Walmart ประกาศความร่วมมือกับ Rubi Labs บริษัทผลิตเครื่องนุ่งห่มจากกระบวนการ Synbiotic ต่อยอดเทคโนโลยีดักจับคาร์บอนเป็นเส้นใยผลิตเสื้อผ้า เตรียมขยายสเกลการผลิตในระดับอุตสาหกรรม เพื่อให้มีราคาที่ผู้บริโภคจับต้องได้ หวัง Disrupt อุตสาหกรรมผลิตเครื่องนุ่งห่ม และสร้างความยั่งยืนให้อุตสาหกรรม
Rubi Labs มีความเชี่ยวชาญด้านเทคโนโลยี Synbiotic ซึ่งเป็นกระบวนการทางชีวเคมีในการใช้เอ็นไซม์ต่างๆ มาย่อยสลายคาร์บอนไดออกไซด์ให้กลายเซลลูโลส ก่อนที่จะเปลี่ยนเป็นเส้นด้ายไลโอเซลล์สำหรับนำไปใช้เป็นวัสดุพื้นฐานสำหรับอุตสาหกรรมสิ่งทอต่างๆ ซึ่งได้ไอเดียมาจากกระบวนการสังเคราะห์แสงของต้นไม้ ที่ใช้ CO2 เป็นตัวตั้งต้นเพื่อสร้างการเจริญเติบโตของต้นไม้
กระบวนการดังกล่าวนี้ จะทำให้ได้เส้นใยกึ่งสังเคราะห์ที่เป็น Carbon-negative Fabric หรือเส้นใยคาร์บอนเป็นลบ และมีความเป็นกลางทางด้านทรัพยากร (Resource Neutral) ซึ่งจะเป็นการ Disrupt อุตสาหกรรมแฟชั่นและสิ่งทอ จากความพยายามในการขยายสเกลการผลิตในระดับแมส พร้อมตั้งราคาให้สามารถจับต้องได้ รวมทั้งเป็นแนวทางในการขับเคลื่อนให้เกิดความยั่งยืนในอุตสาหกรรมด้วย
ทั้งนี้ Walmart เป็นบริษัทแรกที่ร่วมมือกับทาง Rubi ในการนำร่องให้ใช้เครื่องปฏิกรณ์ Rubi’s modular มาใช้ในการดักจับคาร์บอนที่เกิดขึ้นจากซัพพลายเชนของ Walmar เพื่อเปลี่ยนเป็นเส้นใยต้นแบบ พร้อมทั้งการร่วมดีไซน์และพัฒนาเสื้อผ้าตัวอย่างจากเส้นใยที่ได้โดยเน้นให้ผู้บริโภคสามารถเข้าถึงได้ง่าย ซึ่งขณะนี้ ทาง Rubi สามารถระดมทุนจากแบรนด์ต่างๆ ได้ว่า 8.7 ล้านเหรียญสหรัฐ พร้อมทั้งการเป็นพาร์ทเนอร์เพื่อผลิตเส้นใยให้กับหลายแบรนด์แฟชั่น เช่น H&M, Reformation, GANNI และ Nuuly เป็นต้น ซึ่งการที่ได้เป็นพันธมิตรกับทาง Walmart ซึ่งมีเครือข่ายซัพพลายเชนทั่ว US จะช่วยเพิ่มศักยภาพในการผลิตเส้นใยได้ในระดับอุตสาหกรรม เพื่อส่งให้กับแบรนด์ต่างๆ และช่วยให้ผู้บริโภคเข้าถึงแฟชั่นที่ยั่งยืนได้มากขึ้น
ขณะที่ทาง Walmart เอง ก็ให้ความสำคัญกับการขับเคลื่อนธุรกิจควบคู่ไปกับการลดคาร์บอนฟุตพริ้นท์ตลอดทั้งซัพพลายเชนมาโดยตลอด ซึ่งนอกจากความร่วมมือกับทาง Rubi แล้ว ยังมีการทำงานร่วมกับซัพพลายเออร์ NGO ต่างๆ และผู้นำด้าน Climate action ในการจุดประกายการเปลี่ยนแปลงเชิงบวกให้ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าทั่วโลกมาโดยตลอด ตั้งแต่ปี 2005 พร้อมกันนี้ Walmart ยังได้กำหนดเป้าหมายในการใช้พลังงานทดแทนให้ได้ 50% ภายในปี 2025 และ 100% ในปี 2035