นับเป็นความพยายามอย่างต่อเนื่องของแบรนด์อาหารฟาสต์ฟู้ดอย่าง Burger King ในการคิดค้นและประยุกต์ใช้นวัตกรรมในการลดการปล่อยก๊าซที่ส่งผลกระทบต่อภาวะโลกร้อนที่เรากำลังเผชิญอยู่ในปัจจุบัน
เมื่อเร็วๆนี้ Burger King ได้ร่วมกับนักวิทยาศาสตร์ ชื่อว่า ศ.ดร. Octavio Castelan แห่ง the Autonomous University ประเทศเม็กซิโก และ ศ.ดร. Ermias Kebreab แห่งมหาวิทยาลัยแคลิฟอร์เนีย ในการพัฒนาสูตรอาหารที่ใช้เลี้ยงวัวและได้มีการทดลองจริงเพื่อดูอัตราการปล่อยก๊าซมีเทนของวัวเหล่านั้น
ตามรายงานขององค์การอาหารและเกษตรแห่งสหประชาชาติ (FAO) ระบุว่า การทำปศุสัตว์ถือเป็นหนึ่งในกิจกรรมที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมมากที่สุด โดยก่อให้เกิดก๊าซเรือนกระจกมากถึง 14.5% ของการปล่อยก๊าซเรือนกระจกทั่วโลก หรือเทียบเท่าก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ 7,100 ล้านตัน ซึ่งมากกว่าการปล่อยก๊าซพิษโดยตรงจากรถยนต์ เครื่องบิน หรือยานพาหนะอื่น ทั้งยังต้องใช้น้ำมากถึง 11,360 แกลลอน เพื่อผลิตเนื้อวัว 1 กิโลกรัม
โดยวัวแต่ละตัวจะปล่อยก๊าซมีเทนทั้งจากการเรอและผายลมราว 70-120 กิโลกรัมต่อปี ปัจจุบันทั่วโลกมีวัวราว 1,300-1,500 ล้านตัว เมื่อรวมๆ กันแล้วก๊าซมีเทนที่วัวเหล่านี้ปล่อยออกมาส่งผลเสียต่อโลกมากกว่าการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เนื่องจากก๊าซมีเทนทำให้เกิดปฏิกิริยาเรือนกระจกได้มากกว่าคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 23 เท่า
สำหรับอาหารเลี้ยงวัวที่พัฒนาขึ้นมาก็มีสูตรไม่ซับซ้อนนัก เบื้องต้นได้มีการทดลองโดยการนำใบตะไคร้ปริมาณ 100 กรัม ผสมลงไปในอาหารที่กำหนดโดยสัตวแพทย์ให้วัวกินทุกวันตลอดระยะเวลา 4 เดือน พบว่าสูตอาหารดังกล่าวช่วยลดการปล่อยก๊าซมีเทนที่เกิดจากกระบวนการย่อยอาหาร โดยทาง Burger King ได้เปิดข้อมูลที่ได้ค้นพบนี้เป็นสาธารณะเพื่อเป็นวิทยาทานในการแก้ปัญหาจริง
เมื่อวันที่ 14 กรกฎาคม ที่ผ่านมา ทาง Burger King ดีเดย์เริ่มใช้เนื้อที่ได้จากวัวที่เลี้ยงด้วยสูตรอาหารดังกล่าวในการผลิต Whopper แสนอร่อย ในสาขาต่างๆ เช่น ไมอามี นิวยอร์ก ออสติน พอร์ตแลนด์ และลอสแอนเจลิส
หากแฟนๆ Whopper อยากลิ้มลองความละมุนลิ้นของเนื้อดังกล่าว อาจจะต้องบินตรงไปตามสาขาที่กล่าวข้างต้น เพราะยังไม่ทราบว่าจะส่งมาบ้านเราเมื่อไหร่
Credit : www.environmentalleader.com/2020/07/burger-king-begins-using-specific-diet-for-cows-that-reduces-methane-emissions/