เด็กชายแรม อายุ 10 ขวบ ลุกขึ้นแนะนำตัวเองเป็นภาษาไทยด้วยเสียงดังฟังชัด พร้อมรอยยิ้มเบิกบานอย่างมีความสุข จนแทบจะไม่รู้เลยว่า เขาเป็นเด็กกัมพูชาที่เติบโตขึ้นมาในแคมป์คนงานก่อสร้าง @“ศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชนในสถานที่ก่อสร้าง” ของโครงการ อารียา พรอพเพอร์ตี้ อ.ไทรน้อย
เพียบเป็นอดีตทหารกัมพูชาที่เหยียบกับระเบิดจนพิการขาขาด ทุกวันนี้เพียบทิ้งบ้านเกิดมาเมืองไทย ได้เป็นช่างปูกระเบื้องให้โครงการฯ เมื่อ 3 ปีที่แล้ว ขณะที่เด็กชายแรม ลูกชายคนเดียวของเขาที่หอบมาจากกัมพูชาก็มีโอกาสได้เข้าเรียนในโรงเรียนวัดคลองขวาง อ.ไทรน้อย ซึ่งขณะนี้เรียนอยู่ชั้นประถมปีที่ 2 ด้วยผลการเรียนที่ดีทีเดียว
“ ไม่อยากกลับบ้านที่กัมพูชา อยากอยู่ที่นี่ อยากให้ลูกเรียนสูงๆ ส่วนลูกอยากจะทำงานอะไรก็ตามใจ” นี่คือคำพูดจากใจของเพียบผู้เป็นพ่อที่คิดว่าชีวิตคนพิการอย่างเขา ถ้าอยู่ในกัมพูชาลูกชายคนไม่มีโอกาสได้เรียนหนังสือตลอดชีวิต
เด็กชายแรม และเพื่อนเด็กๆ ชาวกัมพูชาอีกร้อยกว่าชีวิต เป็นเด็กที่เคยวิ่งเล่นในไซต์ก่อสร้างของโครงการฯอารียา พรอพเพอร์ตี้ แม้มีลูกเล็กๆ แต่พ่อแม่ต้องทำงานไม่มีเวลาหยุดอยู่กับบ้านเพื่อดูแลลูก เนื่องจากกลัวจะขาดรายได้ จึงต้องนำลูกมาเลี้ยงดูในไซต์ก่อสร้าง แม้จะรู้ว่ามีอันตรายรอบด้านสำหรับลูก แต่เพราะความจนที่เลือกไม่ได้ ทำให้พวกพ่อแม่ต้องยอมเสี่ยง
“ ในวันแรกที่เราพบว่ามีเด็กลูกคนงานก่อสร้างมาอยู่ในไซต์งาน เราก็กังวลมาก เพราะเป็นพื้นที่อันตรายสำหรับเด็ก เราจึงนำเรื่องนี้ไปปรึกษาผู้บริหารว่าทำอย่างไรจะให้เด็กที่อยู่ในพื้นที่ก่อสร้างของเราอยู่อย่างปลอดภัย นั่นเป็นจุดเริ่มต้นของโครงการ ฯ ”
ดร.ทวีรัก กลิ่นสุคนธ์ ผู้อำนวยการสายงานส่งเสริมพัฒนามาตรฐานงาน งานชุมชนและการบริการลูกบ้าน บริษัทอารียา พรอพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) กล่าว
สอดคล้องกับหลักปรัชญาการทำงานของอารียา พรอพเพอร์ตี้ ที่ว่าเชื่อเรื่องความสุขที่ยั่งยืน Sustainable Happiness เริ่มต้นจากความสุขของบุคลากรที่เป็นแรงงานแข็งแกร่งทุกระดับ
ดังนั้นในปี 2558 จึงสร้างโครงการ “ศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชนในสถานที่ก่อสร้าง” โดยใช้พื้นที่ “โครงการหทัยราษฎร์” ของอารียา พรอพเพอร์ตี้ นำร่อง เริ่มจากประชุมร่วมกับคนงานก่อสร้างซึ่งเป็นผู้ปกครอง ทำทะเบียนประวัติเด็ก ทำกิจกรรมเพื่อพัฒนาทักษะตามวัย การเรียนรู้การอ่านและเขียนเบื้องต้น ตลอดจนการฝึกระเบียบวินัย โดยได้รับความร่วมมือจากมูลนิธิเพื่อการพัฒนาเด็ก (มพด.) ช่วยเป็นพี่เลี้ยงและให้การอบรมอาสาสมัครในโครงการ ศึกษาดูงานมูลนิธิรักษ์ไทยในการจัดรูปแบบการเรียนการสอน
ผลจากการริเริ่มจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้ในพื้นที่โครงการหทัยราษฎร์ ถือได้ว่าประสบความสำเร็จ และได้รับความพึงพอใจจากแรงงานที่เป็นพ่อแม่อย่างมาก ปี 2559 จึงได้ร่วมกับมูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงานช่วยเรื่องสทธิและกฏหมายของเด็ก เพื่อให้สามารถเข้าถึงสิทธิต่างๆ และยังจัดให้มีครูผู้สอนประจำศูนย์ฯ ดำเนินการตามแผนการเรียนการสอนที่มีมาตรฐาน รวมถึงครูจิตอาสาที่สับเปลี่ยนมาให้ความรู้พื้นฐาน และเสริมทักษะต่าง ๆ ตามช่วงอายุวัย ตลอดจนจัดกิจกรรมพิเศษ ในวันจันทร์ – ศุกร์ ตั้งแต่เวลา 08.00 – 16.30 น. โดยมุ่งหวังให้เด็กและเยาวชนมีความรู้ความสามารถ เพื่อสร้างโอกาสเข้าศึกษาต่อในสถานศึกษาตามระบบต่อไป
ปัจจุบันอารียา พรอพเพอร์ตี้ เดินหน้าจัดตั้งศูนย์การเรียนรู้รวม 6 พื้นที่โครงการฯ ได้แก่ หทัยราษฎร์ ไทรน้อย บางนา บางบัวทอง รังสิตคลอง 4 และ รังสิตคลอง 5 โดยเกิดจากความตั้งใจที่มุ่งสร้างพัฒนาสุขภาวะเด็กและเยาวชนในด้านต่างๆ การรู้จักใช้ชีวิตร่วมกับผู้อื่น ทั้งยังเป็นการส่งเสริมให้เกิดการแลกเปลี่ยนเรียนรู้ ด้านทักษะชีวิต รวมถึงวิชาความรู้ขั้นพื้นฐาน ตลอดจนการดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรงและสะอาด รวมถึงการจัดกิจกรรมสันทนาการให้เด็กๆ สนุกสนานและผ่อนคลายร่วมกับครอบครัว เป็นต้น
ทั้ง 6 พื้นที่การสร้าง มีจำนวนเด็กที่ได้รับโอกาสทั้งสิ้น 149 คน คิดเป็น 95% ของจำนวนเด็กทั้งหมดในแคมป์ก่อสร้าง และภายในระยะเวลา 2 ปีสามารถนำเด็ก ๆ เข้าสู่สถานศึกษาตามระบบได้จำนวน 24 คน ในจำนวนนี้เป็นเด็กกัมพูชา 21 คน อีก 3 คนเป็นเด็กไทย
“ตอนแรกเราทำศูนย์ฯก็ไม่คิดไกลไปถึงการนำเด็ก ๆ ไปเข้าโรงเรียนข้างนอก แต่ปัจจุบันเด็กในศูนย์ของเราสามารถเข้าศึกษาระดับประถมในโรงเรียนคลองขวาง ซึ่งตั้งอยู่แถวไซต์งาน ซึ่งทางมูลนิธิเครือข่ายฯได้เข้าไปเจรจากับผู้อำนวยการโรงเรียนจนได้รับการอนุญาตให้เข้าเรียนได้ และได้รับคำชมจากครูว่าเด็กจากศูนย์ฯเรียนรู้ได้เร็ว มีพัฒนาการดี มีคยามตั้งใจเรียนมากกว่าเด็กไทย ” ดร.ทวีรัก กล่าว
หลังจากดำเนินงานโครงการมา 3 ปี มีการสำรวจผลความพึงพอใจของคนงานเกี่ยวกับการจัดตั้งศูนย์ ดร.ทวีรักกล่าวว่า “ สิ่งที่คนงานที่เป็นพ่อแม่พึงพอใจที่สุดคือมีคนมาดูแลลูกของพวกเขาให้ปลอดภัย ทำให้พวกเขาสามารถกลับไปทำงานได้อย่างวางใจ นอกจากนี้พวกเขาไม่เคยคิดว่าเดินทางจากบ้านเกิดเมืองนอนมาขายแรงงานที่ประเทศไทยแล้ว ลูกยังมีโอกาสเรียนหนังสือ”
ไม่เพียงเท่านั้นยังส่งผลกระทบในทางที่ดีมาสู่องค์กรอารียาอีกด้วย
“เมื่อก่อนมีการแย่งแรงงานกันมาก แค่มาเพิ่มค่าแรง10 บาท คนงานก็จะเปลี่ยนไปไซต์อื่นทันที แต่ปัจจุบันคนงานของอารียา ไม่ยอมย้ายไปที่อื่นๆ รวมทั้งช่วงสงกรานต์ นายจ้างต้องลุ้นว่าคนงานพวกนี้จะกลับมาไหม แต่ตอนนี้นอกจากลับมาแล้ว ยังชวนเพื่อนๆ มาสมัครงานด้วย เพราะเชื่อว่าทำงานอยู่ที่อารียา พรอพเพอร์ตี้แล้วมีคุณภาพชีวิตที่ดีและลูกๆ ก็ได้เรียนหนังสือ ส่งผลให้ไม่ขาดแคลนแรงงาน สามารถส่งมอบงานให้ลูกค้าได้ทันตามกำหนดและบ้านมีคุณภาพก็ดีขึ้น”
หลังจากทำศูนย์การเรียนรู้สำหรับเด็กและเยาวชนในสถานที่ก่อสร้างประสบความสำเร็จแล้ว สมพงษ์ สระแก้ว Founder/Executive Director มูลนิธิเครือข่ายส่งเสริมคุณภาพชีวิตแรงงาน กล่าวในท้ายที่สุด ถึงการต่อยอดแนวคิดของศูนย์แห่งนี้ว่า
“อนาคตเราจะไม่ดูแลเฉพาะเรื่องการศึกษาเท่านั้น แต่เราจะทำทุกมิติ ทั้งเรื่องการคุ้มครองทางสังคมของเด็ก ดูแลเรื่องสุขภาพ รวมถึงการเสริมกิจกรรมในวันหยุดให้กับพ่อแม่เด็ก ในเรื่องแรงงานต่างด้าว การถูกละเมิดสิทธิ และถ้าไซต์ก่อสร้างอื่นๆ สนใจอยากจะได้โมเดลนี้ไปทำในแคมป์ก่อสร้างบ้าง ทางมูลนิธิฯ ยินดีจะเข้าไปช่วย”