ภารกิจสร้าง Fair Gmae อัศวิน ‘ม้าขาว’ ​รีแบรนด์รอบ 30 ปี มุ่งเซ็ตมาตรฐาน​ใหม่ ‘ราคา’ ​​ถ่านอัลคาไลน์​ประเทศไทย

มุมมองจากหนึ่งใน Players ของตลาดอย่าง ‘ม้าขาว’ ซึ่งปัจจุบันน่าจะเป็นแบรนด์ผู้ผลิตถ่านไฟฉายของคนไทยเพียงรายเดียวที่ยังคงเหลืออยู่ในขณะนี้ และมองว่าประเทศไทยเป็นเพียงตลาดเดียวในโลกที่มีโครงสร้างราคาถ่านไฟฉาย​ โดยเฉพาะ ‘ถ่านอัลคาไลน์’ บิดเบือนไปจากความเป็นจริง

ทำให้ปัจจุบันคนไทยต้องใช้ถ่านอัลคาไลน์ ในราคาที่แพงกว่าตลาดอื่นๆ อย่างยุโรปหรืออเมริกาถึง 3 เท่า ​ซึ่งเชื่อว่านี่เป็นหนึ่งใน Pain Point ของผู้บริโภคคนไทยจำนวนหนึ่งเช่นกัน แต่ด้วย​ทางเลือกที่ไม่มีมากนัก จากความแข็งแกร่งของแบรนด์ผู้นำ​ตลาดถ่านไฟฉายในประเทศไทย ที่ครองมาร์เก็ตแชร์สูงถึง 80-90%  ทำให้สามารถกำหนดโครงสร้างราคาตลาดให้เป็นไปตามต้องการได้

ทำให้ Last Man Standing ของแบรนด์ไทยในตลาดถ่านไฟฉายอย่าง ‘ม้าขาว’ ที่หยุดทำตลาดไปกว่า 30 ปี หวนกลับมารีแบรนด์เพื่อทำตลาดใหม่อีกครั้งพร้อมเป้าหมายสำคัญคือ การเซ็ตมาตรฐาน​โครงสร้างราคาถ่านไฟฉายของไทยให้สมเหตุสมผลมากขึ้น โดยหวังว่าจะทำให้ราคาถ่านอัลคาไลน์ลดลงได้ราว 60% ควบคู่ไปกับการผลักดันการใช้งานได้เพิ่มมากขึ้น ขณะที่มูลค่าตลาดถ่านไฟฉายในประเทศไทยจะลดลงจาก 5 พันล้านบาท เหลือ 3 พันล้านบาท ภายในปี 2570 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า

คุณณัฐพล วิไลพรรัตนา กรรมการผู้จัดการ บริษัท โกศลอุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตและจำหน่ายถ่านไฟฉายแบรนด์คนไทยอย่าง ‘ม้าขาว’ (WHITE HORSE) เปิดเผยโครงสร้างตลาดถ่านไฟฉายในประเทศไทย มีผู้นำเป็นแบรนด์สัญชาติญี่ปุ่นซึ่งครองตลาดส่วนใหญ่ 80-90% ที่เหลือเป็นแบรนด์ของยุโรป อเมริกา จีน ราว 10% ขณะที่แบรนด์ไทยมีส่วนแบ่งเพียงแค่ 1% เท่าน้ัน โดยม้าขาวเป็นแบรนด์ไทยเพียงรายเดียวที่อยู่ในตลาดมากว่า 60 ปี ขณะที่แบรนด์อื่นๆ ที่เคยทำตลาดมาก่อนหน้าค่อยๆ ถอนตัวออกจากตลาด หลังการเข้ามาบุกตลาดของแบรนด์ต่างประเทศ และสามารถทำการตลาดจนแบรนด์มีความแข็งแรง และเป็นหนึ่งตลาดที่ผู้นำมี Brand Loyalty ที่ค่อนข้างแข็งแรงอย่างมาก  ​

การรีแบรนด์ของม้าขาวในครั้งนี้ มาพร้อมสินค้าเรือธงคือ ‘ม้าขาวเรียลคาไลน์’ (Realkaline) เพื่อเป็นทางเลือกสำหรับผู้บริโภคในตลาดถ่านอัลคาไลน์ ด้วยจุดแข็งคือคุณภาพที่เทียบเท่าแบรนด์ต่างประเทศและแบรนด์ผู้นำตลาด แต่วางราคาจำหน่ายที่ต่ำกว่าราว 60% เพื่อต้องการ Set Standard ตลาดถ่านไฟฉายของไทย ให้กับมาอยู่ในจุดที่สมเหตุสมผล เนื่องจากมองว่า โครงสร้างด้านราคาในปัจจุบันมีความบิดเบือน และแพงเกินไป เป็นการซ้ำเติมภาระค่าใช้จ่ายให้ผู้บริโภคคนไทย ประกอบกับเทคโนโลยีการผลิตที่ไม่ได้ใช้เทคโนโลยีชั้นสูง​มาก ทำให้สามารถขายในราคาที่สมเหตุสมผลได้มากขึ้น​กว่าที่เป็นอยู่  

“สิ่งสำคัญคือการ Educate ตลาด ผ่านการให้ข้อมูลจากแบรนด์ พร้อมทั้งทำให้ผู้บริโภคมีโอกาสได้ทดลองใช้ ‘​ม้าขาวเรียลคาไลน์’ ซึ่งคุณภาพไม่แตกต่างจากแบรนด์ที่มีอยู่ เพราะใช้มาตรฐานเดียวกับโรงงานของบริษัทที่มีการผลิตเพื่อส่งออกไปทำตลาดในใกว่า 70 ประเทศทั่วโลก ขณะที่ราคาถูกกว่า ทำให้ผู้บริโภคคนไทยมีเงินเหลือในกระเป๋าเพิ่มมากขึ้น โดยจำหน่ายในราคาพิเศษ 2 แพ็ก เพียง 30 บาท 4 แพ็ค 55 บาท  ซึ่งราคาไม่แตกต่างจากถ่านแมงกานีสของแบรนด์ต่างประเทศที่ทำตลาดอยู่ เชื่อว่าหากผู้บริโภคมีโอกาสได้ทดลองใช้ และรับรู้ได้ถึงคุณภาพที่ไม่แตกต่าง จะสามารถเปลี่ยนพฤติกรรมในการซื้อ จากการยึดติดจากแบรนด์มาเป็นแบรนด์ที่มีความคุ้มค่ากว่า ทำให้สุดท้ายแล้ว อาจจะทำให้โครงสร้างด้านราคาในตลาดเกิดการเปลี่ยนแปลงได้ในที่สุด”

หากภารกิจของม้าขาวสำเร็จ นอกจากโครงสร้างราคาตลาดถ่านอัลคาไลน์ในประเทศที่เปลี่ยนแปลงไป เชื่อว่าสัดส่วนการใช้ถ่านอัลคาไลน์ในประเทศก็จะเพิ่มมากขึ้น จากปัจจุบันมีสัดส่วนในตลาดราว 20-30% ขณะที่​ตลาดส่วนใหญ่กว่า​ 70% ยังเป็นกลุ่มแมงกานีส เนื่องจาก ระดับราคาที่แตกต่างกันมาก แต่หากมีแบรนด์อัลคาไลน์ที่มีราคาใกล้เคียงแมงกานีสมากขึ้น ก็เชื่อว่าจะทำให้สัดส่วนการใช้งานอัลคาไลน์เพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกับในหลายๆ ตลาด เช่นในยุโรป หรือ อเมริกาที่สัดส่วนกว่า 80-90% เป็นตลาดอัลคาไลน์เกือบทั้งหมดแล้ว

ทั้งนี้ ม้าขาววางเป้าหมายหลังการรีแบรนด์ และ Educated ตลาด ด้วยการมีส่วนแบ่งในตลาดที่คาดว่าจะลดลงจาก 5 พันล้านบาท เหลือ 3 พันล้านบาท ที่ราว 10% หรือมียอดขายได้กว่า 300 ล้านบาท ผ่านช่องทางขายสำคัญคือ ออนไลน์ เพื่อสามารถใช้กลยุทธ์ Story Telling เพื่อกระตุ้นให้ลูกค้าอยากทดลองใช้และสามารถสั่งซื้อผ่านออนไลน์ได้ทันที รวมทั้งการทำโปรโมชั่นร่วมกับแพลตฟอร์มออนไลน์ เพื่อลดกำแพงด้านราคาจัดส่ง ซึ่งจะเป็นอีกหนึ่งกำแพงสำคัญ ควบคู่ไปกับช่องทางออฟไลน์ผ่านร้านค้าปลีกอย่างเจ้เล้ง ศูนย์หนังสือจุฬา หรือช่องทางร้านจำหน่ายเครื่องใช้ไฟฟ้าอิเล็กทรอนิกส์ รวมทั้งการมีรถ Cash Van ที่ทำหน้าที่กระจายสินค้าไปยังช่องทางร้านโชว์ห่วยทั่วประเทศเพื่อให้สินค้าสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้ครอบคลุมทั่วประเทศมากที่สุด

นอกจากนี้ ถ่านไฟฉายม้าขาว ยังสามารถก้าวข้ามจากการที่เคยถูกมองว่าเป็นสินค้ามีพิษ มาเป็นหนึ่งสินค้า Green Product ตามมาตรฐานของยุโรป ​โดยผลิตขึ้นในโรงงานในประเทศจีนซึ่งได้มาตรฐานระดับ ​World Class Factory และสามารถส่งออกไปจำหน่ายได้ทั่วโลกรวมทั้งในยุโรปและอเมริกา​​ จากการพัฒนาเทคโนโลยีในการผลิตทำให้ถ่านม้าขาวไม่มีส่วนประกอบของโลหะหนัก ขณะที่บรรจุภัณฑ์ต่างๆ ก็มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น การใช้กระดาษจากป่าปลูกโดยไม่มีการตัดไม้ทำลายป่า (FSC) ส่วนที่เป็นพลาสติกก็จะใช้มาตรฐาน PET Grade ซึ่งเป็นหนึ่งในกลุ่ม Food Grade ที่ไม่เป็นพิษต่อสัตว์เลี้ยง และสามารถนำกลับมารีไซเคิลได้ 100% จึงนับเป็นหนึ่งผลิตภัณฑ์ที่มีการผลิตตามกระบวนการที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และเป็นหนึ่งสินค้ารักษ์โลกได้ด้วยเช่นกัน ซึ่งในอนาคตมีแนวคิดการจัดการถ่านหลังการใช้งานของผู้บริโภค มาต่อยอดในเชิงแบรนดิ้ง หรือการทำ CSR เช่น การทำเป็นชิ้นงานศิลปะที่เชื่อมโยงกับแบรนด์ม้าขาว เพื่อนำมาตั้งไว้ตามสถานที่ต่างๆ หรือนำมาประกอบเป็นโครงสร้างในการทำโต๊ะเรียนให้โรงเรียนต่างๆ เป็นต้น ซึ่งยังเป็นเพียงแนวคิดที่ต้องมีการศึกษาแนวทางในการปฏิบัติต่อไปในอนาคต

 

Stay Connected
Latest News

กลุ่มเซ็นทรัล ผนึกกำลัง บริษัทในเครือ เร่งให้ความช่วยเหลือผู้ประสบอุทกภัยทั่วประเทศ พร้อมฟื้นฟูที่พักอาศัย พื้นที่สาธารณประโยชน์ เพื่อให้ชุมชนกลับมามีชีวิตที่เข้มแข็งและยั่งยืน