ทำความรู้จัก ‘ESG +5i’ สูตรลับองค์กร เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนให้ได้ผลดีกว่า และสร้างความแตกต่างจากคู่แข่ง

การขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตตามแนวทางของความยั่งยืน ภายใต้กรอบของสิ่งแวดล้อม (Environment) สังคม (Social) และการทำธุรกิจอย่างโปร่งใส ถูกต้อง และเป็นธรรม (Governance) หรือ การขับเคลื่อน​ธุรกิจตามกรอบ ESG​ ได้กลายมาเป็นมาตรฐานทั่วไปของการทำธุรกิจในปัจจุบัน

ไม่ต่างกับการรักษาศีลของชาวพุทธทั่วไป ซึ่งการรักษาศีล คือ เรื่องปกติในการดำเนินชีวิตของคนทั่วไป ดังนั้น ภาคธุรกิจที่ขับเคลื่อนความยั่งยืนโดยมองแค่การทำตามกรอบ ESG จึงกลายเป็นเพียงองค์กรธุรกิจองค์กรดีโดยปกติทั่วไปซึ่งในโลกปัจจุบัน การทำแค่นี้อาจไม่เพียงพออีกต่อไปแล้ว

ผศ.ดร.เอกก์ ภทรธนกุล หัวหน้าภาควิชาการตลาด Chulalongkorn Business School หรือ CBS กล่าวถึงแนวทางการขับเคลื่อนธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืนขององค์กรนับจากนี้ ต้องทำให้ ‘มากกว่า’ และทำให้ ‘ดีกว่าคู่แข่ง’ ดังนั้น จึงต้องขับเคลื่อนความยั่งยืนในรูปแบบ​ ‘ESG Plus 5i’ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการขับเคลื่อนได้ดีขึ้น พร้อมทั้งสามารถสร้างความแตกต่างจากคู่แข่งได้ด้วย ซึ่งทั้ง 5i ประกอบด้วย

1. information : หากอยากทำ ESG ให้ดี ต้องสามารถเก็บข้อมูลเพื่อนำมาวัดผลให้ได้  เช่น ต้องวัดได้ว่าเราลดคาร์บอนได้เท่าไหร่ ลดขยะไปได้กี่กิโลกรัม โดยเฉพาะการวางกระบวนการต่างๆ เพื่อให้สามารถได้มาซึ่งประสิทธิผลที่สามารถชี้วัดได้อย่างชัดเจน ซึ่งนับจากนี้ไปสิ่งต่างๆ เหล่านี้จะมีความสำคัญเป็นอย่างมาก​

2. imitation : อย่าก้อปปี้คนอื่น เพราะไม่ยั่งยืน แถมยังสร้างขยะเพิ่ม แต่ละบริษัทควรมีแนวทางในการขับเคลื่อนที่สอดคล้องกับธุรกิจ เพราะหากเลือกทำแต่โครงการที่เหมือนกันๆ จะไม่มีใครจำเราได้ ขณะเดียวกันการทำแต่อะไรเหมือนกันๆ มันคือ ความไม่ยั่งยืน และยังเป็นการสร้าง Waste ให้มากขึ้นอีกด้วย เช่น หากทุกบริษัทเลือกที่แจกแต่โต๊ะนักเรียนเหมือนกัน ทำให้บางโรงเรียนอาจจะต้องเสียห้องเรียนไปห้องหนึ่งเพื่อทำเป็นห้องเก็บของ ซึ่งสุดท้าย ของอาจจะไม่ได้ใช้ และกลายเป็นภาระหรือขยะให้ผู้รับต้องมาตามจัดการในภายหลัง

3. implement : อย่ามัวแต่วางแผนจนลืมทำ หรือบางองค์กรถ้าประกาศนโยบายบางอย่างออกมาต่อสาธารณะแล้วต้องมีการขับเคลื่อนได้จริง รวมทั้งพยายามการตรวจสอบกระบวนการในการขับเคลื่อนขององค์กรว่ามีการขับเคลื่อนแล้วจริงหรือไม่ หรือทำไปถึงจุดไหนอย่างไรแล้ว

4. innovation : อย่ายึดติดแต่วิธีเดิมๆ ​ให้มองเรื่องใหม่ ปัญหาใหม่ที่เกิดขึ้นทุกวัน เพราะการทำงานด้าน ESG ต้องมองปัญหาที่เกิดขึ้นในปัจจุบัน และนำมาตั้งเป็นประเด็นในการขับเคลื่อน เพื่อช่วยทำให้โลกนี้ดีขึ้นได้จริง ไม่ใช่นำของที่อาจจะเคยทำได้ดีในอดีตมาทำต่อเนื่องไปเรื่อยๆ โดยไม่มีการเติมสิ่งใหม่เข้าไป เพราะโลกมีปัญหาใหม่ๆ เกิดขึ้นเสมอ เราต้องมองที่ปัญหาใหม่ๆ เพื่อนำมา​แก้ไขให้เกิดเป็นความยั่งยืนขึ้น

5. integration : หาความร่วมมือจากแต่ละองค์กร เพื่อสร้างสิ่งใหม่ เพิ่มประสิทธิภาพให้ดีขึ้น  โดยที่แต่ละองค์กรจะทำในสิ่งที่ตัวเองถนัด หรือมีความเชี่ยวชาญ รวมทั้งมีเทคโนโลยีรองรับอยู่แล้ว และนำจุดเด่นของแต่ละคนมาผสานความร่วมมือ เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนสิ่งที่มีประโยชน์ หรือสร้างให้เกิดเป็นคุณค่าใหม่แก่สังคมร่วมกัน

“ทุกวันนี้ องค์กรที่ทำ ESG ได้ดี จะเป็นเพียงองค์กรปกติดีองค์กรหนึ่งเท่านั้น เพราะปัจจุบัน เราทำดีเฉยๆ ไม่พอ แต่ต้องดีกว่าคู่แข่งด้วย ดังนั้น องค์กรที่อยากขับเคลื่อนเรื่องของความยั่งยืนให้มีประสิทธิภาพมากขึ้น จึงไม่สามารถทำในแบบเดิมๆ ได้อีกต่อไป เพราะทั้งโลก ทั้งคู่แข่ง ต่างเปลี่ยนแปลงตลอดเวลา จึงต้องมองหาโซลูชันที่สามารถสร้างให้เกิดคุณค่าได้เพิ่มมากขึ้นอยู่เสมอ โดยเฉพาะการนำหลัก 5i ข้างต้นนี้ ไปต่อยอดกิจกรรมหรือแผนการขับเคลื่อนด้าน  ESG ให้กับแต่ละองค์กรได้อย่างมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น”​

Stay Connected
Latest News