ดีมานด์ในกลุ่มบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนขยายตัวมากขึ้นตาม 3 เมกะเทรนด์โลก ทั้งการที่แบรนด์อาหารรายใหญ่ๆ เริ่มมีการตั้งเป้าที่จะเพิ่มสัดส่วนบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขณะที่ในมิติของผู้บริโภคเองก็ให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืนมากขึ้น รวมไปถึงการมองหาความสะดวก และมาตรฐานความปลอดภัยที่สูงขึ้นด้วยเช่นกัน
เทรนด์เหล่านี้ส่งผลให้ตลาดอาหารในกลุ่มพร้อมปรุง และพร้อมทานต่างๆ รวมทั้งตู้จำหน่ายเครื่องดื่มอัตโนมัติมีการเติบโตอย่างต่อเนื่อง นำมาสู่โอกาสสำคัญของ Fest by SCGP หรือ เฟสท์ ในการพัฒนาบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยและมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม พร้อมขยายโอกาสไปสู่ตลาดใหม่ๆ ในกลุ่ม Processed Food เพื่อตอกย้ำภาพความเป็นผู้เชี่ยวชาญในการผลิตบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยและมีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวลด้อมมากขึ้น ในมิติของการพัฒนานวัตกรรมให้ตอบโจทย์กระบวนการผลิตในกลุ่มผู้ประกอบการอาหารแต่ละกลุ่ม จากที่ก่อนหน้ามีความแข็งแรงในตลาด Food Service หรือการผลิตบรรจุภัณฑ์สำหรับรองรับการบรรจุอาหารในกลุ่มร้านอาหารทั้งรายเล็ก รายใหญ่ และตลาด Food Delivery อยู่แล้ว
คุณกิตติชัย ทัศนวิญญู Food Service Packaging Solution Manager บริษัท ผลิตภัณฑ์กระดาษไทย จำกัด ผู้ผลิตและทำตลาดบรรจุภัณฑ์อาหารปลอดภัยและยั่งยืน ภายใต้แบรนด์ Fest by SCGP กล่าวว่า เฟสท์ขยายตลาดบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนมาสู่กลุ่มธุรกิจผลิตอาหารและเครื่องดื่มมากขึ้น ซึ่งต้องยกระดับความเชี่ยวชาญจากความสามารถในการผลิตบรรจุภัณฑ์ที่รองรับความต้องการใช้งานได้หลากหลายประเภท มาสู่การมีนวัตกรรมที่สามารถตอบโจทย์กระบวนการผลิตอาหารในระดับอุตสาหกรรม หรือกลุ่มโรงงานต่างๆ ซึ่งบรรจุภัณฑ์ต้องมีความแข็งแรงมากขึ้น ทนความต่างของอุณหภูมิทั้งร้อนจัดหรือเย็นจัดได้ ทนต่อความชื้น รวมทั้งต้องมีมาตรฐานการผลิตที่สามารถควบคุมคุณภาพผลิตภัณฑ์แต่ละชิ้นได้ในระดับสูง
“เบื้องต้นเฟสท์จะนำร่องใน 3 ตลาด ทั้งการพัฒนาถาดกระดาษสำหรับเนื้อสดแช่เย็น (Fest Fresh Pak) ถาดกระดาษสำหรับอาหารพร้อมทานแช่เย็น (Fest Redi Pak) และแก้วกระดาษสำหรับตู้กดเครื่องดื่มอัตโนมัติ (Fest Vending Pak)โดยยังเน้นความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้กระดาษจากป่าปลูก และการใช้วัสดุหมุนเวียนเป็นองค์ประกอบสำคัญกว่า 80-90% รวมทั้งยังสามารถช่วยยืดอายุของอาหารที่บรรจุ รวมทั้งทนอุณหภูมิได้ทั้งร้อนและเย็น โดยปัจจุบันมีลูกค้าเช่น Reo’s Deli (รีโอส์ เดลิ) ผู้ผลิตอาหารพร้อมทานที่จำหน่ายผ่าน 7-Eleven ซึ่งสามารถนำบรรจุภัณฑ์เข้าไมโครเวฟได้ทั้งชิ้นโดยไม่ต้องถอดปลอก และยังร้อนเร็ว ช่วยลดพลังงานในการอุ่นเมื่อลูกค้าซื้อ รวมทั้งเต่าบิน ในกลุ่มแก้วกระดาษในเครื่องอุตโนมัติ ที่ออกแบบมาเป็นพิเศษให้รองรับการใช้งานในตู้อัตโนมัติ รวมทั้งยังมีบริการโซลูชันการพิมพ์ เพื่อช่วยสร้างแบรนด์ รวมทั้งการจัดแคมเปญ หรืออกแบบลายลิมิเต็มในช่วงเทศกาลต่างๆ ให้ลูกค้าได้ด้วย”
หวังดันยอดขายเติบโตได้ 18 เท่า
หลังเริ่มทำตลาดในกลุ่ม Processed Food ปัจจุบัน Fest สามารถมีส่วนแบ่งในตลาดที่ราว 1% จากมูลค่าตลาดกว่า 2,700 ล้านบาท ขณะที่ตลาดมีการเติบโตต่อปีราว 5-8% ตามการขยายตัวของตลาด Ready to eat รวมทั้งกลุ่มอาหารแช่เย็นและแช่แข็งต่างๆ โดยในอีก 5 ปีข้างหน้า เฟสท์ตั้งเป้าจะเติบโตได้ถึง 18% โดยเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดให้ได้ 10% เพิ่มรายได้เป็น 330 ล้านบาท หรือสร้างยอดขายได้มากกว่า 200 ล้านชิ้นต่อปี โดยสัดส่วนหลักจะมาจากบรรจุภัณฑ์ในกลุ่มอาหารพร้อมทาน ตามมาด้วยตู้กดเครื่องดื่ม และบรรจุภัณฑ์สำหรับเนื้อสัตว์แช่เย็นต่างๆ
ขณะที่รายได้จากตลาดหลักในกลุ่ม Food Service ยังตั้งเป้าเติบโตได้มากกว่าเท่าตัว โดยตั้งเป้ารายได้มากกว่า 1,180 ล้านบาท หรือขายได้มากกว่า 700 ล้านชิ้นต่อปี จากมูลค่าตลาดปัจจุบันกว่า 22,300 ล้านบาท และเติบโตเฉลี่ย 3-5% ต่อปี
อย่างไรก็ตาม ภาพรวมบรรจุภัณฑ์ยั่งยืนของไทยยังมีสัดส่วนในตลาดไม่มากนักในตลาดรวมบรรจุภัณฑ์โดยรวม โดยเฉพาะในตลาด Food Service ยังมีขนาดที่ราว 10-15% เทียบกับในหลายประเทศที่มีการขับเคลื่อนมานานจะมีสัดส่วนราว 35-40% แต่เชื่อว่าตลาดในประเทศไทยมีแนวโน้มเติบโตได้อย่างต่อเนื่อง จากปัจจัยบวกทั้งเทรนด์เรื่องความยั่งยืน โดยเฉพาะในกลุ่มคนรุ่นใหม่ที่มีความตระหนักในเรื่องสิ่งแวดล้อมมากขึ้น ขณะที่ความท้าทายในการเปลี่ยนมาใช้บรรจุภัณฑ์ของผู้บริโภคยังเป็นความท้าทายสำคัญ โดยเฉพาะในอาหารหรือเครื่องดื่มบางประเภทที่ลูกค้ายังให้ความสำคัญในเรื่องของ Feeling หรือ Emotional ในการบริโภค ซึ่งเป็นหน้าที่ของผู้ผลิตอย่าง Fest ที่ต้องพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้สามารถตอบโจทย์ที่ทั้งดีต่อโลก และในขณะเดียวกันก็สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคไปได้พร้อมๆ กันด้วย