เมื่อเร็ว ๆ นี้ The Brand Audit Report 2019 ได้เปิดเผยรายงานปริมาณขยะพลาสติกที่อาสาสมัครภายใต้ชื่อ Break Free From Plastic ได้รวบรวมจากทั่วโลก ซึ่งพบว่าบรรจุภัณฑ์ของ Unilever เป็นขยะพลาสติกที่พบมากเป็นอันดับที่ 5 จากสถิติครั้งนี้เป็นเหมือนตัวกระตุ้นและเป็นโอกาสให้บริษัท Unilever มองหาโซลูชั่นใหม่ๆเพื่อช่วยลดปริมาณขยะพลาสติกในอนาคต
โดย Alan Jope ในฐานะ CEO ของ Unilever ได้กล่าวในการประชุม the One Young World เมื่อวันที่ 25 ตุลาคม ที่ผ่านมาว่า “กดดันเราสิ เรียกร้องเราสิ หากเรายังดำเนินการไม่ดีพอ” และเขายังยกรายงานฉบับใหม่ของ Ellen MacArthur Foundation ที่พบว่าบรรจุภัณฑ์ของสินค้าอุปโภคบริโภคของบริษัทยักษ์ใหญ่ใช้วัสดุรีไซเคิลเพียงแค่ 1% เท่านั้น
เขาเสริมว่า “เมื่อปีที่แล้วเรายังคงเป็นข่าวว่าดำเนินการเรื่องพลาสติกไม่เพียงพอเท่าไหร่นัก ซึ่งผมยอมรับว่าเป็นเรื่องจริง และผมก็รู้สึกแย่มาก แต่จากนี้ไปอีก 2 ปีข้างหน้า เราจะเดินหน้าแก้ปัญหาอย่างจริงจัง ผมขอให้จับตาดูเราและตัดสินด้วยการกระทำของเรา ไม่ใช่คำสวยๆที่เราพูดออกมา”
Unilever มีความตั้งใจที่จะลดการใช้พลาสติกใหม่ (virgin plastics)ลง 50% ภายในปี 2025 ซึ่งความมุ่งมั่นดังกล่าวเป็นส่วนหนึ่งของความเชื่อว่าเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) เป็นกุญแจสำคัญในการหยุดปัญหาการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ ซึ่งก็สอดคล้องกับปณิธานของ Jope ที่กล่าวว่า “การเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศนั้นเป็นเรื่องจริง ความไม่เท่าเทียมเป็นสิ่งที่ยอมรับไม่ได้ และพลาสติกก็เป็นปัญหา”
Jope ยังอธิบายเพิ่มว่า แม้ว่าแบรนด์สามารถสร้างการเปลี่ยนแปลงอันใหญ่หลวงได้ แต่ผู้มีส่วนได้เสียสำคัญอื่นๆจากภายนอกภาคธุรกิจมีส่วนผลักดันเพื่อให้โลกนี้ดีขึ้นด้วยเช่นกัน “ความท้าทายด้านความไม่เท่าเทียมกันและการเปลี่ยนแปลงของสภาพภูมิอากาศไม่ใช่เป็นสิ่งที่เราสามารถทำได้เพียงลำพัง เราต้องการให้ภาคธุรกิจ ภาครัฐ ชุมชนและประชาชนมาร่วมกันสร้างการเปลี่ยนแปลงตามที่เราต้องการ”
อย่างไรก็ตาม คำกล่าวของ Jope นับเป็นการสร้างแรงกระตุ้นให้Unilever มุ่งมั่นที่จะดำเนินการด้านขยะพลาสติกให้มากขึ้น โดยกล่าวทิ้งท้ายว่า “เรามุ่งมั่นที่จะพิสูจน์ให้ประจักษ์ ทั้งนี้เพราะบริษัทเอกชนที่มีความรับผิดชอบและความยั่งยืนทั้งหลายจะ มีส่วนช่วยความมั่นคงทางการเงินให้ดีขึ้น และนั่นก็เป็นภารกิจของเรา”
Credit : www.marketingweek.com/unilever-plastic-waste/