ปฏิเสธไม่ได้ว่า ความเชื่อที่ส่งต่อกันมายังคงเป็นหนึ่งใน Big pain point ที่ส่งผลต่อภาพลักษณ์ของ ‘ผงชูรส’ แม้ไม่มีหลักฐานทางวิทยาศาสตร์รองรับ รวมทั้งไม่ได้ส่งผลต่อยอดขาย แต่ก็ทำให้ผู้นำตลาดที่แข็งแกร่งของอุตสาหกรรมผงชูรสประเทศไทยอย่าง อายิโนะโมะโต๊ะ ต้องออกมา Educated ตลาดอีกครั้ง ผ่านแนวคิด ‘ศาสตร์แห่งกรดอะมิโน’ พร้อมกับการประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ของธุรกิจ เพื่อมุ่งสู่ ‘ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทยอย่างยั่งยืน’
มร. อิชิโระ ซะกะกุระ กรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท อายิโนะโมะโต๊ะ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวถึงการเปลี่ยนผ่านธุรกิจครั้งสำคัญ เพื่อมุ่งสู่ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้สังคมไทย ตามค่านิยมหลักของกลุ่มอายิโนะโมะโต๊ะทั่วโลก เพื่อสร้างคุณค่าร่วมกับสังคมอย่างยั่งยืนตาม Visoin 2030 ผ่าน 2 แกนสำคัญ ได้แก่ 1. การดำเนินธุรกิจเพื่อเสริมสร้างสุขภาพดีของผู้คน 1,000 ล้านคนทั่วโลก และ 2. การส่งเสริมความยั่งยืนของโลก โดยตั้งเป้าลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ 50% พร้อมตั้งเป้าขับเคลื่อนสู่ Net zero ภายในปี 2050
“อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย ประกาศวิสัยทัศน์ใหม่ให้สอดคล้องกับทิศทางของกรุ๊ป จากเดิมที่เคยวางเป้าหมาย ‘มุ่งสู่การเป็นบริษัทอาหารที่มีความน่าเชื่อถือที่สุดในประเทศไทย’ มาสู่การเป็น ‘ผู้นำในการสร้างความอยู่ดีมีสุขให้กับสังคมไทยอย่างยั่งยืน’ เพื่อสร้างความมีสุขภาพที่ดีให้เกิดขึ้นในทุกมิติทั้งกับผู้คน (Consumer Well-being) สังคม (Social Well-being) รวมทั้งพนักงาน (Employee Well-being) โดยในส่วนของเพื่อนพนักงาน บริษัทฯ ได้มีการให้ความรู้ด้านโภชนาการที่ถูกต้อง พร้อมทั้งได้ดำเนินการปรับปรุงสถานที่ต่าง ๆ ในสถานประกอบการ เช่น โรงอาหารที่มีเมนูสุขภาพให้เลือกรับประทาน หรือสถานที่ออกกำลังกายที่ได้มาตรฐาน อันจะช่วยส่งเสริมให้เกิดการปรับเปลี่ยนพฤติกรรมทั้งทางด้านอาหารและการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพที่ดีขึ้นได้”
สานพันธกิจสร้าง Well-being ทั้งผู้คนและสังคม
ส่วนมิติ Consumer Well-being เพื่อดูแลสุขภาพที่ดีให้คนไทย ได้ตั้งเป้าสนับสนุนคนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัยให้มีสุขภาพดีรับสังคมผู้สูงวัยของไทย ด้วยนวัตกรรมที่เกี่ยวกับอาหารและสุขภาพ เพื่อต่อยอดสู่ 3 กลุ่ม ทั้งกลุ่มอาหารตามโภชนาการที่สมดุล ที่ให้ความสำคัญทั้งการดูแลสุขภาพ การมีรสชาติที่ดี และการตอบโจทย์พฤติกรรมและวิถีชีวิตของผู้บริโภคในแต่ละท้องถิ่น กลุ่มอาหารสำหรับนักกีฬา เพื่อเสริมสมรรถภาพร่างกายให้แข็งแรงและมีพลังงานเพียงพอ และผลิตภัณฑ์อาหารเสริมสำหรับสุขภาพ ด้วยการต่อยอดจากศาสตร์แห่งกรดอะมิโน (Amino Science) มาช่วยตอบโจทย์ปัญหาสุขภาพให้คนไทยในทุกช่วงวัย
โดยมีแผนเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่กว่า 10 ผลิตภัณฑ์ทั้งในส่วนอาหารและอาหารเสริม ภายในปี พ.ศ. 2573 เพื่อเป็นทางเลือกในการดูแลสุขภาพให้แก่คนไทยกว่า 3 ล้านคนในทุกช่วงวัย พร้อมกับการเดินหน้า Educated ความสำคัญของกรดอะมิโนซึ่งเป็นองค์ประกอบหลักในกลุ่มอาหารและเครื่องปรุงของบริษัท และส่งผลดีต่อสุขภาพ ภายใต้การจัดการด้านโภชนาการอย่างเหมาะสม
ขณะที่ Social Well-being เน้นขับเคลื่อนธุรกิจเพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม โดยวางเป้าหมายปี 2030 ต้องบรรลุ 5 ด้าน ได้แก่ 1. การลดก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลง 50% 2. การอนุรักษ์ทรัพยากรน้ำ 80% 3. ลดขยะพลาสติกเป็นศูนย์ (รีไซเคิลพลาสติก) 4. ลดปริมาณของเสียจากอาหารและอื่น ๆ ลง 50% และ 5) การจัดซื้อจัดจ้างอย่างยั่งยืน 100% ด้วยการจัดการทรัพยากรที่มีอยู่อย่างจำกัดให้เกิดประโยชน์สูงสุด ทั้งการผลิตในโรงงานและภาคการเกษตร
ในส่วนการขับคเลื่อนจะเนินประสิทธิภาพในกระบวนการผลิตผ่านหลักการ 3Rs เช่น ใช้น้ำอย่างคุ้มค่าและเกิดประโยชน์สูงสุด นำแกลบที่เหลือจากภาคการเกษตรมาเป็นเชื้อเพลิง Biomass ใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทดแทนเชื้อเพลิงฟอสซิล รวมถึงการดูแลคุณภาพชีวิตให้เกษตรกรไทย ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งใน Ecosystem ธุรกิจ ซึ่งอายิโนะโมะโต๊ะ ถือเป็นผู้รับซื้อมันสำปะหลังรายใหญ่ที่สุดของไทยด้วยสัดส่วนราว 20% ของตลาดในประเทศ หรือคิดเป็นปริมาณมากกว่า 0.2 ล้านตันต่อปี นอกจากการรับซื้อผลผลิตอย่างเป็นธรรมแล้ว ยังช่วยดูแลจัดการโรคระบาดที่สร้างความเสียหายให้กลุ่มเกษตรกรด้วย
รวมทั้งเตรียมเปิดตัวแคมเปญ Too Good To Waste เพื่อช่วยลดการเกิดขยะอาหารในภาคครัวเรือน รวมทั้งการต่อยอด Food Loss- Food Waste ที่เกิดจากกระบวนการผลิตมาพัฒนาเป็นผลิตภัณฑ์ร่วม (Co-Product) ส่งคืนสู่ภาคการเกษตร เช่น การนำน้ำหมักจากกระบวนการผลิตมาทำปุ๋ย หรือผสมอาหารสัตว์ นำขี้เถ้าแกลบที่เป็นของเหลือจากโรงไฟฟ้าพลังงานร่วมจากชีวมวล (Biomass Cogeneration) ไปผลิตเป็นผลิตภัณฑ์บำรุงดิน เป็นต้น
“ผลสำเร็จในการดำเนินงานช่วง 3 ปีที่ผ่านมา (ปีงบประมาณ 2562 – 2565) อายิโนะโมะโต๊ะ ประเทศไทย สามารถลดการใช้น้ำต่อหน่วยได้ 91% รวมทั้งบำบัดน้ำทิ้งได้มาตรฐานสูงกว่าที่กฎหมายกำหนดก่อนปล่อยคืนสู่แหล่งน้ำธรรมชาติ และลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้ 267,000 ตัน หรือเทียบเท่าการดูดซับของต้นไม้ใหญ่กว่า 30 ล้านต้น รวมทั้งสามารถลดการใช้พลาสติกจากการลดขนาดหรือความหนาของบรรจุภัณฑ์ โดยยังคงคุณภาพเช่นเดิม รวมถึงยกเลิกบรรจุภัณฑ์ชั้นที่ 2 ทำให้ช่วยลดการใช้พลาสติกลงได้กว่า 307 ตัน และลดปริมาณการสูญเสียอาหารและขยะอาหารได้ถึง 49% หรือประมาณ 1,000 ตัน”
อย่างไรก็ตาม ตลาดประเทศไทย ถือเป็นสัดส่วนสำคัญของอายิโนโมะโต๊ะทั่วโลก โดยเฉพาะในเอเชียที่ครองสัดส่วนใหญ่ถึง 44% ดังนั้น จึงเชื่อว่าการปรับเปลี่ยนของประเทศไทย จะสามารถทำให้อายิโนะโมะโต๊ะสามารถสร้าง Impact หรือการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้กับโลกได้อย่างมีนัยสำคัญ ขณะที่การเติบโตของธุรกิจในประเทศไทยยังสามารถรักษาการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องที่ราวปีละ 5% พร้อมยังคงรักษาความเป็นผู้นำที่แข็งแกร่งโดยเฉพาะในตลาดผงชูรส โดยสัดส่วนรายได้หลักยังมาจากกลุ่มเครื่องปรุงรส 49% ตามมาด้วย 27% ในกลุ่มเครื่องดื่ม และ 24% ในกลุ่มอุตสาหกรรม (B2B) ตามลำดับ