เลือกสรรวัตถุดิบตามฤดูกาล คือการเคารพธรรมชาติ ไม่บังคับธรรมชาติด้วยการใช้สารเคมี เพื่อให้เกิดผลผลิตนอกฤดู ต้องศึกษาถึงแหล่งที่มาของอาหาร ทำให้เราเห็นคุณค่าของอาหารอย่างแท้จริง พยายามใช้วัตถุดิบทุกส่วนให้เกิดประโยชน์มากที่สุดเพื่อให้มีส่วนที่เหลือทิ้งน้อยที่สุด
ภายใต้แนวคิด Redefining the Good Life ธีมหลักในการประชุมระดับนานาชาติ Sustainable Brands 2017 Bangkok ( หรือ SB’17 Bangkok ครั้งที่ 3 ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 29 -30 พฤศจิกายนนี้ ที่ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์
ธีมงานประชุม ซัสเทนเนเบิล แบรนด์ ในปี 2017 นำเสนอแนวคิด เรื่อง Redefining the Good Life หรือการนิยามคุณภาพชีวิตที่ดี ซึ่ง Good Food เป็นหนึ่งใน 8 หัวข้อหลักที่จะมีการพูดถึงในการสัมมนาครั้งนี้ จึงเป็นที่มาของ “Sustainable Chef Table” เพื่อให้ผู้เข้าร่วมงานได้สัมผัสประสบการณ์ตรงของคำว่า Good Food ที่ไม่ได้มีความหมายเพียงแค่อาหารรสชาติดีที่ทำให้เราอิ่มท้องเท่านั้น แต่ยังมีอาหารสมองที่เชฟทั้ง สามจะมาชวนคิด ชวนคุย ว่าผู้บริโภคจะร่วมสร้างความยั่งยืนทางด้านอาหาร เพื่อให้ลูกหลานของเราในอนาคตมีอาหารบริโภคอย่างอุดมสมบูรณ์ได้อย่างไร
พิพัฒพงศ์ อิศรเสนา ณ อยุธยา ถอดหมวกซีอีโอของดอยคำ เพื่อมาปรุงอาหารไทยแท้ดั้งเดิม ในแบบสำรับไทยของราชสกุลอิศรเสนาร่วมด้วย “เชฟแม็ค” อนุชา พัฒนาศิริรักษ์ โดยจะมีอาหารจานหลักทั้งหมด 3 เมนู คือ แกงใบชะครามใส่เนื้อปู, มัสมั่นไก่ และ แกงคั่วสัปปะรดไข่แมงดา
“ความพิเศษของอาหารไทย 3 เมนูที่นำมาปรุงให้ได้ลิ้มลองในครั้งนี้ นอกจากจะเป็นสูตรดั้งเดิม ที่สืบทอดกันมาในราชสกุลอิศรเสนาแล้ว วัตถุดิบต่าง ๆ ที่นำมาปรุงนั้นยังเป็นพืชผัก ผลไม้ และผลิตผล ต่าง ๆ ที่ปลูกโดยเกษตรกรชาวเขาจากโครงการหลวง ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร ทรงพระกรุณาโปรดเกล้าฯ ตั้งโครงการหลวง เมื่อ พ.ศ.2512 โดยมีพระราชประสงค์เพื่อพัฒนาชีวิตความเป็นอยู่ของชาวเขา ลดการปลูกฝิ่น และฟื้นฟูป่าต้นน้ำลำธาร กระทั่งปัจจุบันพืชผักและผลไม้เขตหนาวของเกษตรกรชาวเขาในพื้นที่โครงการหลวงได้สร้างรายได้ให้ชาวเขา ชนเผ่าต่าง ๆ และเป็นที่รู้จักของผู้บริโภคทั่วไปอย่างกว้างขวาง รวมทั้งได้รับมาตรฐานอาหารปลอดภัย ทั้งมาตรฐานของประเทศไทย และมาตรฐานสากล ซึ่งสด สะอาด และปลอดภัยต่อผู้บริโภคอีกด้วย”
“เชฟแบลค” ภาณุภน บุลสุวรรณ เจ้าของร้าน Blackitch Artisan Kitchen ที่เชียงใหม่ ให้นิยามร้านตัวเองเป็น Sustainable Chef เกิดจากการทำอาหารแต่ละจานเป็น Zero Waste เป็นการให้เกียรติวัตถุดิบที่มาจากธรรมชาติ ซึ่งต้องไม่มีการทิ้งให้เสียของ จึงใช้ความคิดสร้างสรรค์แปรสภาพวัตถุดิบเพื่อนำมาใช้ประโยชน์มากที่สุด ดังนั้นร้านนี้นอกจากจะมีอาหารอร่อยที่ใช้วัตถุดิบออร์แกนิคสด ๆ จากธรรมชาติแล้ว ยังมีซอสทำเอง เช่น กะปิ ปลาร้า เต้าหู้ยี้ แน่นอนว่าซอสเหล่านี้เป็นผลพลอยได้จากวัตถุดิบที่เหลือจากการปรุงอาหารแล้วนั่นเอง
สำหรับเมนูที่จะเสิร์ฟในมื้อ Sustainable Chef Table นั้นปรุงจากวัตถุดิบที่ได้ในวันนั้น ซึ่งส่วนมากเป็นวัตถุดิบตามฤดูกาล โดยเชฟแบลค ได้เล่าถึงการเตรียมตัวนำเสนอเมนู 3 คอร์สแรกซึ่งเป็นเมนูที่เชฟแบลครังสรรค์ขึ้นมาสำหรับมื้อพิเศษนี้โดยเฉพาะ
เชฟแบลคยกตัวอย่างเมนูที่แขกผู้มีเกียรติทุกท่านจะได้รับประทานในวันงาน เริ่มต้นเรียกน้ำย่อยด้วย “ ออเดิร์ฟ 4 ภาค” ที่เป็นของทานเล่นจาก 4 ภาคของไทยในรูปแบบของตัวเองที่ได้เดินทางไปศึกษาวัตถุดิบท้องถิ่นทั่วประเทศมาแล้ว เช่น แคปหมูน้ำพริกเห็ด, ไก่กอแระ, ไส้กรอกปลาส้มข้าวหมก และ เมี่ยงกลีบบัวหลวง ต่อมาเป็นเมนู ยำฝรั่งปลาฟู โดยในช่วงเดือนพฤศจิกายน “ฝรั่ง” เป็นผลไม้สดที่ออกผลในช่วงนั้น ทำให้มีรสชาติอร่อย สด และมากด้วยสารต้านอนุมูลอิสระ เมื่อนำมาทำยำแล้วจะให้ความสดชื่น และเมนูสุดท้ายคือ “ซุปเย็น” เป็นซุปข้าวเกรียบปากหม้อซาวน้ำ
ดินเนอร์มื้อนี้นอกจากจะได้ลิ้มลองรสชาติความอร่อย ประสบการณ์แปลกใหม่แล้ว เบื้องหลังความอร่อยคือ ความอยู่รอดอย่างยั่งยืนของเหล่าผู้ผลิตวัตถุดิบเหล่านั้นเพื่อให้มีอาชีพ มีรายได้ไปเลี้ยงครอบครัว สำหรับSustainable Chef Table มื้อพิเศษนี้ จะจัดขึ้นในคืนวันอังคารที่ 28 พฤศจิกายนศกนี้ ณ SNP Headquarter, (เอส เอ็น พี เฮดควอเตอร์) ตึกอิตัลไทย ถนนเพชรบุรีตัดใหม่ รับเพียง 60 ที่นั่งเท่านั้น ราคา 4,000 บาทต่อหนึ่งท่าน
ร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการนิยามคุณภาพชีวิตที่ดี เพื่อสร้างอนาคตที่ดีให้กับโลกและชีวิตของเราทุกคน ผู้สนใจสามารถติดตามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ www.facebook.com/ Sustainable Brands Bangkok
ข่าวเกี่ยวข้อง
–ดินเนอร์มื้อพิเศษสุดไม่เคยมีใครทำมาก่อน !