หลังเปิดตัวผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่ ขวด rPET 100% เป็นเจ้าแรกในตลาดเครื่องดื่มน้ำอัดลมของไทยเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด ผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มภายใต้แบรนด์สินค้าของซันโทรี่และเป๊ปซี่โคในประเทศไทย ได้พาไปเยี่ยมโรงงาน บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลเกรดอาหารคุณภาพสูงรายใหญ่ที่สุดในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ เพื่อตอกย้ำคุณภาพ ความสะอาด ปลอดภัย ของขวดพลาสติก PET รีไซเคิล (rPET bottle) ที่เป๊ปซี่ได้นำมาใช้
โดยได้เปิดพื้นที่ให้เยี่ยมชมเทคโนโลยีการรีไซเคิลครบวงจร เน้นย้ำการเก็บกลับขวด PET ใช้แล้ว เพื่อนำมารีไซเคิลเป็นขวดใหม่ หรือที่เรียกว่า “Bottle-to-Bottle Recycling” หมุนเวียนใช้ใหม่ได้ไม่รู้จบ ซึ่งเป็นหัวใจสำคัญของการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน ส่งเสริมระบบเศรษฐกิจหมุนเวียนในประเทศไทย
คุณวิภาวรรณ ทัศนปรีชาชัย ผู้จัดการอาวุโสฝ่ายบรรษัทสัมพันธ์ บริษัท ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จำกัด กล่าวว่า “ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ในฐานะผู้ผลิตและจัดจำหน่ายเครื่องดื่มแบรนด์ชั้นนำในประเทศไทย ที่มุ่งมั่นส่งเสริมการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน (Sustainable packaging management) เราให้ความสำคัญและลงมือทำอย่างจริงจัง ตั้งแต่การเลือกใช้วัสดุและการออกแบบบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-friendly packaging) สามารถนำไปรีไซเคิลได้ รวมถึงการสื่อสารประชาสัมพันธ์ ให้ความรู้เกี่ยวกับการคัดแยกขยะและ บรรจุภัณฑ์ใช้แล้วอย่างเหมาะสม และอีกหนึ่งหัวใจสำคัญ คือการเก็บกลับขวดเครื่องดื่มใช้แล้ว เน้นขวด PET ใส ไม่มีสี เพื่อรีไซเคิลกลับมาเป็นขวดใหม่ที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัยตามมาตรฐานของ อย. ไทย หรือที่เรียกว่า “Bottle-to-Bottle Recycling” โดยเราได้ร่วมมือกับ บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด ผู้ผลิตเม็ดพลาสติกรีไซเคิลเกรดอาหารคุณภาพสูง เพื่อผลักดันการใช้ขวด rPET ให้เป็นที่ยอมรับในวงกว้าง ทำให้เกิดการหมุนเวียนใช้ทรัพยากรที่มีอยู่อย่างคุ้มค่า ลดการใช้ทรัพยากรใหม่ และหลังจากที่เราเริ่มนำร่องใช้ขวด rPET 100% กับผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่แล้ว เรามั่นใจเป็นอย่างยิ่งว่าคุณภาพและความปลอดภัยของขวด rPET 100% ไม่แตกต่างจากขวดที่ผลิตจากพลาสติกใหม่ (Virgin PET) เลย”
โดยปัจจุบัน ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ถือเป็นเจ้าแรกและเจ้าเดียวในตลาดน้ำอัดลมไทย ที่นำร่องใช้ขวด rPET 100% กับผลิตภัณฑ์เป๊ปซี่และเป๊ปซี่ไม่มีน้ำตาลขนาด 550 มล. โดยวางจำหน่ายในร้านค้าปลีกสมัยใหม่ (Modern Trade) และร้านสะดวกซื้อ (Convenient Store) ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังคงมีแผนการใช้ขวด rPET 100% ตลอดทั้งปี ซึ่งจะขยายไปสู่กลุ่มผลิตภัณฑ์และครอบคลุมช่องทางจำหน่ายอื่นๆ ต่อไป
ด้าน คุณณัฐนันท์ ศิริรักษ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็นวิคโค จำกัด กล่าวว่า “เอ็นวิคโค ขับเคลื่อนธุรกิจด้วยนโยบายการพัฒนาที่ยั่งยืน รู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้ร่วมมือกับ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ในการนำขวดเครื่องดื่มใช้แล้วกลับมารีไซเคิล ผลิตเป็นเม็ดพลาสติกเกรดอาหารคุณภาพสูงเพื่อใช้เป็นขวดบรรจุภัณฑ์ของเครื่องดื่มเป๊ปซี่อีกครั้ง โดยสามารถนำขวด PET ใช้แล้ว จำนวนมากถึง 40,000 ตันต่อปี เข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล ซึ่งวัตถุดิบทั้งหมดมาจากขวดพลาสติกใส่อาหารและเครื่องดื่มที่ใช้แล้วภายในประเทศเท่านั้น และด้วยกระบวนการและเทคโนโลยีการรีไซเคิลประสิทธิภาพสูงครบวงจรภายในโรงงานเอ็นวิคโค เริ่มตั้งแต่ขั้นตอนการคัดแยกวัตถุดิบ บด ล้างทำความสะอาด กำจัดสารเจือปน ปรับปรุงคุณภาพ รวมถึงการตรวจสอบ ทุกขั้นตอนได้มาตรฐานระดับสากล ทำให้เรามั่นใจว่าเม็ดพลาสติกรีไซเคิลของเราสามารถผลิตเป็นขวด rPET 100% ที่ได้ตามมาตรฐานของ อย. ทุกประการ สะอาดและปลอดภัย เรามุ่งหวังให้การใช้ขวด rPET ในประเทศไทยเป็นที่นิยมมากขึ้น ใช้กันอย่างแพร่หลายมากขึ้น การขับเคลื่อน Bottle-to-Bottle Recycling ร่วมกับ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย จึงเป็นก้าวสำคัญของการจัดการบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วตามหลักเศรษฐกิจหมุนเวียนอย่างแท้จริง”
ทั้งนี้ ผลิตภัณฑ์เม็ดพลาสติก InnoEco PCR PET เกรดสัมผัสอาหารของเอ็นวิคโคมีมาตรฐานความปลอดภัยระดับสากลผ่านการรับรองโดยองค์การอาหารและยาสหรัฐอเมริกา (U.S. Food and Drug Administration: USFDA) และในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อย. ไทย ได้ประเมินคุณภาพและความปลอดภัยของกระบวนการรีไซเคิลและอนุญาตให้เม็ดพลาสติก InnoEco PCR PET สามารถนำมาใช้ผลิตเป็นภาชนะบรรจุอาหารและเครื่องดื่มได้อย่างปลอดภัยเป็นรายแรกในประเทศไทย
“ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค ประเทศไทย ขอเชิญชวนผู้บริโภคเลือกใช้บรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม ง่ายต่อการรีไซเคิล และหันมาใส่ใจการคัดแยกบรรจุภัณฑ์ใช้แล้วเพื่อให้กลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิลให้ได้มากที่สุด รวมถึงส่งเสริมการใช้ขวด rPET ที่มีคุณภาพ สะอาด ปลอดภัย ให้เป็นที่นิยมในวงกว้าง การใช้วัสดุที่สามารถรีไซเคิลได้จะช่วยสร้างระบบการผลิตบรรจุภัณฑ์แบบปิดวงจร (Closed-loop) หรือหมุนเวียนได้ ถือได้ว่าเป็นกุญแจสำคัญในการส่งเสริมการจัดการบรรจุภัณฑ์อย่างยั่งยืน” คุณวิภาวรรณ กล่าวปิดท้าย