กสิกรไทย – ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ลงนามร่วมโครงการ GoGreen Plus เพื่อสนับสนุนการด้วยเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน หรือ Sustainable Aviation Fuel (SAF) ซึ่งจะช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์
โดยกสิกรไทยเป็นธนาคารแรกที่เข้าร่วมโครงการ เพื่อสนับสนุนให้ลูกค้าธุรกิจของธนาคารได้เป็นส่วนหนึ่งในการรักษ์โลกไปด้วยกัน โดยคาดว่าจะสามารถลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดตลอดวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life-cycle Carbon Footprint) ได้ราว 70-80% เทียบกับการใช้น้ำมันเครื่องบินทั่วไป และลดการปล่อยสารอันตรายที่เป็นอนุภาคเล็กและกำมะถัน ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจไปสู่ Net Zero Emission ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืน
คุณกุลวัชร์ พุ่มเทียน ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า ธนาคารกสิกรไทยดำเนินธุรกิจบนหลักการธนาคารแห่งควมยั่งยืน (Bank of Sustainability) โดยดำเนินนโยบายด้านสิ่งแวดล้อม ลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในการให้บริการของธนาคารมาโดยตลอด สำหรับโครงการ GoGreen Plus ของดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสเป็นโครงการที่มีวัตถุประสงค์ตรงกับเป้าหมายของธนาคาร จึงเข้าร่วมโครงการนี้เป็นธนาคารแรกเพื่อสนับสนุนและส่งเสริมลูกค้าธุรกิจของธนาคารที่ต้องนำส่งเอกสารทางการค้า โดยเฉพาะปรับเปลี่ยนมาใช้การขนส่งด้วยเชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืนสำหรับการขนส่งเอกสารระหว่างประเทศ โดยลูกค้าไม่มีค่าใช้จ่ายเพิ่มเติม เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนช่วยกันลดภาวะโลกร้อน ซึ่งเป็นเป้าหมายสำคัญที่ทุกคนต้องจับมือร่วมกัน
มร.เฮอร์เบิต วงศ์ภูษณชัย กรรมการผู้จัดการ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรส ประเทศไทย และหัวหน้าภาคพื้นอินโดจีน กล่าวว่า ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสมีความยินดีที่ได้ต้อนรับธนาคารกสิกรไทยสู่บริการ GoGreen Plus เพื่อลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์จากกระบวนการขนส่งเอกสารระหว่างประเทศด้วยเครื่องบิน ผ่านการเปลี่ยนมาใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน (Sustainable Aviation Fuel – SAF) แทนน้ำมันเครื่องบินทั่วไป แสดงถึงความมุ่งมั่นด้านการดำเนินการที่ยั่งยืนของทั้งสองบริษัท ซึ่ง SAF มีบทบาทสำคัญและมีประสิทธิภาพในการช่วยจัดการแก้ปัญหาการปล่อยคาร์บอนที่เป็นความท้าทายนี้ และซึ่งจะส่งผลดีต่อสภาพภูมิอากาศได้ภายในระยะเวลาอันสั้น ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านโลจิสติกส์ ดีเอชแอล เอ๊กซ์เพรสจะเดินหน้าสนับสนุนการใช้ SAF ให้เข้าถึงลูกค้าทุกกลุ่มอย่างแพร่หลาย เพื่อช่วยให้ลูกค้าของเราบรรลุเป้าการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้สำเร็จและยั่งยืน
โครงการครั้งนี้ นอกจากจะลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกทั้งหมดตลอดวัฏจักรชีวิตผลิตภัณฑ์ (Life-cycle Carbon Footprint) ได้ราว 70-80% เทียบกับการใช้น้ำมันเครื่องบินทั่วไป ยังจะช่วยลดการปล่อยสารอันตรายที่เป็นอนุภาคเล็กและกำมะถันจากการใช้เชื้อเพลิงการบินที่ยั่งยืน อันเกิดจากกิจกรรมการขนส่งทั้งการรับและส่งเอกสารทางการค้าซึ่งเป็นหนึ่งในกระบวนการซัพพลายเชนของธุรกิจนำเข้าส่งออก และร่วมเป็นส่วนหนึ่งในการขับเคลื่อนภาคธุรกิจเข้าสู่ Net Zero Carbon Emissions ได้อย่างมั่นคงและยั่งยืนอีกด้วย