หลังจากที่กลุ่มอนุรักษ์สิ่งแวดล้อมหลายประเทศชุมชนเพื่อกดดันเพื่อต่อต้านอุตสาหกรรมที่ปล่อยก๊าซเรือนกระจก ซึ่งเป็นหนึ่งในสาเหตุสำคัญที่ทำให้อุณหภูมิโลกสูงขึ้น ในที่สุดทางรัฐสภาอังกฤษทนแรงกดดันไม่ไหวได้ประกาศภาวะฉุกเฉินการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว
ซึ่งข้อเสนอนี้ได้รับการอนุมัติอย่างเป็นเอกฉันท์โดยปราศจากการโหวต หัวหน้าพรรคแรงงาน Jeremy Corbyn ซึ่งตัวตั้งตัวตีของการเคลื่อนไหวดังกล่าวพูดว่า “ถือเป็นก้าวที่ยิ่งใหญ่เพื่อเดินต่อไป” การประกาศภาวะฉุกเฉินครั้งนี้ถือเป็นหนึ่งในคำเรียกร้องสำคัญของ Extinction Rebellion ซึ่งเป็นกลุ่มนักเคลื่อนไหวด้านสิ่งแวดล้อมได้ชุมนุมประท้วงต่อเนื่องมาหลายสัปดาห์
Mr. Corbyne นักต่อต้านด้านสภาพภูมิอากาศได้ปีนขึ้นไปบนรถดับเพลิงใน Parliament Square เพื่อประกาศปฏิญญาว่า “นี่เป็นการเริ่มต้นของคลื่นแห่งปรากฏการณ์จากรัฐสภาและรัฐบาลทั่วโลก เราขอปฏิญญาว่าเราจะร่วมกันทำงานกับประเทศที่มีความจริงจังเพื่อหยุดยั้งการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศและเพื่อให้ประธานาธิบดีสหรัฐฯได้เห็นแจ้งว่าเขาไม่สามารถเพิกเฉยกับข้อตกลงระหว่างประเทศและการปฏิบัติต่อวิกฤติสภาพภูมิอากาศได้”
แม้ว่าจะไม่มีคำจำกัดความที่แน่ชัดว่าภาวะฉุกเฉินของสภาพภูมิอากาศคืออะไร แต่คนในหลายพื้นที่กล่าวว่าพวกเขาต้องการให้การปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์สุทธิเท่ากับศูนย์ ภายในปี 2030 เทศบาลบางแห่งได้ให้คำมั่นว่าจะเริ่มทำศูนย์รถยนต์ไฟฟ้าหรือสร้างบ้านที่ยั่งยืนเพื่อให้บรรลุเป้าหมายนี้ ซึ่งเป็นเป้าหมายที่แสดงความทะเยอทะยานมากกว่าเป้าหมายของรัฐบาลอังกฤษที่จะลดการปล่อยคาร์บอน 80% ภายในปี 2050 (เมื่อเทียบกับระดับการปล่อยก๊าซในปี 1990)
นอกจากนี้ การเคลื่อนไหวของพรรคแรงงานยังได้เรียกร้องให้รัฐบาลมุ่งบรรลุการปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิให้เป็นศูนย์ให้สำเร็จก่อนปี รวมถึงเรียกร้องให้เหล่ารัฐมนตรีในการเน้นย้ำข้อเสนอที่เร่งด่วนนี้เพื่อฟื้นฟูสิ่งแวดล้อมทางธรรมชาติของประเทศอังกฤษและส่งมอบ “เศรษฐกิจปลอดขยะ” หรือ “zero waste economy” ภายใน 6 เดือนข้างหน้านี้
ทั้งนี้ รัฐบาลเวลส์และสกอตแลนด์ พร้อมด้วยอีกหลายๆเมือง เช่น แมนเชสเตอร์ และลอนดอน ก็ได้ร่วมกันประกาศภาวะฉุกเฉินด้านสภาพภูมิอากาศเป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน
https://www.bbc.com/news/uk-politics-48126677
