ตั้งแต่วันที่ 1 มกราคม 2019 ที่ผ่านมา กรุงวอชิงตัน ดีซี เป็นเมืองล่าสุดในประเทศสหรัฐอเมริกาที่ประกาศยกเลิกการใช้หลอดดูดพลาสติกและช้อนพลาสติกตามร้านค้าและร้านอาหาร
โดยกรมพลังงานและสิ่งแวดล้อมจะเริ่มทำการตรวจสอบพร้อมออกใบเตือนอย่างไม่เป็นทางการให้กับร้านค้าที่ไม่ปฏิบัติตาม ซึ่งแสดงให้เห็นถึงความพยายามเป็นครั้งที่สองของกรุงวอชิงตัน ในการยกเลิกการใช้หลอดดูดพลาสติกเนื่องจากเกิดความสับสนกับกฎหมายที่ประกาศใช้ในปี 2014 ว่ามีผลบังคับใช้หรือไม่
ทั้งนี้ the Sustainable DC Omnibus Amendment Act of 2014 ซึ่งเป็นพระราชบัญญัติกล่าวถึงการห้ามใช้อุปกรณ์ที่เกี่ยวข้องกับอาหารประเภทใช้แล้วทิ้งที่ผลิตขึ้นจาก polysteryne และสินค้าอื่นๆที่ไม่สามารถนำมารีไซเคิลได้ กฎหมายดังกล่าวครอบคลุมถึงธุรกิจและองค์กรใน DC ที่ขายหรือแจกจ่ายอาหารและเครื่องดื่ม รวมไปถึง ร้านอาหาร คาเฟ่ ฟู้ดทรักซ์ ร้านขายของชำ ห้างร้าน โบสถ์หรือองค์กรไม่หวังผลกำไร เป็นต้น
โดยในเดือนตุลาคม 2018 รายการสินค้าที่ไม่ได้รับการเห็นชอบภายใต้กฎหมายที่ออกเมื่อปี 2014 ได้ถูกนำมาปรับใหม่อีกครั้งรวมถึงหลอดพลาสติกและช้อนคนพลาสติกที่ใช้ได้ครั้งเดียว แต่ยังผ่อนผันให้ธุรกิจท้องถิ่นออกไป โดยเริ่มใช้ในวันที่ 1 กรกฎาคม 2019 เพื่อดำเนินการเปลี่ยนแปลงให้เสร็จสิ้นก่อนที่ กรมพลังงานและสิ่งแวดล้อม หรือ DOEE จะเริ่มลงโทษด้วยการปรับผู้ที่ละเมิดกฎหมาย
พรบ.ฉบับนี้ส่งผลให้ธุรกิจต่าง ๆ ใน DC หยุดการใช้หลอดดูดพลาสติกแล้ว โดย Zachary Rybarczyk หนึ่งในทีมผู้บังคับใช้กฎหมายกล่าวว่า “ธุรกิจบางแห่งเริ่มหันมาใช้หลอดประเภท Hay Straw ที่ทำจากลำต้นข้าวสาลี ซึ่งก็ได้รับความนิยมเป็นอย่างมาก นอกจากนี้เรายังเห็นร้านอาหารต่างเปลี่ยนมาใช้หลอดกระดาษ รวมถึงหลอดดูดที่สามารถนำมารียูสก็เริ่มที่เป็นที่นิยมมากในบาร์”
แรงกดดันในการห้ามหลอดดูดพลาสติกนั้น กลับส่งผลดีต่อธุรกิจที่ผลิตประเภทหลอดดูดทางเลือก ขณะเดียวกันกลุ่มองค์กรที่ไม่หวังผลกำไรต่างออกมาสนับสนุน พรบ.นี้ รวมถึงร้านอาหาร บาร์ คาเฟ่ โรงแรมและองค์กรต่าง ๆ ในเขต DC ต่างก็พร้อมใจร่วมมือกันยกเลิกการใช้หลอดดูดประเภทใช้ครั้งเดียวทิ้ง
แต่อย่างไรก็ตาม การยกเลิกหลอดดูดพลาสติกก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในวงกว้าง โดยกลุ่มสนับสนุนผู้พิการต้องการให้แน่ใจว่านโยบายนี้ได้ให้ข้อยกเว้นกับผู้พิการที่จำเป็นต้องใช้หลอดดูดพลาสติกเนื่องด้วยเหตุผลด้านสุขภาพ
