ไทยพาณิชย์ประกาศความพร้อม ธนาคารแห่งแรกของไทยที่เปลี่ยนขวดน้ำดื่มองค์กร ‘น้ำใจไทยพาณิชย์ rPET’ เป็นพลาสติกรีไซเคิล (rPET) 100% ตามแผนขับเคลื่อน Net zero 2030 ช่วยลดการใช้พลาสติกใหม่ลงได้กว่าปีละ 1.3 ล้านขวด พร้อมลดก๊าซเรือนกระจก 60% เทียบเท่าการปลูกต้นไม้ 2,200 ต้น
ภายใต้ความร่วมมือกับ บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ผู้นำในธุรกิจเคมีภัณฑ์ที่ดำเนินธุรกิจด้วยหลักความยั่งยืนมาอย่างต่อเนื่อง และโรงงานรีไซเคิลพลาสติกคุณภาพสูง ENVICCO ที่ได้รับการรับรองมาตรฐานคุณภาพความปลอดภัยและความสะอาดจากองค์การอาหารและยา (อย.) มาตรฐานจาก อย.สหรัฐ ผ่านการตรวจสอบความปลอดภัยด้านอาหารแห่งสหภาพยุโรป (EFSA) และมีแผนต่อยอดความร่วมมือในการเก็บกลับบรรจุภัณฑ์เพื่อบริหารจัดการอย่างครบวงจร
ต้นแบบธนาคารแรกใช้ขวดพลาสติกรีไซเคิล “น้ำใจไทยพาณิชย์ rPET” ช่วยลดเท่าที่ใช้ ร่วมเป็นส่วนหนึ่งของสังคมยั่งยืน
ธนาคารไทยพาณิชย์ตระหนักถึงบทบาทในการเป็นตัวกลางที่จะผลักดันสังคมยั่งยืน ด้วยเป้าหมายเพื่อมุ่งสู่ Net Zero จากแผนการดำเนินงานภายในของธนาคารภายในปี 2030 และจากการให้สินเชื่อและการลงทุนภายในปี 2050 แม้ว่าสถาบันการเงินจะเป็นธุรกิจที่มีการปล่อยคาร์บอนต่ำ แต่ธนาคารก็ยังให้ความสำคัญที่จะบูรณาการแนวทางการปฏิบัติงานภายในที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมอย่างจริงจัง
โดยในปีนี้ได้ริเริ่มลดการใช้พลาสติกภายในองค์กร จากการเปลี่ยนขวดน้ำดื่มที่ใช้สำหรับกิจกรรมต่างๆ ของธนาคาร เป็นขวดน้ำที่ทำจากพลาสติกรีไซเคิล 100% จำนวนปีละกว่า 1.3 ล้านขวด และถือเป็นธนาคารแรกที่ริเริ่มใช้ขวดน้ำดื่ม rPET (Recycled Polyethylene Terephthalate) ที่ผลิตจากพลาสติกรีไซเคิล ด้วยเทคโนโลยีการรีไซเคิลพลาสติกมาตรฐานยุโรปที่ทันสมัย โดยโรงงานรีไซเคิลพลาสติกคุณภาพสูง ENVICCO เพื่อพัฒนาบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ลดปัญหาขยะพลาสติกลดปริมาณขยะสู่หลุมฝังกลบ เพิ่มการหมุนเวียนพลาสติกใช้แล้วในประเทศไทยให้กลับมาเป็นทรัพยากรสำหรับการขึ้นรูปเป็นขวดน้ำใหม่ สามารถลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ ทั้งน้ำมันดิบ ก๊าซธรรมชาติ ลดการใช้พลังงาน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก
ทั้งนี้ ขวดน้ำดื่ม “น้ำใจไทยพาณิชย์ rPET” โฉมใหม่ ออกแบบภายใต้แนวคิด Sustainable Bloom ความยั่งยืนที่เบ่งบานสู่อนาคต นำเสนอในลวดลายดอกไม้หลากสีรวม 17 สี อันสื่อถึง 17 เป้าหมายแห่งการพัฒนาที่ยั่งยืน ทั้งยังเป็นตัวแทนแสดงเจตจำนงของธนาคารที่จะส่งมอบความยั่งยืนให้แก่สังคมและดูแลสิ่งแวดล้อมให้กับโลกใบนี้ ซึ่งการใช้ขวด rPET สามารถลดปริมาณขยะฝังกลบและขยะที่ถูกทิ้งลงทะเล ลดมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ และส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างเป็นรูปธรรม ขวดน้ำดื่ม “น้ำใจไทยพาณิชย์ rPET” ขนาดบรรจุ 320 มิลลิลิตร จำนวน 1.3 ล้านขวด นับเป็นการรีไซเคิลพลาสติกกลับมาผลิตเป็นขวดบรรจุภัณฑ์ใหม่ได้อย่างไม่รู้จบ เทียบเท่ากับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากต้นไม้ 2,200 ต้นในเวลา 1 ปี และคิดเป็นการปล่อยปริมาณก๊าซเรือนกระจกน้อยกว่าการใช้เม็ดพลาสติกผลิตขวดน้ำแบบเดิมถึง 60%
ตามแผนงานการมุ่งสู่ Net Zero ผ่านการปฏิบัติงานภายในธนาคารไทยพาณิชย์ในปี 2030 นั้น การเปลี่ยนขวดน้ำดื่มเป็นขวด rPET จำนวน 1.3 ล้านขวดต่อปี ในช่วงปี 2024-2030 คิดเป็นปริมาณขวด rPET รวมประมาณ 8 ล้านขวด เทียบเท่ากับการดูดซับก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ของต้นไม้ได้ถึง 13,500 ต้น สามารถบรรเทาผลกระทบจากการเปลี่ยนแปลงอุณหภูมิของโลกได้ในระยะยาว
ปลูกจิตสำนึกพนักงานไทยพาณิชย์ลดการใช้พลาสติก ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
นอกจากเปลี่ยนขวดน้ำดื่มเป็น “น้ำใจไทยพาณิชย์ rPET” แล้ว ธนาคารยังมีโครงการปลูกฝังจิตสำนึกพนักงานในการลดการใช้ขวดพลาสติกภายในชีวิตประจำวัน ด้วยการรณรงค์การนำกระบอกน้ำหรือบรรจุภัณฑ์ส่วนตัวที่ทนทานและใช้ซ้ำได้มาใช้เพื่อให้เกิดการใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า ลดปัญหาขยะพลาสติก และลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมกันนี้ในอนาคต ธนาคารได้วางนโยบายขยายผลเพิ่มการเก็บกลับขวดพลาสติกใช้แล้วโดยร่วมมือกับ GC YOUเทิร์น แพลตฟอร์มบริหารจัดการพลาสติกใช้แล้ว เพื่อนำขวดพลาสติกเข้าสู่ระบบเพิ่มปริมาณการรีไซเคิล และนำกลับมาสร้างประโยชน์ใหม่ให้ได้มากที่สุดตามแนวเศรษฐกิจหมุนเวียน เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมให้ได้อย่างเป็นรูปธรรม รวมทั้งลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก ปูทางสู่เป้าหมาย Net Zero ของทั้งสององค์กร ร่วมสร้างโลกที่ยั่งยืน
5 เรื่องดีต่อโลก แค่ใช้ขวด rPET
– สนับสนุนการใช้บรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน การนำขวด rPET มาใช้ถือเป็นการชุบชีวิตขวดพลาสติกให้สามารถใช้ประโยชน์ได้อย่างคุ้มค่า โดยสามารถนำมาผ่านกระบวนการแปรสภาพและนำกลับใช้ใหม่ได้สูงสุดถึง 10 ครั้ง ซึ่งถือเป็นการใช้บรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืนอีกด้วย
– ลดปริมาณขยะสู่สิ่งแวดล้อม ขวดพลาสติกที่ถูกทิ้งให้เป็นขยะ จะถูกนำไปฝังกลบ เพื่อรอการย่อยสลาย ซึ่งใช้เวลานานกว่า 450 ปี และต้องใช้พื้นที่ในการฝังกลบมากขึ้นเรื่อย ๆ โดยขวดพลาสติก 1 ตัน ต้องใช้พื้นที่ฝังกลบ 5.7 ลูกบาศก์เมตร การลดปริมาณการใช้ขวดแบบครั้งเดียวแล้วทิ้ง จึงเป็นการช่วยลดปริมาณขยะ ประหยัดพื้นที่ในการฝังกลบอีกด้วย
– ลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติ การผลิตพลาสติกใหม่ต้องใช้ทรัพยากรธรรมชาติไม่ว่าจะเป็น น้ำมันดิบ น้ำ และพลังงานมากมาย ดังนั้น การเปลี่ยนมาใช้ขวด rPET จึงช่วยลดการใช้ทรัพยากรธรรมชาติเหล่านี้ลงได้ โดยการรีไซเคิลขวดพลาสติก 1 ตัน และนำกลับมาใช้ใหม่ ช่วยประหยัดน้ำมันดิบได้มากถึง 3.8 บาร์เรล เป็นต้น
– ลดมลพิษสู่สิ่งแวดล้อม ในการกำจัดขยะขวดพลาสติกจะต้องเผาทำลายและการฝังกลบ จึงทำให้เกิดมลพิษในอากาศ และมลพิษในดินจากสารเคมีที่ซึมในหลุมฝังกลบ รวมถึงมีโอกาสที่ไมโครพลาสติกจะไหลซึมจากดินสู่แหล่งน้ำ ทำให้เกิดการปนเปื้อนได้ ดังนั้น การเปลี่ยนมาใช้ขวด rPET จึงเป็นการช่วยลดมลพิษต่าง ๆ ในสิ่งแวดล้อม และช่วยดูแลโลกของเราให้ปลอดภัยมากขึ้น
– ส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนและสังคม การใช้ขวด rPET นอกจากช่วยสิ่งแวดล้อมและโลกของเราได้หลากหลายด้านแล้ว ยังช่วยส่งเสริมเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศ โดยการใช้ทรัพยากรให้เกิดประโยชน์สูงสุด หมุนเวียนวัตถุดิบและผลิตภัณฑ์นำกลับมาใช้ใหม่ได้อย่างคุ้มค่า ช่วยเพิ่มมูลค่าจากขยะให้กลายเป็นขวดบรรจุภัณฑ์ที่มีราคา พร้อมเพิ่มผลกระทบเชิงบวกต่อระบบเศรษฐกิจ ช่วยสร้างงาน สร้างรายได้ให้กับชุมชนในการคัดแยกขยะเพื่อส่งโรงงานรีไซเคิลขวดพลาสติก นอกจากนี้ ยังเป็นการปรับวิถีชีวิตของคนในสังคม ปลูกฝังจิตสำนึกในการรักษาสิ่งแวดล้อม และใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่า เพื่อสร้างความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น โดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม เป็นต้น
รับชมเรื่องราวของขวดน้ำดื่ม “น้ำใจไทยพาณิชย์ rPET” ได้ทาง https://www.scb.co.th/th/personal-banking/stories/success-story/rpetwaterboottle.html