เก็บตกปรากฏการณ์แห่งปีอย่าง ‘GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING’ งานรวมพลคนหัวใจยั่งยืน ซึ่งขับเคลื่อนเป็นครั้งที่ 5 แล้ว โดย บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC กับการเชื่อมโยงพันธมิตรหัวใจรักษ์โลก (GEN S: Generation Sustainability) ทุกเพศ ทุกวัย ทุกอาชีพ พร้อมจับมือภาครัฐ ภาคธุรกิจ และภาคประชาชน แลกเปลี่ยนไอเดีย ระดมความคิด สร้างการมีส่วนร่วม นำไปสู่การลงมือทำในภาคปฏิบัติ ให้เกิดผลลัพธ์ที่เป็นรูปธรรม ภายใต้แนวคิด “ยั่งยืนไม่ยาก”
เป้าหมายสำคัญอันหนึ่งของ GC Sustainable Living Symposium คือ การเป็นส่วนหนึ่งที่ช่วยสนับสนุนประเทศไทยเปลี่ยนผ่านภาคการผลิตต่างๆ สู่การเป็นอุตสาหกรรมมูลค่าสูง (High Value) ควบคู่ไปกับการขับเคลื่อนประเทศสู่สังคมคาร์บอนต่ำ (Low Carbon) ทำให้การออกแบบพื้นที่ทุกตารางนิ้วภายในงานสามารถสัมผัสประสบการณ์แห่งความยั่งยืนอย่างเต็มรูปแบบ จากหลากหลายกิจกรรมภายในโซนต่างๆ ทั้ง 4 โซน ประกอบด้วย
– Net Zero Experience กับการแสดงผลแบบเรียลไทม์จาก Carbon Emission Dashboard อีกหนึ่งผลลัพธ์ของความร่วมมือร่วมใจจากทุกคนภายในงานแบบจับต้องและวัดผลได้
–นวัตกรรมที่ยั่งยืน = เป็นไปได้ เส้นทาง Decarbonization สู่ Net Zero ของ GC ทั้งจาก Process ผ่านเทคโนโลยีขั้นสูงจากกระบวนการต่างๆ ภายในโรงงาน และการขับเคลื่อนภายนอกอย่างโครงการปลูกป่าหรือการทำนาเปียกสลับแห้ง รวมถึงการขยาย Portfolio ผลิตภัณฑ์ยั่งยืน อย่างโครงการ BIOREFINERY เป็นต้น
– ธุรกิจที่ยั่งยืน = สำเร็จได้ ผ่านโชว์เคสกลุ่มธุรกิจ High Value & Low Carbon ของ GC ในฐานะผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์และวัสดุขั้นสูงที่ตอบโจทย์ความต้องการในชีวิตประจำวัน ทั้งไบโอเคมิคอล พลาสติกชีวภาพจาก NatureWorks Brand Innoplus และเคมีภัณฑ์ชนิดพิเศษ (Specialty Chemicals) รวมทั้งเคมีภัณฑ์เคลือบผิว allnex ผู้นำด้านเคมีภัณฑ์เพื่อความยั่งยืนระดับโลก
– วิถีชีวิตที่ยั่งยืน = ทุกความร่วมมือ เรียนรู้ไลฟ์สไตล์ Circular แบบ GEN S ตอกย้ำแนวคิด “ยั่งยืนไม่ยาก” ผ่านกิจกรรมสนุกๆ อย่าง Plastic Funtastic, Green University ความร่วมมือของ GC, AIS และ 42 มหาวิทยาลัย มาร่วมทิ้งเทิร์นให้โลกจำเป็นปีที่ 2 รวมทั้งแพลตฟอร์ม GC YOUเทิร์น หนึ่งกลไกขับเคลื่อนเศรษฐกิจหมุนเวียน ซึ่งปัจจุบันมีจุดรวบรวมพลาสติกใช้แล้วกว่า 290 จุด สามารถหมุนเวียนพลาสติกกลับเข้าสู่ระบบใหม่ได้กว่า 1,200 ตัน ในตลอด 3-4 ปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ งานยังฉายภาพทุกแง่มุมในการขับเคลื่อน ‘ความยั่งยืน’ จาก 30 ผู้นำทางความคิด รวมทั้งผู้บริหารระดับสูงขององค์กรชั้นนำทั้งไทยและต่างประเทศ ผ่านเวทีสัมมนาที่จัดเต็มทั้งวิสัยทัศน์ ประสบการณ์ และ Best Practice การสร้างธุรกิจและการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืน เพื่อตอกย้ำให้เห็นว่าการขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืน ไม่ใช่หน้าที่ของใครคนใดคนหนึ่ง แต่เป็นหน้าที่ของทุกคน ที่ต้องร่วมกันเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นโอกาสต่อยอดเพื่อสร้างการเติบโต หรือการพัฒนาโซลูชันใหม่ๆ สำหรับต่อยอดสู่อนาคตและเปลี่ยนผ่าน เพื่อก้าวข้ามความยาก ไปสู่ความยั่งยืนไปด้วยกัน
ต้นแบบโรงกลั่นชีวภาพ ต่อยอด ‘เชื้อเพลิงอากาศยานยั่งยืน’
หนึ่งไฮไลท์สำคัญของงานครั้งนี้ ที่สะท้อนความมุ่งมั่นการพัฒนานวัตกรรม ของ GC ได้เป็นอย่างดี คือ การเป็นผู้นำนวัตกรรมพัฒนา ‘เชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน’ หรือ SAF (Sustainable Aviation Fuel) ตามแนวทาง Decarbonization ในฐานะบริษัทไทยรายแรกที่ปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันดิบที่มีอยู่ มาต่อยอดกับเทคโนโลยีการกลั่นขั้นสูงเป็นโรงกลั่นชีวภาพ (BIOREFINERY Project) ทำให้สามารถเปลี่ยน Waste จากกระบวนการผลิต หรือการนำน้ำมันพืชใช้แล้วทั้งจากภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจมาเพิ่มมูลค่าต่อยอดเป็นวัตถุดิบในการผลิตเชื้อเพลิงสำหรับอุตสาหกรรมการบินอย่าง SAF ซึ่งจัดเป็น Renewable & Sustainable Energy เพราะมีอัตราการปล่อยคาร์บอนตลอดวงจรชีวิตต่ำกว่าน้ำมันเจ็ททั่วไปถึง 80% และตอบโจทย์ภาคอุตสาหกรรมการบินทั่วโลกที่ถือว่าเป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่มีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกระดับสูงหรือ High Emission เพื่อขับเคลื่อนสู่ Net Zero ภายในปี 2593
คุณณะรงค์ศักดิ์ จิวากานันต์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร GC กล่าวว่า GC เป็นบริษัทไทยรายแรกที่ต่อยอดปรับปรุงโรงกลั่นน้ำมันดิบ มาเป็นโรงกลั่นชีวภาพหรือ BIOREFINERY ให้สามารถรองรับวัตถุดิบเหลือใช้ จากขยะอุตสาหกรรมมาสร้างมูลค่าเพิ่มแบบ Low Carbon ทั้งการพัฒนาเชื้อเพลิงยั่งยืนหรือ SAF ในเฟสแรก ที่เตรียมเริ่มผลิตเชิงพาณิชย์ในเดือนมกราคม 2568 หรือช่วงต้นปีหน้า จากข้อกำหนดองค์กรการบินพลเรือนระหว่างประเทศที่ให้ผสม SAF ในน้ำมันอากาศยานตามสัดส่วนที่กำหนด เพื่อลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมจากอุตสาหกรรมการบิน ภายใต้มาตรฐานด้านความยั่งยืนและลดการปล่อยคาร์บอน ISSC Plus และ ISSC Corsia ที่รับรองว่าผลิตภัณฑ์ได้รับการบริหารจัดการอย่างมีประสิทธิภาพตลอดทั้ง Value Chain
นอกจากนี้ กระบวนการผลิต SAF ยังสามารถแยกไบโอแนฟทาเพื่อนำมาเป็นสารตั้งต้นสำหรับการต่อยอดสู่กลุ่มเคมีภัณฑ์มูลค่าสูงอื่นๆ เพื่อการผลิตในเฟสต่อไป ทั้งเคมีภัณฑ์ชีวภาพ (Biochemicals) และพลาสติกชีวภาพ (Bioplastic) สำหรับใช้ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ วัสดุ หรือชิ้นงานอุตสาหกรรม ซึ่งมีดีมานด์การเติบโตสูงเช่นกัน เพื่อสานต่อกลยุทธ์ Step Change จากการต่อยอดสินทรัพย์ที่มีอยู่ให้เกิดประโยชน์สูงสุด พร้อมยกระดับศักยภาพธุรกิจเพิ่มความสามารถในการแข่งขันภายใต้ความเชี่ยวชาญของ GC ในการพัฒนาเคมีภัณฑ์และผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม
“GC มีวิสัยทัศน์ในการเป็นผู้นำธุรกิจเคมีภัณฑ์พร้อมตั้งเป้าเป็นองค์กรต้นแบบด้านความยั่งยืนระดับสากล โดยที่ผ่านมาได้ขับเคลื่อนเป้าหมายลดก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ผ่านกว่า 200 โครงการ ตามหลัก 5R ทั้ง Reduce, Reuse, Recycle มุ่งส่งเสริมการลดใช้ทรัพยากร และส่งเสริมการใช้ซ้ำให้มากที่สุด รวมทั้งการแปรรูปขยะอุตสาหกรรมจากกระบวนการเพื่อเป็นผลิตภัณฑ์ใหม่ พร้อมทั้ง Refuse ที่ปฏิเสธการใช้สารที่ไม่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ Renewable เพื่อส่งเสริมการใช้พลังงานหมุนเวียน รวมทั้งนำเทคโนโลยีและ Digitalization มาเพิ่มประสิทธิภาพภายในโรงงาน หรือแผนบริหารจัดการคาร์บอน ภายใต้ความร่วมมือในกลุ่ม ปตท. ทั้งการศึกษาการกักเก็บ การใช้ประโยชน์จากคาร์บอน และการแสวงหาโอกาสในธุรกิจไฮโดรเจน ซึ่งเป็นโครงการสำคัญที่ไม่เพียงสร้างประโยชน์ให้กลุ่ม ปตท. แต่เป็นการเปลี่ยนผ่านกระบวนการผลิตให้ได้ผลิตภัณฑ์มูลค่าสูงและคาร์บอนต่ำ ที่จะทำให้ภาคการผลิตในอุตสาหกรรม รวมทั้งประเทศไทยสามารถบรรลุเป้าหมาย Net Zero ในปี 2593 พร้อมกันได้ในที่สุด” คุณณะรงค์ศักดิ์ กล่าวย้ำ
เห็นได้ชัดเจนว่าองค์ประกอบต่างๆ ภายในงาน GC Sustainable Living Symposium 2024: GEN S GATHERING สะท้อนให้เห็นถึงก้าวสำคัญในการปลุกพลังสร้างสรรค์และผสานพลัง GEN S ทุกคน เพื่อร่วมขับเคลื่อนการเปลี่ยนแปลงประเทศไทยและโลกใบนี้ให้รอดพ้นความเสี่ยงจากวิกฤตโลกเดือด จนนำมาสู่การเกิดโลกรวน ซึ่งเป็นปัญหาที่อยู่ใกล้ตัวเราทุกคนมากกว่าที่คิด โดย ‘ความยั่งยืน’ คือทางออกเดียวในการกู้โลกใบนี้ให้รอดพ้นจากผลกระทบที่เกิดขึ้น และไม่สามารถรอเวลาได้อีกต่อไป งานนี้จึงเป็นอีกหนึ่งการสร้างให้เกิดแรงกระเพื่อมเพื่อนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง ทั้งจากการนำเสนอโซลูชันทางธุรกิจ และการหาคำตอบสำหรับการมีไลฟ์สไตล์แบบยั่งยืนได้ทุกวัน เพื่อขับเคลื่อนให้ประเทศไทยและโลกใบนี้เกิดความยั่งยืนในทุกมิติอย่างแท้จริง