ปริมาณขยะล้นเมืองมักเป็นปัญหาอันดับต้นๆของเมืองใหญ่ที่มีปัจจัยมาจากการเพิ่มขึ้นของจำนวนประชากรและพฤติกรรมการใช้ชีวิตที่ส่งผลกระทบโดยตรงต่อธรรมชาติและสิ่งแวดล้อมเป็นเหตุให้เกิดแคมเปญมากมายเพื่อรณรงค์การลดขยะด้วยวิธีต่างๆ เพราะเหตุนี้จึงทำให้รัฐบาลจีนผุดไอเดียการนำขยะมาใช้ประโยชน์ด้วยการสร้างเมกะโปรเจคเปลี่ยนขยะเป็นพลังงานที่สามารถรองรับขยะได้ถึง 5,000 ตันต่อวัน
โครงการเมกะโปรเจคนี้คือการสร้างโรงไฟฟ้าผลิตพลังงานจากขยะขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่นอกเมือง ทั้งนี้เซนเจิ้นที่ถือเป็นเมืองใหญ่ที่มีประชากรมากถึง 20 ล้านคนที่สร้างขยะมากถึง 15,000 ตันต่อวัน แต่การสร้างโรงไฟฟ้าผลิตพลังงานจากขยะนี้ให้ประโยชน์ได้ถึง 2 ประการ คือ สามารถกำจัดปัญหาขยะในเมืองและยังผลิตพลังงานจากขยะได้ด้วย โดยกระบวนการผลิตพลังงานอาศัยความร้อนจากการเผาขยะซึ่งจะเป็นตัวขับเคลื่อนกังหันลมที่ใช้ในการผลิตกระแสไฟฟ้า ขณะที่การเผาไหม้ขยะจะปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่เป็นอันตรายออกสู่ชั้นบรรยากาศแต่จะเกิดขึ้นในปริมาณที่น้อยกว่าปริมาณเฉลี่ยของก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ที่ผลิตขึ้นจากการกำจัดขยะด้วยวิธีฝังกลบที่พบเห็นได้ทั่วเมืองเซนเจิ้น
ปัจจุบันโรงไฟฟ้าผลิตพลังงานจากขยะกำลังเติบโตขึ้นอย่างมีนัยสำคัญซึ่งคาดว่าจะมีมูลค่าในตลาดโลกถึง 4 หมื่นล้านเหรียญภายในปี 2023 และในปัจจุบันประเทศจีนยังเป็นผู้นำอันดับหนึ่งในด้านกำลังการผลิตจากการที่มีโรงไฟฟ้าผลิตพลังงานจากขยะที่ใหญ่ที่สุดในโลกและโรงไฟฟ้ากว่า 300 โรงทั่วประเทศ ซึ่งมีอัตราการผลิตที่เพิ่มขึ้นทุกปีคิดเป็น 26% ตลอดระยะเวลา 5 ปีที่ผ่านมา เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตเฉลี่ยเพียง 4% ของกำลังการผลิตไฟฟ้าของกลุ่มประเทศ OECD หรือกลุ่มประเทศสมาชิกองค์การเพื่อความร่วมมือทางเศรษฐกิจและการพัฒนา 30 ประเทศ ได้แก่ ออสเตรเลีย ออสเตรีย เบลเยียม แคนาดา เป็นต้น
นอกจากนี้ จีนยังมีแผนที่จะขยายโครงการโรงไฟฟ้าผลิตพลังงานจากขยะไปยังเมืองสำคัญต่างๆ เช่น Hubei, Hunan, Guangdong, Shandong, Hainan, Jiangxi และ Zhejiang แต่กลับถูกประชาชนประท้วงเนื่องจากความหวาดกลัวที่คิดว่าโรงผลิตพลังงานดังกล่าวอาจจะปล่อยไดออกซินซึ่งเป็นสารก่อมะเร็งหรือสารพิษอื่นๆในระดับที่ก่ออันตรายต่อชีวิตได้
อย่างไรก็ตาม โรงไฟฟ้าผลิตพลังงานจากขยะในเซนเจิ้นเป็นเพียงการแก้ปัญหาขยะชั่วคราวเท่านั้นเพราะโรงผลิตพลังงานสามารถรองรับขยะได้เพียง 1 ใน 3 ของปริมาณขยะทั้งหมดที่ชาวเมืองเซนเจิ้นสร้างขึ้นมา หนำซ้ำปริมาณขยะในเมืองเซนเจิ้นยังคงเพิ่มขึ้นปีละ 7% ดังนั้น การแก้ไขปัญหาขยะอย่างยั่งยืนคงต้องเริ่มต้นจากการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรมของชาวเมืองเซนเจิ้นเพื่อลดการสร้างขยะและหันมาใช้วัสดุรีไซเคิลให้มากยิ่งขึ้น
Credit:www.weforum.org/agenda/2019/07/one-of-china-s-biggest-megacities-is-building-a-giant-waste-to-energy-plant/