วัยรุ่นไทย เสี่ยง ‘ภาวะคิดมาก-จมจ่อมกับอารมณ์ทางลบ’ นันยางผนึกนักวิชาการ หนุนแนวทาง ‘เพิ่มความใจดีให้ตัวเอง’ ย้ำแนวคิด ‘พอดีไม่เหมือนกัน’

นันยาง เผยผลสำรวจระดับความใจดีกับตัวเองของวัยรุ่นไทย หลังระดมทีมนักวิชาการ จับมือ​สถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล, ศูนย์บริการปรึกษาเชิงจิตวิทยาและสุขภาพจิต Master Peace และ Glow Story ออกแบบแพลตฟอร์มให้คนได้เข้ามาสำรวจใจตัวเอง (Self-Compassion) ผ่านเว็บไซต์ nanyangpordee.com ​

โดยแบบสำรวจทำผ่านแบบประเมินความเห็นอกเห็นใจต่อตนเองสำหรับวัยรุ่น ฉบับภาษาไทย – Self-compassion Scale for Youth – Thai Version ของสถาบันแห่งชาติเพื่อการพัฒนาเด็กและครอบครัว มหาวิทยาลัยมหิดล หลังจากเปิดให้บริการแพลตฟอร์ม มีผู้เข้าร่วมตอบแบบ​​สำรวจ​​กว่า 100,000 ราย  มากกว่าครึ่งเป็นเยาวชนวัย 12-18 ปี และ 70% เป็นวัยรุ่นหญิง ​สะท้อนว่าอาจเป็นกลุ่มที่สนใจการดูแลตัวเองเป็นพิเศษ

พร้อมทั้งการวิเคราะห์ข้อมูลทางสถิติจากมิติต่างๆ ที่น่าสนใจ ประกอบด้วย 1. ภาพรวมความใจดีกับตัวเองของวัยรุ่นไทย 2. เจาะลึกความเครียดความกดดันของวัยรุ่น 3. แนวทางการช่วยให้วัยรุ่นหันกลับมาใจดีกับตัวเอง

ทั้งนี้  ผลสำรวจภาพรวมความใจดีกับตัวเองของวัยรุ่นไทย พบว่า วัยรุ่นไทยส่วนใหญ่ 71% มีความใจดีกับตัวเองในระดับปานกลาง ขณะที่ใจดีกับตัวเองในระดับต่ำ 17.5% และใจดีกับตัวเองในระดับสูง 11.5% โดยภาวะที่ส่งผลต่อความใจดีกับตัวเองมาจาก ​การตัดสินตัวเอง (Self-Judgment) ความรู้​สึกโดดเดี่ยว แปลกแยกจากผู้อื่น (Isolation) และภาวะจมจ่อมกับอารมณ์ทางลบ (Overidentification) ดังนั้น เมื่อต้องอยู่ในช่วงเวลาที่ลำบากหรือเผชิญความท้าทาย ผู้ที่​ใจดีกับตัวเองในระดับปานกลางหรือต่ำ มีแนวโน้ม​ที่จะเกิดภาวะจมจ่อมกับอารมณ์ทางลบได้สูงที่สุด กลายเป็นการตอกย้ำตัวเองจนอาจรู้สึกแย่ลงไปกว่าเดิมได้

เจาะลึกความเครียดความกดดันของวัยรุ่น

การสำรวจครั้งนี้พบว่า ภาวะจมจ่อมกับอารมณ์ทางลบ (Overidentification) เป็นภาวะปัญหาที่มีระดับสูงที่สุดในวัยรุ่น ต้นตอปัญหาเกิดจากการที่ไม่สามารถปล่อยวางความคิดทางลบลงได้ มีช่วงเวลาคิดมาก คิดวนเวียน คิดไม่สมเหตุสมผล จนกระตุ้นให้รับรู้สิ่งต่างๆ ไม่ตรงตามความจริงและรู้สึกแย่ลงกว่าเดิมเมื่อมีสถานการณ์เข้ามาปะทะ เช่น สอบตก อกหัก กังวลใจเรื่องครอบครัว จนเกิดความรู้สึกทางลบต่อตนเองขึ้นมา ผิดหวังกับตัวเอง รู้สึกไร้ค่า ไม่ได้รับความสำคัญ กลัวสิ่งที่จะตามมาในอนาคต และ​จมอยู่กับความรู้สึกเหล่านี้เป็นเวลานาน ไม่รู้เท่าทันความรู้สึกที่เกิดขึ้น และไม่สามารถ​รับรู้สถานการณ์อย่างเป็นกลางได้  ซึ่งความเครียดในวัยรุ่นนี้ย่อมมีผลกระทบมาจากสังคมรอบข้าง ไม่ว่าจะเป็นสถานการณ์ในครอบครัว สังคม เศรษฐกิจ รวมถึงบรรทัดฐานและความคาดหวังจากสังคม

ขณะที่​​ กลุ่มวัยรุ่นชาย แม้จะรับรู้ว่าตนเองเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มเพื่อนและสังคม ไม่รู้สึกโดดเดี่ยว แต่ก็ มีแนวโน้มที่จะไม่อนุญาตให้ตัวเองทำผิดพลาด และพยายามที่จะคงความสมบูรณ์แบบไว้ ความรู้สึกนี้อาจเป็นต้นตอของความเครียดสะสมและส่งผลกระทบในระยะยาวได้

โดยสาเหตุที่วัยรุ่นชายยอมรับ​ความผิดพลาดได้ยากนั้น อาจมาจากแรงกดดันของบรรทัดฐานความเป็นชายจากสังคมจนรู้สึกว่าผิดพลาดหรืออ่อนแอไม่ได้ ​​ ขณะที่ กลุ่ม LGBTQ+ ที่มีระดับความใจดีต่อตัวเองน้อยที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับเพศอื่น อาจเกิดจากความเครียดที่มาจากความรู้สึกไม่ได้รับการยอมรับในตัวตน

นอกจากนี้ ยังแนะ​​นำวิธีสำรวจเบื้องต้น เพื่อรู้เท่าทันความรู้สึกหรือพฤติกรรมที่สะท้อนถึงการกดดันตัวเอง ไม่ว่าจะเป็นการต่อว่าหรือตำหนิตัวเองบ่อยๆ ด้วยถ้อยคำที่ใจร้าย, การตัดสินหรือวิจารณ์ตัวเองอยู่เสมอ, ​รู้สึกแปลกแยกและรู้สึกว่าต้องเผชิญสิ่งต่างๆ เพียงลำพัง หรือ​​คิดว่าสิ่งร้ายเกิดขึ้นกับเราคนเดียวเท่านั้น รวมทั้งได้เสนอแนะ​ แนวทางการช่วยให้วัยรุ่นหันกลับมาใจดีกับตัวเอง ประกอบด้วย

การสนับสนุนโดยตัวเอง : ถามตัวเองอย่างสม่ำเสมอว่า “ช่วงนี้รู้สึกยังไงบ้าง?” เหมือนเราเป็นเพื่อนสนิทของตัวเองที่ใส่ใจกัน ค่อยๆ ระบุความรู้สึกให้ชัดเจน รับรู้ที่มาของความรู้สึกนั้น และไม่ตัดสินหรือตำหนิตัวเอง มองว่าเราเป็นคนธรรมดาที่ผิดพลาดได้ ไม่โทษตัวเอง แต่เปลี่ยนมาเปิดพื้นที่ให้ตัวเองได้เรียนรู้ที่จะเติบโตอย่างไม่กดดันตัวเอง ปรับวิธีการปฏิบัติต่อตัวเองด้วยความอ่อนโยนและใจดีกับตัวเอง

การสนับสนุนจากเพื่อน :  เพื่อนคือคนสำคัญของช่วงชีวิตวัยรุ่นที่สามารถช่วยดูแลสุขภาพจิตกันและกันได้ กระบวนการเพื่อนช่วยเพื่อน (Peer Support) แบ่งปันปัญหา ​จุดที่รู้สึกผิดหวังในตัวเอง ​การรับฟังกันและกัน เพื่อรู้สึกเชื่อมโยงและชดเชยความรู้สึกกดดันที่ได้รับจากสังคม จนทำให้ไม่กล้าบอกเล่าถึงปัญหาและต้องเก็บไว้ภายในคนเดียว ไม่ได้มีแต่เราคนเดียวที่ผิดพลาด แต่พวกเราอยู่ซัพพอร์ตกันและกันได้อย่างเข้าใจ

การสนับสนุนจากผู้ปกครองและสังคม :  ผู้ปกครองและสังคมมีส่วนช่วยเหลือวัยรุ่นได้ด้วยความเข้าอกเข้าใจ ไม่ตัดสินเด็กรุ่นใหม่หรือวัยรุ่นสมัยนี้ว่าชอบ ‘ดราม่า’ หรือ ‘คิดมาก’ เพราะจะยิ่งตอกย้ำการตำหนิตัดสินตัวเองของวัยรุ่น สร้างพื้นที่ปลอดภัยในการพูดคุย ถามความคิดความรู้สึก เน้นรับฟังอย่างเป็นกลาง แนะนำบนพื้นฐานความพร้อมทางจิตใจ ไม่เผลอสั่งสอนก่อนได้ยินเสียงความทุกข์ของเขาและอยู่เคียงข้างในวันที่ไม่เป็นอย่างหวัง​

รายงานฉบับนี้เป็นส่วนหนึ่งในเสียงสะท้อนให้ผู้มีส่วนเกี่ยวข้อง​ทั้งตนเอง เพื่อน ผู้ปกครอง โรงเรียน และสังคม ร่วมกันเดินหน้ายอมรับธรรมชาติของวัยรุ่น พร้อมสนับสนุนให้วัยรุ่นที่กำลังอยู่ในช่วงก่อร่างตัวตน และมีแนวโน้มจะประเมินตัดสินตัวเอง ได้เผชิญการเปลี่ยนผ่านอย่างเข้าอกเข้าใจและอ่อนโยน เพราะความใจดีกับตัวเองเป็นประเด็นสำคัญสำหรับวัยรุ่นทุกคน

ด้าน ​นันยาง ในฐานะแบรนด์ที่อยู่คู่กับคนไทยมายาวนาน​ และมีความเข้า​ใจกลุ่มเป้าหมายโดยเฉพาะในกลุ่มวัยรุ่นเป็นอย่างดี ​รวมทั้งการขับเคลื่อนในฐานะภาค​เอกชนที่มองเห็นโอกาส​ร่วมพัฒนาสุขภาพจิตประชากรกลุ่มเป้าหมายได้ ​ผ่านการสร้างพื้นที่ให้วัยรุ่นได้สำรวจใจตัวเอง แบ่งปันประสบการณ์ เพื่อผลักดันให้วัยรุ่นไทยหันมาใจดีกับตัวเองได้มากขึ้นผ่านการสื่อสารอย่างต่อเนื่อง เพื่อสะท้อนแนวคิดว่า​ ทุกคนมีดีพอ แต่พอดีไม่เหมือนกัน เลิกกดดันตัวเอง  เพื่อช่วยให้ก้าวใหม่ของวัยรุ่นเป็นก้าวที่มั่นคง เข้าใจตัวเอง สนุกกับชีวิตได้เต็มที่ และยังช่วยลดโอกาสการเกิดปัญหาทางสุขภาพจิตของเยาวชนที่จะก่อตัวไปในอนาคตที่ส่งผลต่อการพัฒนาประเทศในระยะยาวอีกด้วย

ผู้สนใจยังสามารถทำแบบสำรวจความใจดีให้ตัวเอง พร้อมรับคำแนะนำ​ไปปรับใช้ได้ ทั้งสำหรับดูแลตัวเองหรือคนรอบข้าง เมื่อต้องเผชิญภาวะของการกดดันตัวเอง ได้ทางเว็บไซต์ nanyangpordee.com

Stay Connected
Latest News