“เพราะเราเชื่อว่าเด็กทุกคนต้องการเรียนรู้ และสามารถเรียนรู้ได้อย่างลุ่มลึก การที่เด็กจะเติบโตไปสู่ยุคที่ข้อมูล ข่าวสาร เทคโนโลยีเปลี่ยนแปลงอย่างไม่หยุดยั้ง เด็กควรจะมีเครื่องมือที่จะติดตัวไปเพื่อความก้าวหน้าของตนในอนาคต เครื่องมือนั้นก็คือทักษะการคิด โดยเฉพาะการคิดแบบวิเคราะห์ มีวิจารณญาณที่ดี และการคิดสร้างสรรค์จะช่วยให้เด็กประสบความสำเร็จในทุกยุคทุกสมัย” คำบอกเล่าของคุณครูไก่ วิวรรณ สารกิจปรีชาที่เล่าให้เราฟังถึงวัตถุประสงค์ของการจัดการเรียนแบบ Project Approach ที่โรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ยึดถือเป็นแนวทางในการบ่มเพาะลูกเจี๊ยบน้อยมากว่า 40 ปี
การเรียนรู้แบบ Project Approach จะเกิดขึ้นในช่วงภาคปลายนาน 7 สัปดาห์ เด็กๆ จะเรียนรู้เกี่ยวกับเรื่องที่เจาะจงมากขึ้นตามความสนใจของเด็กๆ กันเอง เช่น เรื่องซูชิ พิซซ่า ช้าง ไอศกรีม หรือเครื่องบิน เป็นต้น วันนี้เราจึงจะขออาสานำทุกท่านไปสืบค้นกันอย่างลุ่มลึกกับน้องๆชั้นอนุบาล 2/3 ที่เด็กๆเลือกที่จะเรียนเรื่องเครื่องบินกันค่ะ ตามมาดูกันว่ากัปตันตัวจิ๋วจะพาเราไปสืบค้น ค้นคว้า วิเคราะห์และเรียนรู้เกี่ยวกับเครื่องบินกันอย่างไร
การเลือกหัวข้อของการเรียนรู้นั้น จะให้อิสระเด็กๆในการเลือกเรียนเองโดยมีคุณครูเป็นผู้ให้คำแนะนำ เด็กจะได้เรียนรู้ในการแสดงความคิดเห็น อภิปรายแสดงถึงความรู้เดิม และครูช่วยให้เด็กบันทึกความคิดของตนด้วยวิธีต่างๆ เช่น วาด ปั้น จำลอง ฯลฯ เป็นต้น”ครูไก่กล่าวเสริม เรายังสามารถเห็นผลงานของเด็กๆที่บันทึกถึงความรู้เดิมเกี่ยวกับเครื่องบินในรูปแบบต่างๆ ได้จากผลงานที่นำมาจัดแสดงในห้องนิทรรศการ อีกด้วย
เมื่อได้หัวข้อที่ต้องการเรียนรู้ พวกเขาก็จะช่วยกันตั้งคำถามที่อยากรู้เกี่ยวกับเครื่องบิน “วิลอยากรู้ว่า ที่นั่งคนขับเครื่องบินเป็นอย่างไรและอุปกรณ์ของนักบินเป็นอย่างไร และก็อยากรู้ว่าทำไมต้องมีแอร์โฮสเตส” เด็กชายธนัช สุทธิบุตรเล่าให้เราฟัง เมื่อมีคำถามที่อยากรู้แล้วก็ต้องมีการค้นคว้าหาคำตอบ เด็กๆต่างนำเสนอที่จะหาคำตอบด้วยวิธีหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นการสืบค้นจากพจนานุกรม สารานุกรม internet google search จากการดูใน youtubeจากวิทยากรผู้เชี่ยวชาญ หรือแม้แต่วางแผนที่จะไปเห็นเครื่องบินของจริงกัน
ซึ่งการเรียนรู้ในขั้นนี้เป็นระยะที่ 2 ของการเรียนรู้แบบ Project Approach นั้นคือการรวบรวบข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องที่เรียนรู้นั้นเอง เพื่อให้เด็กๆได้รู้ความหมายของเครื่องบิน คุณครูได้นำเอาพจนานุกรม ฉบับราชบัณฑิตสถาน พ.ศ. 2554 มาให้เปิดหาความหมาย น้องๆลูกเจี๊ยบน้อยก็สามารถเปิดหาความหมายของเครื่องบินกันได้เอง พร้อมกับสรุปให้เราฟังได้ว่า “เครื่องบินคืออากาศยาน หนักกว่าอากาศ ลอยตัวอยู่บนฟ้า ขับเคลื่อนโดยใช้เครื่องยนต์ มีแรงพยุงทำให้เครื่องบินไม่ตก” น้องจิฎา เด็กหญิงจิณณ์จิฎา หอมกลิ่นแก้วกล่าวอย่างฉะฉาน
นอกเหนือจากการหาความรู้จากหนังสือ การได้เรียนรู้จากผู้เชี่ยวชาญนับเป็นอีกวิธีหนึ่งและอนุบาลกุ๊กไก่เปิดกว้างให้ผู้ทรงคุณวุฒิในสาขาต่างๆเข้ามาแบ่งปันให้กับเด็กนักเรียนซึ่งครั้งนี้ เด็กๆได้พบกับกัปตันนักบินตัวจริง 2 ท่าน ได้แก่ กฤศ์นัฐ เต็มสิริศักดิ์ และ นันทพล ขินทอง ที่มาเล่าถึงส่วนต่างๆของเครื่องบิน ว่ามีอะไรบ้านและแต่ละชิ้นส่วนมีหน้าที่อย่างไร ซึ่งเด็กๆต่างก็ได้รับความรู้มากมาย ซึ่ง น้องจิณณ์ เด็กชายจิณณ์ ยศสุนทร สรุปให้เราฟังได้อย่างน่าสนใจว่า “เครื่องบินมี 3 ส่วน มีห้องคนขับอยู่ข้างหน้าให้นักบินขับ มีปุ่มขับเครื่องบิน มีคันบังคับ มีห้องผู้โดยสารให้ผู้โดยสารนั่ง ด้านล่างมีที่เก็บกระเป๋า เครื่องบินใช้นำมันให้เคลื่อนที่ได้ แต่ไม่เหมือนน้ำมันของรถยนต์ เครื่องบินมีปีก 2 ข้างตรงกลาง ข้างหลังก็มีปีก 2 ข้าง มีหางด้วย มีกล่องดำในเครื่องบิน กล่องดำมีสีแดงกับสีส้ม เพราะมองเห็นชัดเจน เอาไว้ดูตอนเครื่องบินตก”
เนื่องจากตอนที่เริ่มเสนอหัวข้อเรียนรู้ เด็กๆได้เสนอหัวข้อทหารด้วย เด็กๆจึงได้วางแผนในการไปสำรวจเครื่องบินทหาร เพื่อเรียนรู้เพิ่มเติมอีกด้วย โดยไปทัศนศึกษากันที่“พิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศและการบินแห่งชาติ” ได้ชมหนังสั้นเกี่ยวกับประวัติของพิพิธภัณฑ์กองทัพอากาศ รวมถึงได้ชมเครื่องบินตามอาคารต่างๆ เมื่อกลับมาถึงโรงเรียน เด็กๆต่างนำเอาสิ่งที่ได้พบเจอมาเล่าสู่กันฟังอย่างไม่รู้เบื่อ
“วิลได้เห็นเฮลิคอปเตอร์ของจริงลำใหญ่ เห็นมีใบพัดข้างบนมี 2 ใบพัด แล้วใบพัดมันยาวมาก หางก็ยาวและแหลม แล้วข้างในมีที่นั่งคนขับเฮลิคอปเตอร์ เครื่องบินด้านหลังมีหาง ไว้บังคับเลี้ยวซ้ายเลี้ยวขวา มีปีกด้านข้าง 2 ข้าง มีลำตัว มีห้องของคนขับเครื่องบิน ตรงกลางเป็นห้องโดยสาร มีห้องเก็บของ มีล้ออยู่ตรงด้านล่าง มีไอพ่นคือเครื่องยนต์ มีเครื่องบินโดยสารกับเครื่องบินรบ ” เด็กชายธนัช สุทธิบุตร เล่าให้ฟังอย่างคล่องแคล่ว
นอกจากนี้เด็กๆได้ไปทัศนศึกษาที่ห้อง Mock-up Room โรงเรียนการท่องเที่ยวและการบริการ มหาวิทยาลัยสวนดุสิต เพื่อเรียนรู้ขั้นตอนการขึ้นเครื่องบิน ซึ่งเด็กๆได้เล่นบทบาทสมมติเป็นผู้โดยสารไปขึ้นเครื่องบินเพื่อเดินทางไปประเทศสิงคโปร์ เด็กๆสำรวจว่าหนังสือเดินทาง passport ของตนเองเป็นอย่างไร มีการนำหนังสือเดินทางไปเช็คอินเพื่อรับตั๋วโดยสาร และได้ไปรอนั่งขึ้นเครื่องบิน ได้สังเกตว่าตั๋วโดยสารมีรูปร่างลักษณะอย่างไร มีตัวเลข ตัวอักษรอะไรบ้าง เมื่อขึ้นเครื่องบินและนั่งในเก้าอี้ของต้นเองแล้ว เด็กๆก็ได้ชมการสาธิตวิธีการใช้อุปกรณ์ต่างๆในเครื่องบิน เช่น เข็มขัดนิรภัย หน้ากากออกซิเจน เสื้อชูชีพ เป็นต้น
เมื่อได้เล่นบทบาทสมมติเป็นผู้โดยสารแล้ว เด็กๆยังได้มีโอกาสไปทัศนศึกษาที่ Flight Experience Flight Simulator ที่ศูนย์การค้าเกตเวย์ เอกมัย เพื่อเรียนรู้ถึงการทำงานของนักบิน อุปกรณ์และปุ่มต่างๆ ที่นักบินใช้ เช่น คันบังคับ แลนดิ้งเกียร์ จอแสดงแผนที่ จอแสดงน้ำมัน ปุ่ม Power ปุ่ม Auto Pilot เป็นต้น “ปราชญ์เห็นปุ่มในห้องนักบิน มีปุ่มด้านบน ด้านล่าง มีปุ่มเยอะมาก นักบินต้องรู้ว่าเป็นปุ่มอะไรจะได้ขับเครื่องบินไปได้ แล้วนักบินบังคับเครื่องบินก็ต้องจับคันบังคับแล้วดูแผนที่ที่จอข้างหน้า” น้องปราชญ์ เด็กชายปราชญ์ รัตตกุล เล่าให้เราฟังด้วยดวงตาเป็นประกาย
และในสัปดาห์สุดท้าย เด็กๆจะเข้าสู่ระยะที่ 3 ของการเรียนรู้ คือการสรุปผล ซึ่งเด็กๆจะได้อภิปรายกันถึงหลักฐานที่เด็กๆได้สืบและค้นพบที่ช่วยให้เด็กๆตอบคำถามที่ได้ตั้งไว้เมื่อตอนต้น เมื่อความรู้ทุกอย่างตกผลึก ก็ถึงเวลาที่พวกเขาจะต้องช่วยกันเนรมิตห้องเรียนให้เป็นห้องนิทรรศการเพื่อแสดงผลงานการเรียนรู้ให้ผู้ปกครองได้เข้ามาชมกัน เด็กๆต่างช่วยกันจำลอง Runway เพื่อแสดงให้เห็นถึงการขึ้นลงของเครื่องบิน รวมไปถึงจำลองเครื่องบินที่มีห้องโดยสารและห้องนักบิน โดยใช้สิ่งของที่มีอยู่รอบตัว ไม่ว่าจะเป็นกล่องกระดาษที่นำมาทำเป็นตัวเครื่องบิน เก้าอี้เรียนที่นำมาทำเป็นเก้าอี้บนเครื่อง นำริบบิ้นมาจำลองเป็นเข็มขัดนิรภัย