ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด ผนึกพันธมิตร แองโกล เอเชีย กรุ๊ป , ยูเอซี, ชบาบางกอก และ มูลนิธิ 3R ประกาศความพร้อม ชูนวัตกรรมและกระบวนการจัดการขยะกระป๋องอะลูมิเนียมที่ได้มาตรฐานระดับสากลและครบวงจร โดยการนำบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้ว มาผ่านกระบวนการรีไซเคิล ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ผ่านการขับเคลื่อนประเทศแบบเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy)
สาโรช ชยาวิวัฒน์กุล กรรมการผู้จัดการ บริษัท ไทยเบเวอร์เรจแคน จำกัด กล่าวว่า “บริษัท ไทยเบเวอร์เรจ แคน จำกัด หรือ ทีบีซี ในฐานะผู้นำในตลาดบรรจุภัณฑ์กระป๋องและฝาอะลูมิเนียมชั้นนำของไทยและเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ มุ่งมั่นที่จะเป็นต้นแบบและผู้นำด้านความยั่งยืนในธุรกิจบรรจุภัณฑ์ โดยร่วมมือกับทั้งสี่องค์กรที่มีความตั้งใจเดียวกันในการลดปริมาณขยะ นำเทคโนโลยีรีไซเคิลที่ทันสมัยเข้ามาช่วยเปลี่ยนขยะอะลูมิเนียมให้กลับมาเป็นบรรจุภัณฑ์อาหารและเครื่องดื่มที่ปลอดภัยและถูกสุขลักษณะ สามารถนำกลับมาใช้ประโยชน์ได้ 100% เกิดการหมุนเวียนของทรัพยากรอย่างมีประสิทธิภาพแท้จริง เพื่อลดโอกาสที่ขยะจะถูกนำไปฝังกลบ หรือหลุดไปเป็นขยะทะเล”
ปัจจุบันประเทศไทยมีการผลิตกระป๋องอะลูมิเนียมประมาณ 6,500 ล้านกระป๋องต่อปี แบ่งเป็น 50% สำหรับส่งออกไปต่างประเทศ ส่วนอีก 50% จะวนอยู่ในประเทศไทย ซึ่งไทยเป็นประเทศหนึ่งเดียวในอาเซียนที่มีความพร้อมในการจัดการขยะอะลูมิเนียมได้ครบวงจร ผ่านความร่วมมือกับองค์กรต่างๆ เริ่มต้นการรีไซเคิลโดย บริษัท แองโกล เอเชีย กรุ๊ป (ประเทศไทย) จำกัด ที่พร้อมให้บริการรีไซเคิลเศษกระป๋องอะลูมิเนียมในขั้นตอนตั้งแต่นำกระป๋องอะลูมิเนียมที่ถูกคัดแยกออกจากวัสดุอื่นๆ ผ่านเครื่องคัดแยก และทำความสะอาดแล้ว มาเข้าเครื่องตัด บดให้เป็นชิ้นเล็กๆ และป้อนเข้าสู่กระบวนการขจัดสีเคลือบแล็กเกอร์ ผ่านกระบวนการผลิตได้มาตรฐานจากวัตถุดิบรีไซเคิลสูงถึง 99%
จากนั้นส่งต่อไปยัง บริษัท ยูเอซีเจ (ประเทศไทย) จำกัด โรงงานผลิตแผ่นอะลูมิเนียมชั้นนำแห่งเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ให้ดำเนินการต่อตั้งแต่กระบวนการหล่อวัตถุดิบในอุณหภูมิสูงถึง 730 องศาเซลเซียสเพื่อความสะอาดปลอดภัยจากสิ่งปนเปื้อน ไปจนถึงกระบวนการรีดเป็นแผ่นอะลูมิเนียมโดยใช้เทคโนโลยีขั้นสูง ภายใต้ความรู้ความเข้าใจในการปฏิบัติงานที่ได้บ่มเพาะมาเป็นเวลานาน
ขณะที่ทางทีบีซีเองจะทำการขึ้นรูปทรงใหม่ตามประเภทของการใช้งาน ทั้งที่เป็นวัตถุดิบในการผลิตสินค้า และบรรจุภัณฑ์ที่เหมาะสมต่อไป พร้อมสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียนภายใต้กรอบความยั่งยืน ผ่านการวิจัย และสร้างสรรค์นวัตกรรมผลิตภัณฑ์ที่ตอบสนองความต้องการของตลาดได้อย่างตรงจุด พร้อมรับมือกับแนวโน้มการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เกิดขึ้นตลอดเวลา
โดยขณะที่ปลายทางของระป๋องอะลูมิเนียมรีไซเคิลมาจบที่ บริษัท ชบาบางกอก จำกัด ผู้นำและผู้เชี่ยวชาญเกี่ยวกับเครื่องดื่มจากผลไม้ เป็นหนึ่งในบริษัทที่มีการใช้บรรจุภัณฑ์กระป๋องอะลูมิเนียมที่ผ่านการรีไซเคิลมาแล้วในกระบวนการผลิตสินค้า 100% แสดงถึงการให้ความสําคัญกับการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม โดยตระหนักถึงปัญหามลภาวะต่างๆที่อาจเกิดขึ้นระหว่างกระบวนการผลิต รวมถึงภาวะโลกร้อน ที่อาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิตมนุษย์และระบบนิเวศน์ได้
ทั้งนี้ การรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมส่งเสริมให้เกิดประโยชน์ครอบคลุม 3 ด้าน ได้แก่
1.ด้านเศรษฐกิจ: เสริมสร้างการจ้างงานในอุตสาหกรรมรีไซเคิล ส่งเสริมอาชีพรับซื้อขยะรีไซเคิลทั้งร้านรับซื้อของเก่า และซาเล้ง ซึ่งมีอยู่ประมาณ 150,000 รายทั่วประเทศ ทั้งยังลดต้นทุนในการผลิต และการนำเข้าวัตถุดิบจากต่างประเทศได้อีกทาง
2.ด้านสังคม: สร้างการรับรู้ให้แก่ผู้บริโภคในการช่วยกันเพิ่มการจัดเก็บบรรจุภัณฑ์ที่ใช้แล้วให้ถูกต้อง กระตุ้นให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องหันมาบูรณาการใช้นโยบายและระบบบริหารจัดการขยะอย่างจริงจัง
3.ด้านสิ่งแวดล้อม: ลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อม ซึ่งเป็นปัญหาสำคัญที่ทั่วโลกกำลังเผชิญ โดยเฉพาะผลกระทบจากการทำเหมืองอะลูมิเนียม อีกทั้งลดปริมาณขยะฝังกลบ และขยะที่หลุดไปในทะเล นอกจากนี้ยังเป็นการใช้ทรัพยากรหมุนเวียนอย่างคุ้มค่า มีประสิทธิภาพ เพื่อช่วยอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมอย่างยั่งยืน
ด้าน ดร.วิฑูรย์ สิมะโชคดี ประธานกรรมการบริหาร มูลนิธิการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน (มูลนิธิ 3R) กล่าวว่า “ความร่วมมือในครั้งนี้มุ่งเน้นการรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมแบบครบวงจร เพื่อพัฒนาเป็นต้นแบบการนำขยะกลับไปใช้ประโยชน์ใหม่ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และลดปริมาณขยะรวมในระบบ ซึ่งสอดคล้องกับพันธกิจหลักของมูลนิธิ 3R ในฐานะองค์กรในการผลักดันให้เกิดการบริหารจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืน”
ภายใต้แนวคิด 3R ประกอบไปด้วย การลดการใช้ (Reduce) เพิ่มการใช้ซ้ำ (Reuse) และนำกลับมาใช้ใหม่ (Recycle) พร้อมส่งเสริมแนวคิดการออกแบบผลิตภัณฑ์และการพัฒนานวัตกรรมตามหลักการเศรษฐกิจหมุนเวียน หรือ Circular Economy เพิ่มการนำทรัพยากรกลับมาใช้ใหม่ ควบคู่การสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันให้กับธุรกิจในประเทศไทย ถือเป็นอีกก้าวสำคัญของประเทศไทยในการขับเคลื่อนการจัดการขยะ เพื่อส่งเสริมให้เกิดการจัดการทรัพยากรอย่างยั่งยืนต่อไป
สำหรับความร่วมมือในครั้งนี้ตอกย้ำถึงความมุ่งมั่นในการแก้ไขปัญหาขยะอย่างยั่งยืนของภาคเอกชนที่เล็งเห็นถึงความสำคัญของปัญหาสิ่งแวดล้อมที่เกิดขึ้นตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบัน พร้อมผลักดันให้ “การรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียม” เป็นหนึ่งในต้นแบบการจัดการขยะ ซึ่งหากรัฐบาลให้การสนับสนุนการรีไซเคิลกระป๋องอะลูมิเนียมก็จะช่วยผลักดันให้เกิดการรีไซเคิลในประเทศมากขึ้น ถือเป็นการสร้างประโยชน์ด้านสิ่งแวดล้อม เศรษฐกิจ และสังคม