เดินมาได้ครึ่งทางแล้ว สำหรับมหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX2023) ที่ภาคธุรกิจชั้นนำทั้งในประเทศกว่า 100 องค์กร วิทยากรกว่า 250 คน รวมทั้งเครือข่ายธุรกิจด้านความยั่งยืนทั้งในระดับภูมิภาคและระดับโลกกว่า 500 องค์กร มาร่วมมือกันสร้างแพลตฟอร์มเพื่อสร้างการเปลี่ยนแปลงให้โลก ตามแนวคิด ‘พอเพียง ยั่งยืน เพื่อโลก’ รวมทั้งขับเคลื่อนเพื่อนำไปสู่การลงมือทำได้อย่างเป็นรูปธรรม
นายฐาปน สิริวัฒนภักดี กรรมการผู้อำนวยการใหญ่ บริษัท ไทยเบฟเวอเรจ จำกัด (มหาชน) และประธานอำนวยการจัดงาน Sustainability Expo 2023 กล่าวในพิธีเปิดงานอย่างเป็นทางการว่า งานครั้งนี้จะเป็นพื้นที่สร้างประโยชน์ แชร์ประสบการณ์ และส่งต่อความรู้ที่จะช่วยสนับสนุนการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้คอนเซ็ปต์การสร้าง Good Balance, Better World หรือการสร้างสมดุลที่ดี เพื่อโลกที่ดีกว่า เพราะแม้จะเป็นการทำความดีแต่หากทำแบบสุดโต่ง ก็อาจจะเกิดผลกระทบรุนแรงตามมาได้ ดังนั้น ต้องสร้างความเข้าใจ กระตุ้นให้ทุกคนที่อยากมีโอกาสสร้างประโยชน์ให้แก่โลกได้มองเห็นภาพกว้าง และตระหนักว่าสิ่งที่เราทำต้องเกิดประโยชน์ต่อสังคม ต่อประเทศของเรา ต่อภูมิภาค และต่อโลก ผ่านการมาเรียนรู้จากงาน Sustainability Expo 2023 ในฐานะเวทีแลกเปลี่ยนความรู้ เพื่อนำมาซึ่งการเปลี่ยนแปลง และสร้างความยั่งยืนให้โลกใบนี้ต่อไป
ด้าน ดร.สุเมธ ตันติเวชกุล กรรมการและเลขาธิการมูลนิธิชัยพัฒนา กล่าวปาฐกถาพิเศษในพิธีเปิด SX2023 ว่า ตลอดปีที่ผ่านมา โลกเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วโดยเฉพาะในด้านเทคโนโลยี นวัตกรรมต่างๆ แต่ขณะเดียวกันเราก็เห็นภัยธรรมชาติที่เป็นผลมาจากการกระทำของมนุษย์มากขึ้น ไม่ว่าจะน้ำท่วม ไฟป่า ทั้งในประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก สะท้อนว่า แม้จะมีความเจริญหรือพัฒนามากขึ้นเท่าไหร่ แต่ก็ยังไม่สามารถเอาชนะธรรมชาติได้ ประกอบกับคนในโลกเพิ่มจำนวนมากขึ้นต่อเนื่องและทรัพยากรธรรมชาติมีจำกัด จึงจำเป็นต้องให้ความสำคัญกับการบริหารเพื่อให้เกิดความยั่งยืน ภายใต้การน้อมนำหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาเป็นแนวทางในการบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพ
หัวใจของหลักปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียงมี 3 เรื่อง คือ ความพอประมาณหรือต้องตรวจสอบทุนของตัวเองและไม่ทำอะไรเกินตัว ความมีเหตุผล และการมีภูมิคุ้มกันหรือการบริหารความเสี่ยงอย่างมีประสิทธิภาพ โดยหลักการทั้งสามนี้จะต้องอยู่บนพื้นฐานของความรู้และความมีคุณธรรม เพื่อนำมาซึ่งความสมดุล มั่นคง และยั่งยืน การสร้างความยั่งยืนจะต้องดีและถูกต้อง เราจะคิดถึงแต่ผลประโยชน์ไม่ได้ พระบาทสมเด็จพระบรมชนกาธิเบศรฯ เคยตรัสไว้ว่า เราต้องทำเพื่อประโยชน์สุข ไม่ใช่ความมั่งคั่งร่ำรวย ถ้ายึดประโยชน์เป็นหลักจึงจะสร้างความสุข ถ้าคนทั้งโลกหันกลับมามองตรงนี้ ทั้งโลกจะรอด และภารกิจของเราคือต้องรักษาโลกนี้เพื่อส่งต่อให้ลูกหลานของเรา ถ้าเราใช้ทรัพยากรจนหมดในวันนี้ ลูกหลานของเราจะอยู่อย่างไร” ดร.สุเมธ กล่าวย้ำ
ภาคธุรกิจชั้นนำร่วมโชว์เคส Sustainable Practice
ภายในงานยังมีหลากหลายธุรกิจชั้นนำมาร่วมจัดแสดงการขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทางแห่งความยั่งยืน เพื่อสร้างผลกระทบเชิงบวกทั้งต่อธุรกิจสังคมและสิ่งแวดล้อม
SCG ชวนสัมผัสพลังนวัตกรรมขับเคลื่อนสังคมคาร์บอนต่ำ
เริ่มด้วย SCG ที่ยกทัพนวัตกรรมและเทคโนโลยีดิจิทัลที่ช่วยอำนวยความสะดวก พร้อมการรักษาสมดุลให้โลกให้ได้ ภายใต้แนวคิด “ร่วม เร่ง เปลี่ยนสู่สังคมคาร์บอนต่ำ” ที่ทุกภาคส่วนและคนรุ่นใหม่ร่วมกันสร้างสรรค์ เพื่อการใช้ชีวิตสะดวกสบาย ปลอดภัย และสร้างสมดุลสู่สังคมคาร์บอนต่ำ ตามแนวทาง ESG 4 Plus ของเอสซีจี (มุ่ง Net Zero 2050 – Go Green – Lean เหลื่อมล้ำ – ย้ำร่วมมือ ภายใต้ความเชื่อมั่น โปร่งใส)
โดยพบกับ ระบบบ้านอัจฉริยะ Smart Home Solution แบรนด์ MIND ควบคุม เปิด-ปิดเครื่องใช้ไฟฟ้าภายในบ้านผ่าน IoT ช่วยประหยัดพลังงาน บรรจุภัณฑ์อาหารรักษ์โลก ถาดอาหารแช่เย็นพร้อมทาน Redi Pak by Fest by SCGP ที่กระดาษย่อยสลายตัวเองได้ภายใน 60 วัน ช่วยลดขยะ นวัตกรรมพลาสติกที่คิดมาเพื่อสิ่งแวดล้อม แบรนด์ SCGC GREEN POLYMER™ โซลูชันที่ตอบโจทย์การลดการใช้ทรัพยากร การออกแบบเพื่อให้รีไซเคิลได้ การนำกลับมาใช้ใหม่ และการทำให้ย่อยสลายได้ทางชีวภาพและการใช้ทรัพยากรหมุนเวียน ช่วยลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ และลดภาวะโลกร้อนได้อย่างมีประสิทธิภาพ ระบบแพทย์ดิจิทัลทางไกล ช่วยคนไข้ที่อยู่ห่างไกลเข้าถึงการรักษาได้โดยไม่ต้องเดินทาง ปรึกษาแพทย์ออนไลน์ และติดตามสุขภาพ เก็บข้อมูลผู้ป่วยอย่างแม่นยำ
ไทยยูเนี่ยน โชว์ 11 พันธกิจ เพื่อโลก เพื่อเรา
ด้าน บริษัท ไทยยูเนี่ยน กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) ร่วมเปิดบูธจัดนิทรรศการโชว์กลยุทธ์ยั่งยืน SeaChange® 2030 ซึ่งถือเป็นเสาหลักที่ธุรกิจของไทยยูเนี่ยนทั่วโลกได้ยึดเป็นหลักการความยั่งยืนในการทำงาน ผ่านพันธกิจ 11 ด้าน เพื่อให้ทุกภาคส่วนได้ตระหนักและร่วมมือกัน เพราะไทยยูเนี่ยนเชื่อว่าอาหารทะเลที่ยั่งยืนนั้นมีส่วนสำคัญในการดูแลท้องทะเลให้ยั่งยืนเพื่อคนรุ่นต่อๆ ไป
ประกอบด้วย เส้นทางสู่การปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ การประมงอย่างรับผิดชอบ การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำอย่างรับผิดชอบ การทำเกษตรกรรมอย่างรับผิดชอบ การฟื้นฟูระบบนิเวศ กระบวนการผลิตที่เป็นเลิศ การใช้บรรจุภัณฑ์ที่ยั่งยืน การลดขยะพลาสติกในทะเล สภาพการทำงานที่ปลอดภัยเหมาะสมและเท่าเทียม มีสุขภาพและสารอาหาร และเป็นพลเมืองบรรษัทที่ดี ซึ่งจะช่วยคนที่มาชมงานเข้าใจเรื่องการดูแลทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลได้ดียิ่งขึ้น พร้อมกิจกรรม Immersive บนจอทัชสกรีนกับภารกิจจับคู่ 11 พันธกิจ SeaChange® 2030 กับเป้าหมายการพัฒนาอย่างยั่งยืนแห่งสหประชาชาติ (SDGs) พร้อมติดแฮชแท็ก #ThaiUnionSX2023 #SeaChange2030 #Sustainability ได้ตลอดระยะเวลาจัดงาน ร่วมรับของรางวัลรักษ์โลกจากไทยยูเนี่ยนได้ภายในงาน
กลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ จัดเต็มนวัตกรรมเพื่อสร้างสังคมที่ดีกว่า
กลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ในประเทศไทย ร่วมขับเคลื่อนสังคมและโลกที่น่าอยู่ นำเสนอนิทรรศการรูปแบบใหม่ บอกเล่าเรื่องราวของอสังหาริมทรัพย์เพื่อความยั่งยืน ในโซน Better Community ด้วยคอนเซ็ปต์ “นวัตกรรมเพื่อสร้างสังคมที่ดีกว่า (Innovation for Better Community)” ตอกย้ำและสานต่อเป้าหมายของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้สู่ Net Zero Carbon หรือปล่อยก๊าซคาร์บอนสุทธิเป็นศูนย์ ภายในค.ศ.2050 เพื่อร่วมลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมและสร้างสรรค์โลกที่ยั่งยืน
ภายในนิทรรศการของกลุ่มเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ในประเทศไทย นำเสนอข้อมูลด้านอสังหาฯ เพื่อการเรียนรู้ 3 ส่วนหลัก ประกอบด้วย 1.โชว์เคส 9 โครงการชั้นนำ ของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้จากทั่วโลก 2.เปิดแผนงานด้านความยั่งยืนของเฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ ประเทศไทย และ 3. One Bangkok Immersive Pavilion ที่นำเสนอรายละเอียดของโครงการ วัน แบงค็อก แบบเจาะลึก ผ่านนิทรรศการในรูปแบบ Immersive Experience เพื่อให้ผู้ชมงานได้เห็นภาพจำลองขององค์ประกอบและพื้นที่ต่าง ๆในโครงการได้อย่างชัดเจนสมจริง พร้อมทั้งยังได้จัดเวทีสัมมนาเพื่อร่วมเปิดมุมมองและแชร์ประสบการณ์ในการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์เพื่อความยั่งยืนภายในงานอีกด้วย
ธนาคารกรุงเทพ ชูจุดยืน ‘องค์กรธุรกิจเพื่อการพัฒนาอย่างยั่งยืน’
ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) หรือ BBL ร่วมตอกย้ำฐานะองค์กรธุรกิจที่ให้ความสำคัญด้านการพัฒนาอย่างยั่งยืน ภายใต้แนวคิด Creating Value for a Sustainable Future – สรรค์สร้างคุณค่าสู่อนาคตที่ยั่งยืน พร้อมโชว์เคส 3 หัวข้อความสำเร็จ ตั้งแต่ระดับนโยบาย โครงการตัวอย่าง ‘รักษ์ท่าจีน’ ร่วมมือชุมชนลดปริมาณขยะ ใช้การรีไซเคิลสร้างมูลค่าเพิ่ม จนถึงการผสมผสานเป็นส่วนหนึ่งของบริการทางการเงิน หวังช่วยจุดประกายให้ธุรกิจและคนไทยร่วมสร้างสังคมที่ยั่งยืนในระยะยาว
ทั้งนี้ BBL ความมุ่งมั่นผลักดันองค์กรให้เดินหน้าสู่การพัฒนาอย่างยั่งยืนผ่าน 5 ด้านสำคัญ ได้แก่ Be Responsible: การดำเนินธุรกิจอย่างมีความรับผิดชอบ, Be Resilient: การสนับสนุนลูกค้า ชุมชนและสังคมให้สามารถรับมือสถานการณ์ไม่ปกติ เพื่อก้าวผ่านภาวะวิกฤตไปด้วยกัน, Be Caring : การใส่ใจดูแลสังคมรอบข้าง ทั้งพนักงาน ผู้ถือหุ้น ลูกค้า ชุมชนและสังคม ให้สามารถพึ่งพาตนเองได้อย่างยั่งยืน, Be Customer Centric : การให้บริการที่ยึดถือลูกค้าเป็นศูนย์กลาง และ Be Ethical: การดำเนินธุรกิจอย่างมีจริยธรรม ภายใต้นโยบายการให้สินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบ และคำนึงถึงความเสี่ยงด้าน ESG ในกระบวนการพิจารณาสินเชื่อ
GC ชูนวัตกรรมขับเคลื่อน Low Carbon
บริษัท พีทีที โกลบอล เคมิคอล จำกัด (มหาชน) หรือ GC ร่วมจัดแสดงกลุ่มผลิตภัณฑ์ Performance Chemicals: กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์มูลค่าสูง ที่มีดัชนีการปล่อยก๊าซเรือนกระจกต่ำ และ Bio and Circularity Solutions: กลุ่มผลิตภัณฑ์เคมีภัณฑ์ฐานชีวภาพ และกลุ่มผลิตภัณฑ์รีไซเคิล ฯลฯ
พร้อมส่งเสริมการเรียนรู้สร้างความตระหนักในคุณค่าพลาสติกใช้แล้ว ให้นำกลับมาใช้ใหม่ได้ นอกจากนี้ “ขวดน้ำดื่มใช้แล้วมีค่า เพียงนำมาหย่อนที่จุด GC YOUเทิร์น Drop Point” จะได้รับสิทธิร่วมกิจกรรม พร้อมรับของที่ระลึกติดมือกลับบ้านอีกด้วย ต่อด้วยร่วมสนุกกับ DIY สุดเก๋ กับเครื่อง Plastic Funtastic ที่จะทำให้คุณสร้างสรรค์ชิ้นงานสุดเก๋ในแบบของคุณ เพียง “นำฝาขวดน้ำดื่มใช้แล้ว มาที่บูธ GC” รับสิทธิ์ร่วมสนุกทันที
กลุ่มมิตรผล มอบคาร์บอนเครดิต 6,000 ตันคาร์บอนฯสู่ Carbon Neutral Event
ขณะที่ กลุ่มมิตรผล ผู้นำด้านการพัฒนาเพื่อความยั่งยืนในกลุ่มอุตสาหกรรมอาหารระดับโลก และยังเป็นผู้ได้รับการรับรองคาร์บอนเครดิตรายใหญ่ของประเทศไทย ได้เข้ามาร่วมผนึกกำลังสร้างความยั่งยืน ด้วยการสนับสนุนคาร์บอนเครดิต จำนวน 6,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า (tCO2eq) ให้กับงานครั้งนี้ เพื่อชดเชยการปล่อยก๊าซเรือนกระจกให้การจัดงานครั้งนี้เป็น Carbon Neutral Event สานต่อเจตนารมณ์ของกลุ่มมิตรผลในการขับเคลื่อนเป้าหมาย Net Zero เพื่อโลกที่ยั่งยืน
โดยปัจจุบันกลุ่มมิตรผลมีปริมาณคาร์บอนเครดิตที่ผ่านการรับรองจากองค์การบริหารจัดการก๊าซเรือนกระจก (องค์การมหาชน) กว่า 800,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี ที่ได้มาจากการดำเนินธุรกิจผลิตพลังงานไฟฟ้าชีวมวลจากเศษวัสดุเหลือทิ้งทางการเกษตร ซึ่งเป็นพลังงานสีเขียวที่ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
กำลังจะเข้าสู่โค้งสุดท้ายแล้ว สำหรับงาน SUSTAINABILITY EXPO 2023 (SX2023) มหกรรมด้านความยั่งยืนที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน นอกจากจะเต็มไปด้วยโชว์เคสจากธุรกิจชั้นนำแล้ว ยังมีอีกหลากหลายโซนที่สะท้อนให้เห็นการขับเคลื่อนความยั่งยืนในมิติต่างๆ ได้อย่างชัดเจนและเป็นรูปธรรม รวมทั้งหัวข้อเสวนาเพื่อขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนจากหลากหลายภาคส่วนที่น่าสนใจ และสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชนในโซน Marletplace รวมทั้งโซน SX Food Festival ที่นำเสนอเทรนด์อาหารยั่งยืน พร้อมทั้งแวะชิมอาหารอร่อยหลากหลายสะท้อนให้เห็นการขับเคลื่อน Soft Power ที่แข็งแรงของไทย ทั้งกลุ่มสตรีทฟู้ด และจาก 20 เซเลบริตี้เชฟที่มารวมกันไว้ภายในงานเดียว โดยสามารถแวะมางานสัมผันประสบการณ์ด้านควมยั่งยืนระดับภูมิภาคได้ฟรีตลอดงาน ทุกวันจนถึงวันที่ 8 ตุลาคม 2566 นี้ ตั้งแต่เวลา 10.00 – 20.00 น. ณ ศูนย์การประชุมแห่งชาติสิริกิติ์ ชั้น G และ LG