บริษัท Rodinia Generation สตาร์ทอัพสัญชาติเดนมาร์ก เจ้าของเทคโนโลยี Microfactorie สำหรับผลิตแบบ Made-on-demand ในกลุ่มอุตสาหกรรมแฟชั่น เพื่อแก้ปัญหาการผลิตเสื้อผ้าที่มากเกินความต้องการ (Overproduction)โดยเปิดดำเนินการในกรุงโคเปนเฮเกน ของเดนมาร์ก มาต้ังแต่ปี 2017 รวมท้ังสามารถสร้างโรงงานขนาดเล็กแห่งแรกได้สำเร็จภายในปี 2021
ล่าสุดประสบความสำเร็จในการระดมทุนจำนวน 3 ล้านยูโร หรือราว 120 ล้านบาท ได้สำเร็จจาก EIFO (The Danish Export and Investment Fund) และ Climentum Capital
เป้าหมายการระดมทุนครั้งนี้ เพื่อต้องการต่อยอดเทคโนโลยี Microfactorie ไปยังประเทศอื่นๆ ในยุโรป รวมทั้งตลาดทั่วโลก เพื่อขับเคลื่อน Green Clothing ด้วยการปฏิวัติเทคโนโลยีระบบการผลิตในอุตสาหกรรมเสื้อผ้าให้มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น เพราะไม่ต้องใช้น้ำในระบบการผลิต ลดการปลดปล่อยคาร์บอนฟุตพรินท์ลงมากกว่า 40% ขณะที่ใช้ระยะเวลาในการผลิตก็ลดลงเหลือเพียง 2 สัปดาห์ เร็วกว่าการผลิตแบบเดิมที่ใช้เวลากว่า 9 เดือน
ระบบ Microfactories ยังเป็นแบบ Made-on-demand สามารถผลิตสินค้าได้แม้มีปริมาณออเดอร์น้อย จากเดิมที่ต้องสั่งล็อตใหญ่ๆ คร้ังละจำนวนมากๆ เพื่อให้ได้ Economy of Scale และมีความคุ้มค่าในการผลิต ตามเงื่อนไขของทางโรงงานผู้ผลิต ซึ่งเป็นที่มาของปัญหา Overproduction ทำให้มีปริมาณเสื้อผ้าที่ผลิตออกมามากเกินความจำเป็น รวมทั้งมีการผลิตสร้างก๊าซเรือนกระจก รวมทั้งมีการใช้ทรัพยากรมากเกินความจำเป็นด้วยเช่นกัน
อีกหนึ่งจุดเด่นของระบบนี้คือ ความสามารถในการผลิตได้ครั้งละจำนวนมาก โดยไม่จำเป็นต้องผลิตเพียงดีไซน์เดียว แต่สามารถปรับเปลี่ยนการดีไซน์ได้ตามต้องการ โดยสามารถสั่งผลิตได้มากกว่า 1,000 ดีไซน์ และสั่งไซส์ที่แตกต่างกันได้ ภายในการสั่งงานครั้งเดียว (1 batch)
Trine Young ดีไซเนอร์ และผู้ก่อตั้ง กล่าวว่า จุดมุ่งหมายสำคัญในการขับเคลื่อนเพื่อต้องการผลิตเสื้อผ้าอย่างยั่งยืนมากขึ้น เนื่องจากอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอมีการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ถึง 8% เมื่อเทียบกับปริมาณทั่วโลก จากกระบวนการผลิต การขนส่ง โดยเฉพาะการขนส่งระหว่างภูมิภาค เพราะเจ้าของแแบรนด์ต้องการลดต้นทุนการผลิตจึงเลือกสั่งผลิตในภูมิภาคที่ค่าแรงถูกกว่า
ขณะเดียวกันยังมีการผลิตมากเกินความจำเป็น นำมาซึ่งการใช้ทั้งน้ำ ทรัพยากร และสารเคมีในการผลิตจำนวนมาก ขณะที่การพัฒนา Microfactories สามารถสั่งผลิตได้ตามปริมาณที่ต้องการใช้จริง รวมทั้งใช้พื้นที่น้อยเพียง 200 ตารางเมตร และไม่ต้องใช้น้ำในกระบวนการผลิต จากเดิมที่โรงงานทั่วไปมักมีพื้นที่กว่า 2 พันตารางเมตร รวมทั้งใช้น้ำปริมาณกว่า 150 ล้านลิตร เพื่อผลิตสินค้าประมาณ 7 แสนชิ้น
นอกจากนี้ ยังมีเป้าหมายเพื่อทำให้แบรนด์ในพื้นที่ส่วนใหญ่หันมาสั่งผลิตสินค้าภายในท้องถิ่น เพื่อช่วยลดปริมาณคาร์บอนฟุตพรินท์จากการขนส่งจากต่างภูมิภาค เนื่องจากปัจจุบันแบรนด์ยุโรปส่วนใหญ่มักเลือกฐานผลิตจากตลาดที่มีต้นทุนถูกกว่า โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียเป็นหลัก ซึ่งหากแบรนด์เหล่านี้หันกลับมาใช้ผู้ผลิตในพื้นที่เดียวกันก็จะช่วยลดคาร์บอนในอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอในภาพรวมให้น้อยลงได้
โดยในปัจจุบันบริษัทฯ เป็นผู้ผลิตให้ผลิตภัณฑ์แบรนด์แฟชั่นต่างๆ เช่น Mads Nørgaard, Hummel และ Wheat ประกอบกับความสำเร็จในการระดมทุนครั้งล่าสุดนี้ จะทำให้ Rodinia Generation สามารถขยายฐานการผลิตไปประเทศอื่นๆ ในยุโรปเพิ่มเติม รวมทั้งการบุกตลาดโลกในอนาคต เพื่อขับเคลื่อน Green Clothing ช่วยสร้างความยั่งยืนในอุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอให้เพิ่มมากขึ้น
ด้านตัวแทนจาก Mads Nørgaard Copenhagen หนึ่งในแบรนด์แฟชั่นที่ตั้งอยู่ในกรุงโคเปนเฮเกน เดนมาร์ก ที่ย้ายมาผลิตในระบบ Microfactories กล่าวว่า ระบบการผลิตของ Rodinia Generation ทำให้สามารถผลิตสินค้าเพื่อออกสู่ตลาดได้เร็วขึ้นถึง 19 เท่า โดยใช้เวลาในการออกแบบและทำตลาดได้ภายในเวลาไม่ถึง 2 สัปดาห์ หรือแม้แต่ในช่วงเวลาเพียง 48 ชั่วโมง จากที่เคยต้องใช้เวลาในกระบวนการผลิตราว 9 เดือน พร้อมทั้งช่วยลดปริมาณการผลิตส่วนเกินเพราะแน่ใจว่าปริมาณซัพพลายสินค้าพอต่อการขาย ซึ่งช่วยลดจำนวนเสื้อผ้าที่ขายไม่ออกได้เกือบ 5 หมื่นล้านชิ้นต่อปี คิดเป็นมูลค่าความสูญเสียที่เกิดขึ้นภายในอุตสาหกรรมมากกว่า 1.88 แสนล้านยูโร