เล็งเพิ่มทุนในอุตสาหกรรมพลังงานทดแทน และโครงสร้างพื้นฐานสีเขียว เป็นนโยบายสู่การพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืนของทั่วโลก
บัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารในกลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ ประจำประเทศไทย เปิดเผยว่า ในช่วงระยะหลายปีที่ผ่านมา กลุ่มบริษัทเจนเนอราลี่ได้ทำการปรับเปลี่ยนธุรกิจอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้เกิดความยั่งยืนและสอดคล้องกับคำมั่นสัญญาที่ได้ให้ไว้กับสังคมตามหลักของ ข้อตกลงโลก (Global Compact) รวมไปถึง การประชุมรัฐภาคีอนุสัญญาสหประชาชาติว่าด้วยการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศสมัยที่ 21 (Conference of Parties 21) ของ คำมั่นสัญญาปารีสสำหรับการดำเนินการ (Paris Pledge for Action) ซึ่งเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ได้เข้าร่วมในปี พ.ศ. 2558
เมื่อเร็วๆ นี้ทางเจนเนอราลี่ กรุ๊ป ที่ประเทศอิตาลี ได้อนุมัติกลยุทธ์ลดภาวะโลกร้อน เพื่อสร้างการตระหนักถึงการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมอย่างยั่งยืน จึงได้ประกาศนโยบายหลักด้านการลงทุนและการรับประกันภัยของกลุ่มบริษัทฯ โดยนโยบายดังกล่าวจะถูกนำมาปรับใช้กับเจนเนอราลี่ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทยด้วย กลยุทธ์นี้ครอบคลุมไปถึงการลงทุนและการรับประกันภัย ใน 3 ด้านดังนี้
ด้านการลงทุนในฐานะผู้ถือครองทรัพย์สิน ตั้งเป้าภายในปี พ.ศ.2563 จะทำการเพิ่มทุนในภาคส่วน “สีเขียว” จำนวน 3.5 พันล้านยูโร (หรือประมาณ 136,500 ล้านบาท) (พันธบัตรสีเขียวและโครงสร้างพื้นฐานสีเขียวเป็นหลัก) ขณะเดียวกันก็จะไม่ทำการลงทุนเพิ่มเติมในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับถ่านหิน โดยในปัจจุบันเจนเนอราลี่มีความเกี่ยวข้องกับภาคส่วนถ่านหินอยู่ประมาณ 2 พันล้านยูโร (หรือประมาณ 78,000 ล้านบาท) แต่เจนเนอราลี่จะดำเนินการจำหน่ายหุ้นทุน และค่อยๆ ลดการลงทุนในพันธบัตร โดยการทำให้ครบกำหนดหรือพิจารณาถอนทุนก่อนถึงวันครบกำหนด แต่จะมีข้อยกเว้นสำหรับประเทศ ที่ยังต้องพึ่งพาถ่านหินในการผลิตพลังงานไฟฟ้าและความร้อน โดยไม่มีพลังงานทดแทนประเภทอื่น ซึ่งถือเป็นส่วนน้อยของการลงทุน หรือประมาณ 0.02% ของสัดส่วนการลงทุนทั้งหมด
ด้านการรับประกันภัย จะทำการเพิ่มสัดส่วนของพอร์ทเบี้ยประกันเกี่ยวกับภาคส่วนพลังงานทดแทน และเสนอผลิตภัณฑ์ที่มีคุณค่าทางสิ่งแวดล้อม อาทิ การสัญจรอย่างยั่งยืนและการใช้พลังงานอย่างมีประสิทธิภาพ เพื่อตลาดค้าปลีกและธุรกิจรายย่อย สำหรับการดำเนินงานเกี่ยวกับถ่านหิน ปัจจุบันเจนเนอราลี่มีสัดส่วนการลงทุนในธุรกิจเกี่ยวกับถ่านหินน้อย เมื่อเทียบกับสัดส่วนการลงทุนของเบี้ยประกันวินาศภัยทั้งหมด อีกทั้งยังลงทุนในภาคส่วนถ่านหินเฉพาะในประเทศที่เศรษฐกิจและการจ้างงานต้องพึ่งพาภาคส่วนถ่านหินเป็นหลักซึ่งจะพยายามลงทุนให้น้อยที่สุด”
ด้านความเกี่ยวข้องกับผู้ถือผลประโยชน์ร่วม นั้น สำหรับประเทศที่เศรษฐกิจและการจ้างงานยังต้องพึ่งพาภาคส่วนถ่านหินเป็นหลัก เจนเนอราลี่จะทำการติดต่อสื่อสารกับผู้จำหน่าย ลูกค้า และผู้ถือผลประโยชน์ร่วมอื่นๆ อย่างต่อเนื่อง อีกทั้งจะตรวจสอบแผนการดำเนินงานในการลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง
“การปกป้องสิ่งแวดล้อมและการทำงานเพื่อต่อสู้กับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศนั้น ถือเป็นวาระสำคัญสำหรับ เจนเนอราลี่ กรุ๊ป และนโยบายนี้ได้มีการดำเนินการไปแล้วบางส่วนในช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ สามารถครองตำแหน่งผู้นำในฐานะธุรกิจที่มีความรับผิดชอบต่อสังคมได้อย่างยอดเยี่ยม ซึ่งประเทศไทยเองก็จะดำเนินงานตามนโยบายดังกล่าวนี้ต่อไป” บัณฑิต กล่าวโดยสรุป