นับเป็นปีประวัติศาสตร์แห่งวงการ Fine Dining ประเทศไทย เมื่อร้านอาหารไทยอย่าง ‘ศรณ์’ สามารถได้รับมาตรฐานรับรองรางวัล‘สามดาวมิชลิน’ เป็นร้านแรกของประเทศไทย ถือเป็นอีกหนึ่งบทพิสูจน์คุณภาพและมาตรฐานความสำเร็จของประเทศไทยในวงการอาหารระดับโลก รวมทั้งยังมี 4 ร้านอาหารไทย คว้ามาตรฐาน MICHELIN Green Star หรือ ดาวมิชลินรักษ์โลก เพิ่มขึ้นอีก 1 ร้าน รวมเป็น 4 ร้านในปัจจุบัน
คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2568 (The MICHELIN Guide Thailand 2025) ฉบับล่าสุดในปีนี้ และถือเป็นฉบับที่ 8 ของไทย บรรจุรายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรรวมทั้งสิ้น 462 แห่ง แบ่งเป็น
– ร้านที่ได้รับรางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ 1 ร้าน (เลื่อนระดับจาก ‘สองดาวมิชลิน’) ได้แก่ ร้าน ‘ศรณ์’ ซึ่งถือเป็นรางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ ร้านแรกในไทย สร้างตำนานความสำเร็จในวงการอาหารระดับประเทศและระดับโลก
โดย ‘ศรณ์’ เป็นร้านอาหารใต้ที่ถ่ายทอดศิลปะการปรุงอาหารผ่านฝีมืออันเป็นเลิศ ตลอดจนการผสมผสานอย่าง ลงตัวระหว่างตำรับโบราณและนวัตกรรมสมัยใหม่ จนได้รับการจัดอันดับในทำเนียบ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย คร้ังแรกในปี 2562 ด้วยรางวัล ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ และเพียงหนึ่งปีต่อมาก็ได้เลื่อนระดับเป็นร้าน ‘สองดาวมิชลิน’ และสามารถครองสถานะไว้ได้อย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปี จนก้าวขึ้นคว้ารางวัลระดับ ‘สามดาวมิชลิน’ ในคู่มือฯ ฉบับปี 2568 นี้ นับเป็นการตอกย้ำความเป็นเลิศ คุณภาพ และความสม่ำเสมอ พร้อมส่งผลให้ ศรณ์ เปลี่ยนสถานะจากร้านอาหารยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชิม กลายเป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเป็นจุดหมายปลายทางที่ควรดั้นด้นเดินทางเพื่อไปชิมสักครั้ง
รางวัล ‘สองดาวมิชลิน’ : 7 ร้าน โดยมีร้านติดอันดับเพิ่มหนึ่งแห่ง และเลื่อนสถานะมาจาก ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ คือ ‘โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค’ โดยร้าน บ้านเทพา, เชฟส์เทเบิล, กา, เมซซาลูน่า, อาหาร และซูห์ริง ยังคงรักษาระดับเดิมไว้ได้
รางวัล ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ : 28 ร้าน มีร้านติดอันดับเพิ่มขึ้น 5 ร้าน เป็นการติดอันดับครั้งแรก 4 ร้าน ได้แก่ อัคคี, เอวองท์ , โกท และ อาวลิส โดยมีร้านที่เลื่อนระดับจาก MICHELIN Selected 1 ร้าน ได้แก่ โคด้า
รางวัล ‘บิบ กูร์มองด์’ 156 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 20 ร้าน) และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected อีก 270 ร้าน (ติดอันดับครั้งแรก 44 ร้าน)
โดยในจำนวนร้านใหม่ที่ติดอันดับครั้งแรก เป็นร้านที่ตั้งอยู่ในจังหวัดชลบุรี ซึ่ง ‘มิชลิน ไกด์’ ขยายขอบเขตเข้าดำเนินการสำรวจและจัดอันดับเป็นปีแรก รวมทั้งสิ้น 20 ร้าน (ร้านระดับ ‘บิบ กูร์มองด์’ 5 ร้าน และร้านแนะนำ หรือ MICHELIN Selected 15 ร้าน)
มร.เกว็นดัล ปูลเล็นเนค (Gwendal Poullennec) ผู้อำนวยการฝ่ายจัดทำคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ทั่วโลก กล่าวแสดงความเห็นว่า “การที่ประเทศไทยมีร้านอาหารได้รับรางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ เป็นร้านแรก ทำให้ปี 2568 เป็นปีสำคัญของไทยในหน้าประวัติศาสตร์แวดวงอาหารระดับสากล รายชื่อร้านอาหารที่ผ่านการคัดสรรเหล่านี้ไม่เพียงสะท้อนความรุ่มรวยและหลากหลายของอาหารไทย แต่ยังแสดงให้เห็นว่าศาสตร์และศิลป์ด้านอาหารการกินของไทยโอบรับวัฒนธรรม ความทันสมัย และเทรนด์ใหม่ ๆ เอาไว้อย่างลงตัว”
เสน่ห์ Fine Dining ดึงดูดเชฟทั่วโลก
ผู้ตรวจสอบของ ‘มิชลิน ไกด์’ เปิดเผยว่า มีร้านอาหารไทยสไตล์โมเดิร์นเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างต่อเนื่อง ร้านอาหารเหล่านี้ดำเนินการโดยเชฟผู้มีความสามารถชาวไทย ซึ่งส่วนใหญ่มีอายุต่ำกว่า 35 ปี เคยผ่านประสบการณ์การทำงานในต่างประเทศ และ/หรือ ศึกษาศาสตร์การทำอาหารสไตล์ตะวันตก โดยเชฟเหล่านี้ริเริ่มก่อตั้งธุรกิจร้านอาหารในจังหวัดบ้านเกิดของตนเอง ด้วยความมุ่งมั่นที่จะนำเสนออาหารไทยดั้งเดิมในรูปแบบที่ทันสมัยและดูน่าสนใจ ส่งผลให้ “อาหารไทยร่วมสมัย” ก้าวข้ามขีดจำกัดที่มีอยู่เดิม
นอกจากนี้ อุตสาหกรรมร้านอาหารหรูประเภท ‘ไฟน์ ไดนิ่ง’ (Fine Dining) ในไทย ยังดึงดูดเชฟชาวต่างชาติจากทั่วโลกให้เข้ามาทำงาน แลกเปลี่ยนประสบการณ์กับเชฟท้องถิ่น และมีบทบาทในการฝึกฝนทีมงานร้านอาหารรุ่นใหม่ อีกทั้งประเด็นเรื่องความยั่งยืนและการจัดหาวัตถุดิบภายในท้องถิ่นยังได้รับความสนใจแพร่หลายมากขึ้นในไทย โดยเชฟใส่ใจเลือกใช้วัตถุดิบภายในท้องถิ่นมากขึ้นและประสานความร่วมมือกับผู้ผลิตรายย่อยที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม แนวโน้มดังกล่าวเป็นแรงบันดาลใจให้เชฟท้องถิ่นริเริ่มนำเสนอสิ่งใหม่และสร้างการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกต่อสิ่งแวดล้อม
ยิ่งกว่านั้น ยังเห็นได้ชัดว่ามีภัตตาคารสไตล์เรียบง่ายและร้านอาหารขนาดเล็กจำนวนหนึ่งถ่ายทอดสูตรอาหารจากรุ่นสู่รุ่นมาอย่างต่อเนื่องยาวนาน เพื่อรักษาเอกลักษณ์เฉพาะตัวและรสชาติดั้งเดิมเอาไว้ ภัตตาคารและร้านอาหารประเภทดังกล่าวมีบทบาทสำคัญอย่างยิ่งในการส่งเสริมให้ประเทศไทยเป็นที่รู้จักในฐานะประเทศที่สามารถหาอาหารคุณภาพเยี่ยมหลากรูปแบบทานได้ในราคาสบายกระเป๋า
สำหรับ ‘ศรณ์’ ผู้สร้างประวัติศาสตร์ คว้า ‘สามดาวมิชลิน’ มาครองเป็นร้านแรกในไทย เป็นร้านอาหารใต้ที่ถ่ายทอดศิลปะการปรุงอาหารผ่านฝีมืออันเป็นเลิศ ตลอดจนการผสมผสานอย่างลงตัวระหว่างตำรับโบราณและนวัตกรรมสมัยใหม่ โดยได้รับการจัดอันดับคู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ประจำปี 2562 เป็นครั้งแรก จาก ‘หนึ่งดาวมิชลิน’ และได้เลื่อนระดับเป็นร้าน ‘สองดาวมิชลิน’ ในปีต่อมา พร้อมรักษาระดับไวได้อย่างต่อเนื่องตลอด 5 ปี จนสามารถคว้ารางวัล ‘สามดาวมิชลิน’ ได้ในคู่มือฯ ฉบับปี 2568 นับเป็นการตอกย้ำถึงความเป็นเลิศ คุณภาพ และความสม่ำเสมอ ที่ส่งผลให้ ศรณ์ เปลี่ยนสถานะจากร้านอาหารยอดเยี่ยมที่ควรค่าแก่การขับรถออกนอกเส้นทางเพื่อแวะชิม กลายเป็นสุดยอดร้านอาหารที่ควรค่าแก่การเป็นจุดหมายปลายทางที่ควรดั้นด้นเดินทางเพื่อไปชิมสักครั้ง
4 ร้าน การันตีมาตรฐาน MICHELIN Green Star
สำหรับมาตรฐานรางวัล MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” ในปีนี้มีร้านติดอันดับเพิ่มขึ้นหนึ่งร้าน คือ ‘บ้านเทพา’ เพิ่มเติมจาก 3 ร้านเดิมอย่าง พรุ, ฮาโอมา และ จำปา ที่ยังคงรักษาความเป็นร้านดาวมิชลินรักษ์โลกไว้ได้ต่อเนื่อง
รางวัล MICHELIN Green Star หรือ “ดาวมิชลินรักษ์โลก” จะมอบให้กับร้านอาหารซึ่งดำเนินกิจการและมีแนวปฏิบัติประจำวันด้านการประกอบอาหารที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมอย่างยืน โดยร้าน บ้านเทพา เป็นร้านอาหารไทยร่วมสมัยที่เชฟและทีมงานไม่เพียงทุ่มเทใส่ใจในเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม อาทิ ปลูกสมุนไพรและดอกไม้กินได้ในสวนหลังร้าน, เลือกใช้วัตถุดิบจากผู้ผลิตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม, เปลี่ยนขยะอาหารเป็นปุ๋ย ตลอดจนรังสรรค์อาหารและเครื่องดื่มที่ไม่ก่อให้เกิดขยะ แต่ยังริเริ่มโครงการเพื่อขับเคลื่อนชุมชนให้มีส่วนร่วมรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อมด้วย ความใส่ใจในสิ่งแวดล้อมของเชฟและทีมงานยังคงแข็งแกร่งแม้ต้องฟันฝ่าช่วงเวลาที่ยากลำบากจึงสมควรได้รับการยกย่องในความมุ่งมั่นอุทิศตนเพื่อสิ่งแวดล้อม
เชฟตาม-ชุดารี เทพาคำ ให้ข้อมูลกับมิชลิน ไกด์ ไว้ว่า ทางร้านให้ความสำคัญกับหลักการ Farm to Table จึงนำแบบแผนนั้นมาปรับใช้ และรังสรรค์เมนูอย่างพิถีพิถัน นำเสนออาหารไทยร่วมสมัย โดยเลือกใช้วัตถุดิบตามฤดูกาลจากผู้ผลิตที่คำนึงถึงความยั่งยืน และจากสวนหลังบ้านของเชฟเอง ทุกเมนูที่นี่จึงเหมือนพาออกไปท่องโลกอาหารจากทั่วทุกสารทิศในไทย ให้กลิ่นและรสชาติที่ตัดกันได้อย่างยอดเยี่ยม ร้านอาหารตั้งอยู่ในบ้านหลังงาม ที่มีทีมงานที่คอยให้การต้อนรับอย่างน่าประทับใจ
ในปีนี้ คู่มือ ‘มิชลิน ไกด์’ ฉบับประเทศไทย ยังได้มอบรางวัลพิเศษ 4 รางวัล ให้บุคลากรมืออาชีพจากร้านอาหารที่ติดอันดับในคู่มือฯ ซึ่งมีความสามารถโดดเด่นและมีบทบาทในการยกระดับประสบการณ์ด้านอาหารให้ยอดเยี่ยมยิ่งขึ้น อันเป็นการส่งเสริมให้ภาพลักษณ์ของอุตสาหกรรมด้านอาหารและบริการเป็นที่น่าสนใจและน่าทำงานด้วย ประกอบด้วย
– รางวัล MICHELIN Guide Young Chef Award สำหรับสุดยอดเชฟรุ่นใหม่ที่มีศักยภาพโดดเด่นช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา โดยผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2568 คือ “อู๋” สิทธิกร จันทป เชฟและเจ้าของร้านอัคคี จากการเลือกใช้วัตถุดิบหายากมาปรุงอาหารและจัดจานอย่างสวยงาม สะท้อนทักษะความเชี่ยวชาญ เอกลักษณ์เฉพาะตัว และผสานความทันสมัยเอาไว้อย่างลงตัว
– รางวัล MICHELIN Guide Opening of the Year Award มอบให้บุคลากรและทีมงานซึ่งประสบความสำเร็จในการเปิดร้านอาหารใหม่ช่วง 12 เดือนที่ผ่านมา ได้แก่ ดิมิทริออส มูดิออส (Dimitrios Moudios)
– รางวัล MICHELIN Guide Service Award มอบให้สุดยอดบุคลากรของร้านอาหารที่ทุ่มเทให้กับการบริการเพื่อให้ลูกค้าได้สัมผัสประสบการณ์การทานอาหารที่ยอดเยี่ยม ได้แก่ ยุพา สุขเกษม ผู้จัดการร้านบ้านเทพา
– รางวัล MICHELIN Guide Sommelier Award มอบให้กับ “ซอมเมอลิเยร์” หรือผู้เชี่ยวชาญด้านไวน์ที่มีคุณสมบัติโดดเด่น และมีความชำนาญในการให้คำแนะนำเกี่ยวกับไวน์ รวมถึงการจับคู่ไวน์กับเมนูอาหาร เพื่อให้ลูกค้าได้รับประสบการณ์ด้านอรรถรสสูงสุด โดยผู้ได้รับรางวัลประจำปี 2568 คือ ฐานสิทธิ์ วาสินนท์ จากร้าน โค้ท บาย เมาโร โคลาเกรคโค ณ โรงแรมคาเพลลา กรุงเทพ