ตั้งเป้าหมายในการเป็นมากกว่าแค่ร้านกาแฟ แต่เป็นอีกหนึ่ง Destination เพื่อให้ลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้ทุกวัน หรือวันละหลายๆ ครั้ง และมียอดใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น ทำให้ ‘อินทนิล’ หนึ่งในแบรนด์ร้านกาแฟชั้นนำ ด้วยจำนวนสาขามากกว่า 1 พันแห่งทั่วประเทศ พยายามสร้างความหลากหลายและแตกต่าง และตอบโจทย์ลูกค้าในปัจจุบันครบทุกมิติ ผ่านคอนเซ็ปต์ ‘อินทนิล เพื่อคุณ เพื่อโลก’
แบรนด์ อินทนิล ประสบความสำเร็จในการบริหารธุรกิจร้านกาแฟรูปแบบแฟรนไชส์มากว่า 18 ปี ภายใต้การดูแลของ บริษัท บางจาก รีเทล จำกัด เพื่อส่งมอบคุณค่าแบรนด์ ทั้งมิติ ‘เพื่อคุณ’ ผ่านการพัฒนาสินค้าคุณภาพ และบริการที่ยอดเยี่ยม ทำให้ติดอยู่ใน Top 3 แบรนด์กาแฟ Out of Home ที่มีมูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท ซึ่งในจำนวนนี้มีแบรนด์ร้านกาแฟรวมกันมากกว่า 7 พันสาขา ขณะที่ความโดดเด่นในมิติ ‘เพื่อโลก’ มีความมุ่งมั่นในการเป็นแบรนด์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเป็นผู้นำในการใช้บรรจุภัณฑ์รักษ์โลก ในฐานะแบรนด์กาแฟรายแรกของไทยที่ใช้ทั้งแก้วและฝาจากพลาสติกชีวภาพ (PLA) ทั้ง 100% และใช้ครบทุกสาขา และยังเป็นแบรนด์ที่มีการใช้พลาสติก PLA มากที่สุด เป็นอันดับ 1 ของอาเซียนอีกด้วย
คุณยศธร อรัญนารถ ผู้จัดการใหญ่ บริษัท บางจากรีเทล จำกัด ผู้บริหารร้านกาแฟ ‘อินทนิล’ กล่าวว่า ภาพลักษณ์ที่ชัดเจนของอินทนิล คือ การเป็นแบรนด์ที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเป็นผู้บุกเบิกด้านบรรจุภัณฑ์รักษ์โลกในประเทศไทย ด้วยการเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่ผลิตจากพลาสติกชีวภาพที่สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติทั้ง 100% มาตั้งแต่ปี 2558 และใช้ครบทั้งหมดมากกว่า 1 พันสาขาที่ให้บริการ โดยขึ้นแท่นเป็นแบรนด์ที่ใช้ PLA มากที่สุดเป็นอันดับ 1 ของอาเซียน
“นอกจากการใช้บรรจุภัณฑ์ย่อยสลายได้ในทุกสาขาแล้ง เรายังจัดกิจกรรมเพื่อรณรงค์ให้ลูกค้าส่งคืนบรรจุภัณฑ์ใช้แล้ว เพื่อส่งมอบให้ กทม. นำไปใช้ประโยชน์ ผ่านโครงการ ‘แก้วเพาะกล้า’ สำหรับนำไปใช้เพาะกล้าต้นไม้เพื่อนำไปปลูกในโครงการปลูกป่า ช่วยลดปริมาณการใช้พลาสติก โดยสามารถใช้แก้ว PLA ทดแทนการใช้ถุงพลาสติกเพาะชำ โดยสามารถปลูกลงดินได้ทั้งแก้ว เนื่องจากบรรจุภัณฑ์สามารถย่อยสลายได้ตามธรรมชาติภายใน 80 วัน ทำให้ช่วยลดการใช้พลาสติกแบบ Single use ลงได้ รวมทั้งส่งเสริมการประหยัดพลังงาน ด้วยการนำร่องติดตั้งโซลาร์เซลล์เพื่อผลิตเป็นพลังงานสะอาดมาใช้ในระบบปรับอากาศของร้าน ในสาขาของบริษัทไปแล้วราว 20 แห่ง และมีแผนจะเพิ่มจำนวนสาขามากขึ้นในอนาคต”
นอกจากนี้ บริษัทอยู่ระหว่างการพัฒนา Green Concept Store เพื่อนำบรรจุภัณฑ์ PLA มาอัพไซเคิลเป็นเฟอร์นิเจอร์สำหรับใช้ภายในร้าน โดยอยู่ระหว่างการศึกษาพัฒนาโปรโตไทป์ร่วมกับบริษัทสตาร์ทอัพทที่ดูแล เพื่อให้ได้ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพและมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยคาดว่าจะสามารถเปิดให้บริการ Green Store สาขาแรกได้ภายในปีหน้า ซึ่งโปรโตไทป์ที่พัฒนาขึ้นมานี้ จะเพิ่มเป็นโมเดลที่ผู้ประกอบการแฟรนไชส์สามารถนำไปพัฒนาร้านค้าของตนเองได้ด้วย
จากร้านกาแฟสู่ Lifestyle Destination
หนึ่งในความสำเร็จของอินทนิล คือการสร้างแบรนด์ให้เติบโตและแตกต่าง ทั้งจากการรับรู้ถึงความเป็นแบรนด์กาแฟรักษ์โลก ยังตอกย้ำด้วยความแตกต่างของคุณภาพกาแฟที่เป็นอะราบิกาแท้ 100% เพื่อตอบโจทย์ผู้บริโภครุ่นใหม่ ที่ชื่นชอบบริโภคกาแฟอะราบิกา พร้อมขยายกลุ่มเป้าหมายที่หลากหลายมากขึ้น เพื่อตอบโจทย์ความเป็น Destination ของคนทุกกลุ่มเป้าหมาย ไม่เพียงแค่ผู้ดื่มกาแฟ ทำให้มีเมนูเครื่องดื่มอื่นๆ ที่ไม่ใช่กาแฟเพิ่มมากขึ้น รวมทั้งสินค้า Non-drink ทั้งอาหารว่าง อาหารเช้า ผลไม้ ขนมไทย เพื่อเติมเต็มลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ ขณะเดียวกันยังทำให้ลูกค้าสามารถเข้ามาใช้บริการได้ทุกวัน และวันละหลายๆ ครั้ง แม้จะไม่ได้มาเติมน้ำมัน หรือไม่จำเป็นต้องอยากดื่มกาแฟเพียงอย่างเดียว
“ปัจจุบันเรามีสัดส่วน Non-drink ประมาณ 20% ซึ่งในอนาคตมีแผนขยายให้เท่ากับกลุ่มเครื่องดื่มในสัดส่วน 50% เท่ากัน โดยจะเปิดกว้างให้แต่ละสาขาสามารถนำเสนอเมนูที่แตกต่างสำหรับจำหน่ายกลุ่มเป้าหมายในพื้นที่ ภายใต้คุณภาพและมาตรฐานที่ทางบริษัทกำหนด รวมทั้งการดีไซน์ร้านให้มีความแตกต่างและเฉพาะตัว หรือ Unique Design พร้อมเพิ่มฟังก์ชันให้บริการที่คนในพื้นที่ต้องการ เพื่อดึงดูดลูกค้าเข้ามาใช้บริการได้มากขึ้น โดยเฉฑะากลุ่มคนรุ่นใหม่ หรือ GenZ ที่นิยมใช้บริการร้านกาแฟมากขึ้น เพื่อช่วยเพิ่มทั้งการใช้เวลาภายในสถานีและโอกาสเข้ามาใช้บริการภายในร้านได้นานและบ่อยมากขึ้น จากปัจจุบันลูกค้าใช้เวลาภายในสภานีราว 15 นาที และ 30 นาที กรณีผู้ใช้บริการ EV Charger ด้วย รวมทั้งโอกาสเพิ่มยอดการใช้จ่ายได้มากขึ้นด้วย จากปัจจุบันยอดใช้จ่ายต่อบิลโดยเฉลี่ยอยู่ที่ราว 100 บาท และมีปริมาณการซื้อกาแฟเฉลี่ย 100 แก้วต่อวัน”
นอกจากนี้ การมีพันธมิตรในรูปแบบผู้ประกอบการแฟรนไชส์ เป็นอีกหนึ่งกลยุทธ์การเติบโตที่แข็งแกร่งของอินทนิล โดยปัจจุบันมีพันธมิตรผู้ประกอบการแฟรนไชส์มากกว่า 1 พันสาขา ทั้งในประเทศและต่างประเทศ ซึ่งอินทินิลได้วางยุทธศาสตร์ในการบริหารธุรกิจแฟรนไชส์ เพื่อเป็นส่วนหนึ่งในการสร้างการเติบโตอย่างยั่งยืนไว้ 5 ด้าน ซึ่งประกอบด้วย
1. แผนการขยายสาขาในทำเลที่ดีที่สุด : ผ่านการเลือกทำเลที่มีศักยภาพในการเติบโตสูงสำหรับการเปิดสาขาใหม่ โดยปีนี้มีแผนขยายสาขาเพิ่มขึ้นต่อเนื่องปีละ 200 แห่ง ทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าสิ้นปีจะมีสาขาครบ 1,060 สาขา รวมทั้งขยายสาขาแฟรนไชส์ในลาวเพิ่มอย่างน้อย 1 แห่ง จากปัจจุบันมีสาขาในลาว 5 แห่ง และกัมพูชา 1 แห่ง ภายใต้การสนับสนุนผู้ลงทุนทั้งองค์ความรู้ การเทรนนิ่งมาตรฐานคุณภาพและบริการต่างๆ รวมทั้งโมเดลที่ตอบโจทย์ให้ผู้ลงทุนสามารถเข้าถึงได้ง่ายมากขึ้น ภายใต้การสนับสนุนของบริษัท บางจาก รีเทล จำกัด เพื่อเพิ่มการเข้าถึงและขยายฐานลูกค้าในทุกภูมิภาค
2. การพัฒนาร่วมกับผู้ประกอบการ : การเปิดกว้างรูปแบบลงทุนให้ผู้ประกอบการในการออกแบบร้านรูปแบบใหม่ที่เรียกว่า Unique Design เพื่อสร้างความแตกต่างและดึงดูดลูกค้า โดยสามารถสร้างดีไซน์ที่แตกต่างและมีสินค้าที่เป็น Local Content ได้ 20% นอกจากนี้ ยังให้การสนับสนุนในด้านการบริหารจัดการ การควบคุมคุณภาพวัตถุดิบ และการฝึกอบรมพนักงานเพื่อให้ได้มาตรฐานและสร้างประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้า
3. การพัฒนาบุคลากรให้มีศักยภาพและเป็นมาตรฐาน: อินทนิลเน้นการพัฒนาบุคลากร โดยเฉพาะบาริสต้า ผ่านการฝึกอบรมอย่างเข้มข้นและการพัฒนาทักษะผ่านโปรแกรม Mobile Training to Store และการฝึกอบรมออนไลน์ เพื่อให้มั่นใจว่าพนักงานทุกคนสามารถให้บริการที่ยอดเยี่ยมและเป็นไปตามมาตรฐานของแบรนด์
4. การพัฒนาด้านการตลาดและการพัฒนาผลิตภัณฑ์: อินทนิลมีความพร้อมในการเข้าถึงลูกค้าผ่านการทำการตลาดแบบ CRM และการใช้โซเชียลมีเดีย เพื่อดึงดูดกลุ่มลูกค้าใหม่ โดยเฉพาะกลุ่ม Gen Z อีกทั้งยังมีการพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ ๆ ที่ตอบโจทย์กลุ่มคนรักสุขภาพและเพิ่มความหลากหลายให้กับเมนูเครื่องดื่ม
5. การนำเทคโนโลยีเข้ามาใช้ในการบริการ: อินทนิลนำเทคโนโลยี AI มาช่วยในการพัฒนาการบริการให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงการใช้ QR Smart Order เพื่อเพิ่มความสะดวกสบายให้กับลูกค้าในการสั่งซื้อสินค้า ซึ่งการใช้เทคโนโลยีเหล่านี้จะช่วยยกระดับประสบการณ์ของลูกค้าและเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ
การก้าวต่อไปของอินทนิลจะเน้นการเติบโตอย่างยั่งยืนผ่านการสร้างสรรค์นวัตกรรมใหม่ ๆ ในธุรกิจร้านกาแฟและการนำเทคโนโลยีเข้ามาปรับใช้เพื่อพัฒนาคุณภาพการบริการให้ตอบโจทย์ความต้องการของลูกค้าในยุคดิจิทัล โดยอินทนิลจะยังคงเป็นแบรนด์ที่มุ่งมั่นในความรับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อม พร้อมทั้งเติบโตไปพร้อมกับผู้ประกอบการและผู้บริโภคในอนาคต