อายิโนะโมะโต๊ะ ​ข้ามห้วยสร้างฐาน Health Tech ต่อยอดผู้เชี่ยวชาญด้านกรดอะมิโนสู่ตลาดสุขภาพเชิงป้องกัน เสริมพอร์ตธุรกิจใหม่ เติบโตได้เท่าตัวในปี 2030

ด้วยภารกิจสำคัญในการสร้างสังคม ‘กินดีมีสุข‘ ให้กับผู้บริโภคทั่วโลก รวมทั้งในประเทศไทย ผ่านการต่อยอดความเชี่ยวชาญด้านศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (Amino Science) ให้ขยายวงกว้างมากขึ้น ทำให้ ‘อายิโนะโมะโต๊ะ‘ เร่ง​ขยายพอร์ตในกลุ่มธุรกิจใหม่เพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการพัฒนาผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากกรดอะมิโน  รวมทั้งการขยับมาสู่ตลาดในกลุ่ม Health Tech เพื่อส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของผู้คนเพิ่มมากขึ้น

มร.อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า ในปีนี้บริษัทมีแผน​​รุกพอร์ตในกลุ่ม New Business เพิ่มมากขึ้น ทั้งการเปิดตัวผลิตภัณฑ์เสริมอาหารนวัตกรรมจากกรดอะมิโน​ (Amino Supplement) เพิ่มเติมอีก 2 กลุ่ม คือ กลุ่มส่งเสริมคุณภาพในการนอน และกลุ่มเพื่อความงาม หลังก่อนหน้ามีผลิตภัณฑ์นำร่องแล้วในกลุ่​มโภชนาการสำหรับนักกีฬา (Amino Vital) และกลุ่มบำรุงร่างกาย (Amino MOF) ซึ่ง​ปีที่ผ่านมาสามารถสร้างยอดขายได้มากกว่า 2 หลัก รวมทั้งมีแผนเพิ่ม SKU ใหม่ ในกลุ่มกีฬามาทำตลาดเพิ่มเติม ที่เตรียมเปิดตัวเพิ่มเติมในเร็วๆ นี้ โดยได้วางเป้าหมาย มีผลิตภัณฑ์​กลุ่ม Amino Supplement รวม 10 ตัว ภายในปี 2030 นี้

นอกจากนี้ ได้ขยายธุรกิจมายังกลุ่ม Health Tech เป็นครั้งแรก เพื่อมุ่งให้บริการส่งเสริมสุขภาพในเชิงป้องกัน (Preventive) ผ่านแอปพลิเคชั่น ‘i-LiveWell – แพลตฟอร์มกินดีมีสุขฉบับมนุษย์เงินเดือน​’ หลังพบ​ปัญหาผู้บริโภคในปัจจุบันเจ็บป่วยจากการกิน​ ไลฟ์สไตล์ และความเครียดเพิ่มมากขึ้น ประกอบกับมีค่าใช้จ่ายด้านการดูแลรักษาสุขภาพในระดับสูง ซึ่งบางคนมีค่าใช้จ่ายมากกว่าเงินเดือนที่ได้รับด้วยซ้ำ การดูแลเชิงป้องกันจึงมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น เพื่อช่วยลดค่าใช้จ่ายในการดูแลสุขภาพโดยรวมให้ลดน้อยลงได้

ประกอบกับในตลาด Health Tech ทั่วโลกที่มีมูลค่ามากกว่า 2 แสนล้านเหรียญUSD และมีอัตราการเติบโตมากกว่า 10% ซึ่งการนำเทคโนโลยีด้านสุขภาพเข้ามาปรับใช้ ทำให้ช่วยลดค่าใช้จ่ายภาพรวม​ลงได้ราว 3-5% จึงมองเห็นโอกาสในการเติบโตจากการขยายธุรกิจมาสู่กลุ่ม Health Tech และ​เสริมพอร์ตในกลุ่ม New Business ให้แข็งแรงเพิ่มมากยิ่งขึ้น

คุณวันนเรศวร์ สุขีลักษณ์ ผู้จัดการแผนกธุรกิจใหม่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวเสริมว่า นับ​​เป็นครั้งแรกของบริษัทในการต่อยอดความเชี่ยวชาญจากผู้ผลิตอาหารสู่การให้บริการด้าน Health Tech ภายใต้การ​ร่วมมือกับพันธมิตรผู้เชี่ยวชาญทางด้านเทคโนโลยีเพื่อสุขภาพ Invitrace พัฒนาแอปพลิเคชัน​ดูแลสุขภาพเชิงป้องกัน ‘i-LiveWell – แพลตฟอร์มกินดีมีสุขฉบับมนุษย์เงินเดือน’ ภายใต้งบ​พัฒนาแอปเบื้องต้น​ 10 ล้านบาท เพื่อนำร่อง​ตลาด B2B ใน​กลุ่มองค์กรที่มีเป้าหมายในการส่งเสริมสุขภาพพนักงาน โดยเบื้องต้นตั้งเป้าเจาะองค์กรไทยราว 50 แห่ง และมีผู้ใช้งานภายใน Community ไม่น้อยกว่า 3,000 คน ภายในสิ้นปี 2025

สำหรับ แอปพลิเคชัน i-LiveWell จะมีฟีเจอร์​สำคัญ ประกอบด้วย  1) A.I. Personal Health คำนวณแคลอรี่ นับก้าวเดิน ทำอาหาร ออกกำลังกาย การประเมินสุขภาพ ที่เชื่อมโยงกับภารกิจของบริษัท  2) Entertainment Activity เกมและอวตาร คอมมูนิตี้ และรางวัลพิเศษ ซึ่งจะช่วยให้องค์กรสามารถป้องกันและดูแลสุขภาพที่ดีแก่พนักงานให้กินดีมีสุขอย่างยั่งยืน

“องค์กรที่นำแอปนี้ไปใช้จะเป็นอีกหนึ่งเครื่องมือของ HR เพื่อช่วยให้สามารถประเมินสุขภาพพนักงานภาพรวมได้ในเบื้องต้น รวมทั้งมองเห็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงและเข้าไปดำเนินการเพื่อดูแลด้านสุขภาพก่อนการเจ็บป่วยได้ ซึ่งการที่พนักงานมีสุขภาพที่ดี จะส่งผลต่อศักยภาพและประสิทธิภาพขององค์กรในภาพรวม ขณะเดียวกัน ยังทำให้พนักงานรู้สึกดีต่อองค์กรมากขึ้นจากความห่วงใยและใส่ใจต่อสุขภาพพนักงาน ขณะเดียวกัน ยังเสริมภาพลักษณ์ให้อายิโนะโมะโต๊ะในการก้าวข้ามจากแค่การเป็นบริษัทอาหารหรือเครื่องปรุงรส มาสู่ Well-being Centrict หรือบริษัทที่ให้ความสำคัญกับการส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดีของผู้คน สอดคล้องกับภารกิจขององค์กรในการสร้างสังคมกินดีมีสุขอย่างยั่งยืน”​

นอกจากนี้ ยังเพิ่มโอกาสทางธุรกิจที่เปิดกว้างให้กับอายิโนะโมะโต๊ะได้มากขึ้น จากการมี Community ที่ส่งเสริมการมีสุขภาพที่ดี เพื่อให้ผู้ใช้สามารถติดตามและประเมินข้อมูลสุขภาพได้แบบ Realtime มากกว่าการตรวจสุขภาพปีละครั้ง รวมทั้ง​การแนะนำทั้งกิจกรรม และเมนูอาหารที่ดีต่อสุขภาพ หรือการครีเอทกิจกรรม หรือโปรแกรมเพื่อสุขภาพต่างๆ เพื่อการวางแผนการพัฒนาสุขภาพที่ดีขึ้นในภาพรวม​​​ และในอนาคตจะสามารถเป็นอีกหนึ่งช่องทาง​จำหน่ายสินค้าในรูปแบบ E-commerce ให้กับ Users ภายในแพลตฟอร์มได้  รวมถึงการปลั๊กอินข้อมูลด้านสุขภาพต่างๆ ของผู้ใช้กับทางโรงพยาบาล รวมทั้งบริการด้าน Telemedicine หรือ Teleconsultant ต่างๆ ได้ ขณะเดียวกันยังเพิ่มโอกาสในการทรานส์ฟอร์มสู่การเป็น Data Driven Company ในอนาคต โดยเฉพาะเมื่อจำนวนผู้ใช้งานเติบโตได้มากขึ้น ซึ่งเป้าหมายที่วางไว้ในปี 2030 จะพยายามผลักดันให้มีผู้ใช้งานได้อย่างน้อย 2 แสนคน

ทั้งนี้ ทางอายิโน๊ะโม๊ะโต๊ะ เชื่อว่า การเร่งขยายฐานทั้งการเติม​สินค้ารวมท้ังบริการใหม่ๆ ให้พอร์ตกลุ่มธุรกิจใหม่ จะทำให้สัดส่วนในกลุ่มธุรกิจนี้เติบโตได้แบบ Double Growth จากปัจจุบันมีสัดส่วนรายได้ที่ราว 5% ของรายได้รวมของทั้งบริษัท และคาดว่าจะเพิ่มขึ้นเป็นไม่ต่ำกว่า 10% ได้ภายในปี 2030

Stay Connected
Latest News