้เกิดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากมาย ทั้งก๊าซเรือนกระจกในรูปแบบของคาร์บอน ไดออกไซด์ ตลอดจนสารไดออกซินจากการเผาที่ไม่ถูกต้อง การแพร่กระจายของโลหะหนัก อาทิ แคดเมียม ตะกั่ว เทลลูเลียม อินเดียม แกลเลียม จากการกำจัดโดยการฝังกลบเมื่อตากแดดตากฝนอาจจะชะล้างโลหะหนักเหล่านี้ลงสู่ผืนดิน แม่น้ำ ลำคลอง และส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม และชุมชนได้
ดังนั้น การรีไซเคิลแผงโซลาเซลล์ จึงเป็นหนึ่งแนวทางในการกำจัดซากแผงโซลาร์เซลล์ที่หมดอายุการใช้งาน เพื่อไม่ให้กระทบสิ่งแวดล้อมและสุขภาพของประชาชน ทั้งนี้ การจัดการส่วนใหญ่ยังเป็นการกําจัดแบบง่ายๆ ไม่ซับซ้อน มีต้นทุนต่ำ โดยใช้การคัดแยกขยะแล้วนําไปย่อย เป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยก่อนเข้าตามกระบวนการปรับเสถียร ก่อนทิ้งในหลุมฝังกลบตามกฎหมาย แต่การจัดการเพื่อนํากลับมาใช้ใหม่จะมีกระบวนการที่ซับซ้อนขึ้นเพื่อให้ได้วัสดุ คุณภาพดีที่สามารถรีไซเคิลได้ซึ่งต้องใช้เงินทุน บุคลากร และเทคโนโลยีมากขึ้น
ยุทธนากร เล่าว่า “ตอนนี้เหตุผลหลักของอุตสาหกรรมรีไซเคิลแผงโซลาร์เซลล์ที่ทำให้ยังไม่เกิดขึ้นได้จริงในประเทศไทย เพราะไม่คุ้มค่าต่อการลงทุน คือสามารถรีไซเคิลแล้วดึงมูลค่าของวัสดุในนั้นรวมกันได้แค่ 400 บาท กระบวนการส่วนใหญ่มีเพียงแค่แยกกระจก กรอบโลหะอลูมิเนียม แล้วเอาไปฝังกลบ ส่วนที่เหลือพลาสติกหรือโลหะหนักต่างๆ ก็จะมีบางบริษัทที่นำซิลิกอนหรือเอาแร่โลหะต่างๆ ที่อยู่ภายในเอากลับไปทำแผงโซลาร์เซลล์เหมือนเดิม แต่ว่าการเอาไปทำจะต้องทำให้บริสุทธิ์มากกว่าเดิม ซึ่งกระบวนการนี้ยุ่งยาก ซับซ้อน และใช้ต้นทุนที่สูงมาก จึงทำให้ไม่คุ้มทุน”
“ความแตกต่างที่ชัดเจนของนวัตกรรมของเรา คือ เราสกัดซิลิกอนจากภายในแผงโซลาเซลล์เหมือนคนอื่นๆ แต่เรานำมาปรับปรุงคุณสมบัติให้เป็นซิลิกอนที่เหมาะกับแบตเตอรี่ที่มีขนาดในระดับนาโนเมตร คือเล็กมากๆ เหมือนกับนำเส้นผม 1 เส้น มาแบ่งเป็น 8 แสนเส้น ซึ่ง 1 ใน 8 แสน นั่นละเป็น 1 นาโน พอเราทำกระบวนการได้ เราจะสามารถเพิ่มมูลค่าจากซิลิกอนเกรดโลหะกรัมที่อยู่ในแผงโซลาร์เซลล์ เวลาสกัดมาได้กิโลละ 75 บาท ถ้านำไปทำเป็นแบตเตอรี่ลิเธียมไอออน นาโนซิลิกอน ซึ่งสามารถใช้กับแบตเตอรี่ได้ทุกประเภท เช่น แบตเตอรี่สำหรับรถยนต์ไฟฟ้าก็ได้ ขึ้นอยู่กับรูปแบบที่ออกแบบมาเพื่อการใช้งานในแต่ละรูปแบบ ในแบตเตอรี่ 1 เซลล์ เราใช้ในขั้วลบประมาณ 10-15% ซึ่งจำนวนนี้แหละที่เราเอานาโนซิลิกอนหรือวัสดุที่เราสกัดได้ไปทดแทน โดยมีคุณสมบัติที่เบา ประจุพลังงานได้มาก และใช้งานได้ยาวนาน”
“การได้รับโอกาสจากอินโดรามา เวนเจอร์ส และองค์กรพันธมิตรต่างๆ ที่ร่วมจัดนี้ เปรียบเหมือนกับหลายๆ มือที่ผสานกัน ให้ความเชื่อมั่นว่า ‘คุณทำได้’ ผมเชื่อว่า สักวันมันจะต้องเกิดผลขึ้นจริง นี่เป็นกำลังใจที่สำคัญมาก สิ่งที่คาดต่อจากนี้คือ การพัฒนาโรงงานฉบับสมบูรณ์ ที่สามารถนำไปพัฒนาเป็นสตาร์ทอัพหรือใช้ในการผลิตของโรงงานอุตสาหกรรมรีไซเคิลแผงโซลาร์เซลล์ในประเทศไทยได้” ยุทธนากร กล่าวปิดท้าย
ทั้งนี้ นายยาช โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารด้านความยั่งยืน อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “เรารู้สึกภูมิใจที่ทุกโครงการที่เราให้การสนับสนุน จะเป็นแรงผลักดันและกำลังใจส่งเสริมให้เยาวชน คนรุ่นใหม่ สามารถนำแนวคิดของพวกเขามาพัฒนาต่อยอดใช้ประโยชน์ในชีวิตจริงได้ภายใต้แนวทางของการรีไซเคิล และเศรษฐกิจหมุนเวียน สอดคล้องกับความมุ่งมั่นของไอวีแอลในการส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียน เราเชื่อว่าคนรุ่นใหม่เหล่านี้คืออนาคตของเราที่จะมีส่วนช่วยขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงที่ยั่งยืน และส่งเสริมภาคอุตสาหกรรมในเชิงบวก และเราภูมิใจที่ได้เป็นส่วนหนึ่งในการพัฒนาของพวกเขา”