Impossible Foods หรืออาหารปราศจากเนื้อสัตว์มุ่งเป้าสำเร็จภายในปี ค.ศ. 2035 โดยImpossible Foods บริษัทสตาร์ทอัพด้านเทคโนโลยีอาหาร ได้เปิดเผยรายงานผลกระทบของปี ค.ศ. 2018 ซึ่งเป็นรายงานความคืบหน้าประจำปีด้านภารกิจ ธุรกิจและโรดแมพเชิงกลยุทธ์ของบริษัท
เนื่องจากบริษัท Impossible Foods เป็นผู้เล่นสำคัญในการเคลื่อนไหวระดับโลกที่เติบโตในการรณรงค์การใช้โปรตีนจากพืชร่วมกับบริษัทอื่นๆ เช่น Max Burgers ในภูมิภาคยุโรปและ Right Treat ของฮ่องกง โดย Impossible Foods ได้สะสมความนิยมในตัวบริษัทและกลุ่มทุนตลอดหลายปีที่ผ่านมาโดยการผลิตเนื้อสัตว์จากพืช ซึ่งมีฟุตพริ้นที่มีขนาดเล็กกว่าเนื้อสัตว์มาก โดยถือเป็นภารกิจหนึ่งของบริษัทในการสร้างสรรค์อาหารที่เป็นประโยชน์และถูกหลักโภชนาการ ฟื้นฟู ecosystem ทางธรรมชาติและป้อนอาหารให้กับประชากรที่กำลังเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างยั่งยืน
The Return
ขณะที่ Impossible Foods ได้เปิดเผยรายงานด้านผลกระทบแล้ว ยังได้เผยแพร่หนังสั้นชื่อว่า The Return เป็นการติดตามการกลับมาของนักบินอวกาศสู่โลกและเขาค้นพบความงดงามของสิ่งมีชีวิตต่างๆ หนังสั้นเรื่องนี้บอกเล่าเรื่องราวเกี่ยวกับโลกของเราและสะท้อนให้เห็นภาพของภารกิจของ Impossible Foods ในการต่อสู้เพื่ออนาคตที่ดีด้วยการสรรหาอาหารที่ดีกว่า และมีความยั่งยืนกว่าให้กับพวกเรา
From white glove to White Castle
Impossible Burger ภายใต้ Impossible Foods มีมากกว่า 3,000 สาขาในประเทศสหรัฐฯ ฮ่องกง และมาเก๊า ซึ่งเพิ่มขึ้นจากเพียงแค่ 40 สาขาเมื่อ 1 ปีที่แล้ว ชาวอเมริกันเพียงชาติเดียวก็บริโภค Impossible Burgers ไปแล้วประมาณ 6 ล้านชิ้นตั้งแต่เดือนกรกฎาคม ปี ค.ศ. 2016 ในวันที่ผลิตภัณฑ์ของ Impossible Burgers เริ่มวางจำหน่ายที่ Chef David Chang, Momofuku Nishi ในเมืองนิวยอร์ก ปัจจุบันนี้ Impossible Burger ได้ให้บริการในร้านอาหารที่หลากหลายตั้งแต่ Taqueria และ Food trucks ไปจนถึงร้านอาหารชั้นนำ รวมถึงร้านที่รวบรวมเบอร์เกอร์ไว้ ได้แก่ Fatburger, Umami Burger, Hopdoddy, The Counter และ Chef Michael Symon’s B Spot ที่เชฟได้สร้างสรรค์เมนูต่างๆ เช่น Impossible tacos, pizza, empanadas Cantonese baos, ก๋วยเตี๋ยวต่างๆ, kefta, ลูกชิ้น, nachos, omelettes, แซนด์วิช และเมนูอื่นๆ ที่ทำขึ้นจากเนื้อ
โดยร้านอาหารฟาสต์ฟู้ดดั่งเดิมของอเมริกาอย่าง White Castle ได้เพิ่ม Impossible Slider ในเมนูของร้านครอบคลุมทั้ง 140 สาขาทั่วประเทศในเดือนเมษายนที่ผ่านมา และจะมีร้านฟาสฟู้ดอื่นๆที่จะเริ่มให้บริการ Impossible Burger ในเมนูของร้านในปลายปีนี้ นอกจากนี้ เพื่อให้ตอบสนองความต้องการที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนี้ ทาง Impossible Foods กำลังเปิดรับสมัครพนักงานเพื่อเพิ่มการผลิตในโรงงานขนาดใหญ่แห่งแรกของบริษัทตั้งอยู่ใน Oakland, California
Dr. Patrick Brown ซึ่งเป็น CEO และผู้ก่อตั้ง กล่าวว่า Impossible Foods อยู่ในการดำเนินการตัดความต้องการเนื้อสัตว์ออกไปด้วยเทคโนโลยีผลิตอาหารภายในปี ค.ศ. 2035
“จนถึงตอนนี้ มีเพียงเทคโนโลยีเดียวเท่านั้นที่เรารู้ว่าสามารถเปลี่ยนพืชเป็นเนื้อสัตว์ได้ แต่การเปลี่ยนพืชเป็นเนื้อวัว เนื้อหมู เนื้อไก่และเนื้อปลานั้นยังไม่ได้ผลที่ดีเท่าไหร่นัก อย่างไรก็ตาม ตอนนี้เรารู้วิธีการผลิตเนื้อดีขึ้นแล้วว่าสามารถผลิตขึ้นโดยตรงจากพืชได้ นอกจากนี้ การกำจัดความต้องการเนื้อสัตว์ในระบบอาหารนั้น เราต้องเปลี่ยนผืนดินขนาดใหญ่ให้เป็นพื้นที่ที่มีความหลากหลายทางชีวภาพ ลดทอนความไม่มั่นคงทางอาหารและความขัดแย้งในโลก รวมถึงปล่อยให้โลกนี้เยียวยาตัวเอง และการกำจัดความต้องการเนื้อสัตว์ในระบบอาหารเป็นหนทางที่ง่ายที่สุดในการอนุรักษ์โลกของเรา”
Heme (โมเลกุลสุดเจ๋งที่คุณกินอยู่ทุกวัน)
ส่วนประกอบที่สำคัญในการผลิตเนื้ออย่างยั่งยืนคือ Heme ซึ่งเป็นหนึ่งในโมเลกุลที่พบได้ทั่วไปและเป็นที่รู้จักดีว่าเป็นโมเลกุลที่คอยจับออกซิเจนในเลือด Heme พบได้ในอาหารทั่วไปและจะมีมากในกล้ามเนื้อสัตว์ ยิ่งมี Heme เยอะก็จะส่งผลให้รสชาติของเนื้อนั้นอร่อยอย่างมีเอกลักษณ์ ซึ่งมีความปลอดภัยและจำเป็นต่อร่างกาย
ทั้งนี้ Impossible Foods ได้พัฒนาการผลิต Heme ที่มีความยั่งยืนและราคาถูก และไม่ส่งผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมของปศุสัตว์ โดยบริษัทใช้วิธีทางวิศวพันธุกรรมและหมักยีสต์เพื่อผลิตโปรตีน Heme ที่ค้นพบได้ในพืชทั่วไป ชื่อว่า soy leghemoglobin นอกจากนี้ การผลิต Impossible Burger ยังใช้น้ำน้อยกว่า 75% และก่อก๊าซเรือกระจกน้อยกว่า 87% อีกทั้ง ยังใช้พื้นที่น้อยกว่าการเลี้ยงสัตว์เพื่อผลิตเนื้อถึง 95%
ภารกิจคือ โลกของเรา
รายงานความยั่งยืนปี ค.ศ. 2018 Mission: Earth ได้จัดทำแผนภูมิความคืบหน้าของ Impossible Foods และความท้าทายที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในการแสวงหาวิสัยทัศน์ของปี ค.ศ. 2035 และเพื่อสร้างข้อมูลในรายงานความยั่งยืนปี ค.ศ. 2018 Impossible Foods ร่วมมือกับนักวิจัยจากมหาวิทยาลัย Technical แห่งประเทศเดนมาร์กเพื่อทำความเข้าใจผลกระทบของผลิตภัณฑ์อาหารของ Impossible Foods ในระดับชาติ รายงานนี้ยังรวมถึงข้อมูลที่ได้รับการยืนยันโดย บริษัท วิเคราะห์วัฏจักรชีวิตของบริษัท Quantis นอกจากนี้ นักวิชาการและผู้เชี่ยวชาญอิสระได้ค้นพบว่าหากผู้บริโภคชาวอเมริกันทดแทนเนื้อสัตว์ด้วยเนื้อที่ผลิตจากพืชของ Impossible Food ในปริมาณ 50% เราจะพบว่า
• สามารถสำรองบรรยากาศได้มากถึง 45 ล้านเมตริกตัน – เทียบเท่ากับการลดจำนวนการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกของชาวอเมริกันที่ขับรถบนท้องถนนจำนวนมากถึง 11 ล้านคนตลอดทั้งปี
• ประหยัดน้ำถึง 3.2 ล้านล้านแกลลอน เทียบเท่ากับปริมาณน้ำที่ใช้โดยชาวอเมริกัน 90 ล้านคนในหนึ่งปี
• จะมีพื้นที่ว่างมากถึง 190,000 ตารางกิโลเมตรที่ใช้สำหรับการเลี้ยงปศุสัตว์และพืชเศรษฐกิจ ซึ่งเท่ากับขนาดเนื้อที่ของ New England ที่สามารถใช้เป็นพื้นที่อาศัยของสัตว์ป่าและลดคาร์บอนไดออกไซด์สู่บรรยากาศได้
รายงานปี ค.ศ. 2018 ของ Impossible Foods ยังกล่าวถึงรายละเอียดเกี่ยวกับความพยายามในการเติบโตของบริษัทเพื่อสนับสนุนชุมชนที่บริษัทดำเนินกิจการอยู่ และได้เป็นพาร์ทเนอร์กับธนาคารอาหารชุมชนที่ช่วยเหลือด้านอาหารให้กับผู้ยากไร้ในพื้นที่สำนักงานใหญ่ของบริษัทที่ตั้งอยู่ในพื้นที่ San Francisco Bay นอกจากนี้ ยังมีวิสัยทัศน์ที่จะขยายแคมเปญการร่วมมือกับธนาคารอาหารชุมชนอื่นๆให้ครอบคลุมทั้งประเทศในอนาคต
ที่มา
