ซีอีโอภาคพลังงาน มองเทคโนโลยี AI และ ESG คือ 2 กลยุทธ์หลัก ที่เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยง โดยเกือบ 2ใน 3 มองว่าเทคโนโลยี Generative AI (Gen AI ) เป็นสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญในการลงทุนมากที่สุด โดย 79% เชื่อว่า AI จะไม่ลดจำนวนตำแหน่งงานในองค์กร
ขณะที่ซีอีโอมากกว่าครึ่ง (58%) คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net zero) ได้ภายในปี 2573 โดย 35% ระบุว่าความซับซ้อนของการลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุดในการบรรลุเป้าหมาย Net zero หรือเป้าหมายทางสภาพภูมิอากาศอื่นที่คล้ายคลึงกัน พร้อมยังคงลงทุนกับเทคโนโลยีที่ทันสมัยแม้เผชิญความเสี่ยงทางเศรษฐกิจและช่องว่างทางทักษะ
KPMG (เคพีเอ็มจี) เผยผลการสำรวจ CEO Outlook ในระดับโลกซึ่งดำเนินการต่อเนื่องมาเป็นปีที่ 10 แล้ว จากการสำรวจซีอีโอในภาคพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และเคมีภัณฑ์ (energy, natural resources, and chemicals : ENRC) จำนวน 120 คนทั่วโลก ยังสะท้อนความเชื่อมั่นในระดับสูง แม้จะต้องเผชิญกับความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ ความเสี่ยงทางภูมิรัฐศาสตร์ และเทคโนโลยีที่กำลังเปลี่ยนแปลง
ขณะที่การสำรวจ CEO Outlook ในปีล่าสุดนี้ พบว่าซีอีโอ 78% ยังคงมั่นใจการเติบโตทางเศรษฐกิจในช่วง 3 ปีข้างหน้า เช่นเดียวกับผลการสำรวจในปีที่ผ่านมา โดยซีอีโอ 55% เชื่อว่าความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์เป็นความเสี่ยงที่ใหญ่ที่สุด ตามด้วยความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจ และการแข่งขันเพื่อประยุกต์ใช้ AI และเทคโนโลยีอื่นๆ ในจำนวน 43% เท่ากันทั้งสองหัวข้อ
ทั้งนี้ ซีอีโอยังคงให้ความสำคัญเรื่องเทคโนโลยี Gen AI โดย 58% ชี้ว่า เป็นสิ่งที่องค์กรให้ความสำคัญในการลงทุนมากที่สุดใน 3 ปีข้างหน้า โดยผู้นำองค์กรได้วางแผนการลงทุนสำหรับปฏิรูปองค์กรด้วยเทคโนโลยี AI อย่างระมัดระวัง และมีแบบแผน เพื่อลดความเสี่ยงต่างๆ โดย 65% คาดว่าจะใช้เวลา 3-5 ปี จึงจะเห็นผลตอบแทนจากการลงทุนจากการใช้งาน Gen AI (เทียบกับ 48% ในปี 2566) ในส่วนของบุคลากร ซีอีโอ 79% เชื่อว่าเทคโนโลยีใหม่เหล่านี้จะไม่ส่งผลกระทบต่อจำนวนงานอย่างมีนัยสำคัญ แต่จะเป็นการเพิ่มความต้องการการพัฒนาทักษะพนักงานและการปรับใช้ทรัพยากรที่มีอยู่แทน
สำหรับประเด็นการดำเนินงานด้านสิ่งแวดล้อม สังคม และบรรษัทภิบาล (ESG) ยังคงเป็นส่วนสำคัญของกลยุทธ์ธุรกิจ โดซีอีโอ 58% คาดว่าจะบรรลุเป้าหมายการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ได้ภายในปี 2573 แต่ส่วนมากตระหนักดีถึงอุปสรรคที่ต้องเผชิญในการลดคาร์บอน โดย 35% ระบุว่าความซับซ้อนของการลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทานเป็นอุปสรรคที่ใหญ่ที่สุด ตามมาด้วยการขาดทักษะและความเชี่ยวชาญ ซึ่งอยู่ที่ 22 % ทำให้การลงทุนกับการพัฒนาบุคลากร เพิ่มทักษะด้าน AI และเทคโนโลยีใหม่ ๆ รวมถึงกระบวนการถ่ายทอดความรู้ที่มีประสิทธิภาพนั้นมีความสำคัญยิ่งขึ้น
อานิช เด หัวหน้าฝ่ายพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และเคมีภัณฑ์ระดับโลก เคพีเอ็มจี อินเตอร์เนชั่นแนล ให้ข้อมูลว่า บรรยากาศโดยรวมในการประชุมผู้บริหารอาจเป็นไปในทางบวกสำหรับซีอีโอภาค ENRC แต่ยังมีอีกหลายประเด็นที่จะเป็นบททดสอบขององค์กร เทคโนโลยี AI และ ESG ถูกระบุว่าเป็นสองกลยุทธ์หลัก ที่เป็นทั้งโอกาสและความเสี่ยงทางธุรกิจ
โดยในส่วนของ AI แทบไม่มีธุรกิจใดเลยที่ AI ไม่สามารถเพิ่มมูลค่าได้ ความเสี่ยงที่เกิดขึ้น มาจากความล่าช้า และ/หรือเกิดข้อผิดพลาดร้ายแรงในเรื่องความเป็นส่วนตัว จริยธรรม เป็นเรื่องที่ต้องจัดการให้ดี ซีอีโอควรมีความมั่นใจในประเด็นเหล่านี้ตราบเท่าที่มีแนวทางป้องกันพื้นฐานที่เหมาะสม การนำ AI มาใช้เป็นเรื่องของการบริหารความเปลี่ยนแปลง และนั่นคือสิ่งที่ซีอีโอต้องให้ความสำคัญ
ขณะที่ ESG แม้ซีอีโอจะบูรณาการเรื่องของการลดคาร์บอนเข้ากับการดำเนินธุรกิจมากขึ้น แต่สัมผัสได้ว่าส่วนใหญ่ถูกขับเคลื่อนโดยการปฏิบัติตามข้อกำหนด ทั้งนี้ การดำเนินงานด้าน ESG นั้นมีต้นทุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ และการลดคาร์บอนในห่วงโซ่อุปทาน แต่เป็นสิ่งที่จำเป็นที่ต้องทำ โดยองค์กรที่ก้าวไปไกลและรวดเร็วสู่การเปลี่ยนแปลงที่นำโดย ESG จะสามารถสร้างข้อได้เปรียบทางการตลาดเป็นอย่างมาก
“เรากำลังอยู่ในจุดเปลี่ยนที่สำคัญ สภาวะต่าง ๆ เอื้ออำนวยให้องค์กรภาค ENRC ที่สามารถวางกลยุทธ์ในเรื่องสำคัญได้อย่างถูกต้อง สอดคล้อง เช่น การดำเนินงาน การบริหารต้นทุน การประยุกต์ใช้เทคโนโลยีใหม่ และ ESG จะสามารถก้าวไปข้างหน้า และสร้างผลตอบแทนทางการค้าที่มากยิ่งขึ้นได้”
ด้าน ธิดารัตน์ ฉิมหลวง หุ้นส่วน ฝ่ายที่ปรึกษาธุรกิจ และประธานฝ่าย Business Transformation และลูกค้ากลุ่มอุตสาหกรรม เคพีเอ็มจี ประเทศไทย มองว่า “เทคโนโลยี Gen AI และ ESG ยังคงอยู่ในวาระสำคัญของซีอีโอในภาคพลังงาน ทรัพยากรธรรมชาติ และเคมีภัณฑ์ในประเทศไทย ซึ่งการประยุกต์ใช้เทคโนโลยี Gen AI และบูรณาการ ESG เข้ากับการดำเนินธุรกิจจะช่วยเพิ่มคุณค่าให้องค์กรในระยะยาวได้มากกว่าการปฏิบัติตามข้อกำหนด และความเชี่ยวชาญของเคพีเอ็มจี สามารถสนับสนุนองค์กรต่างๆ ผ่านการให้คำแนะนำเชิงกลยุทธ์ และการพัฒนารูปแบบการดำเนินงานที่บูรณาการ ESG เข้ากับธุรกิจ ตลอดทั้งผสานแนวทางการใช้งาน Gen AI ที่ให้ความสำคัญกับมนุษย์เป็นอันดับแรก”