เป็นหนึ่งในบริษัทอสังหาริมทรัพย์ที่ประสบความสำเร็จทั้งในการสร้างภาพลักษณ์ รวมทั้งการสร้างดีมานด์ใหม่ๆ ในตลาด จนกลายเป็นผู้นำด้าน Urban Living Solutions ที่สร้างความแข็งแกร่ง และแตกต่าง ในฐานะแบรนด์อสังหาริมทรัพย์ที่มีความเข้าใจคนเมืองมากที่สุด
มาปีนี้ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) ประกาศเร่งสปีดเพื่อสร้างให้เป็นปีแห่งปรากฏการณ์ที่ต้องเติบโตและทำกำไรได้ในทุกกลุ่มธุรกิจ ทั้ง Core Business ในขาของอสังหาริมทรัพย์และบริการเกี่ยวเนื่อง ไม่ว่าจะเป็นโครงการที่อยู่อาศัยทั้งบ้านและคอนโด บริการเซอร์วิสอพาร์ทเม้นท์ การทำ Branded Project รวมทั้งกลุ่มธุรกิจใหม่ๆ จากการเข้าไป JV ในธุรกิจที่มีโอกาสเติบโตระดับสูง เพื่อสร้างความแข็งแกร่ง และการเติบโตอย่างยั่งยืนของธุรกิจ
เซ็กซี่มากขึ้น สปีดเร็วขึ้น
โดยเป้าหมายสำคัญคือ “การทำให้ธุรกิจของอนันดาเต็มไปด้วยความเซ็กซี่มากขึ้น” หมายความว่า ในทุกๆ องค์ประกอบของธุรกิจไม่ว่าจะซูมอินเข้าไปในส่วนใดของโครงสร้าง ทั้งแนวกว้างหรือแนวลึก ก็จะต้องเป็นส่วนที่มีความแข็งแรงทั้งหมด ทุกกลุ่มธุรกิจสามารถแข็งแกร่งและทำกำไรอย่างยั่งยืนได้ด้วยตัวเอง ขณะเดียวกันก็ต้องเร่งสปีดการเติบโตให้เพิ่มมากขึ้นด้วย
คุณชานนท์ เรืองกฤติยา ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า การเร่งสปีดการเติบโตของอนันดาในปีนี้ มาจากการมองหาโอกาส หรือ Big Wave ในธุรกิจ เพื่อสามารถเป็น “ผู้ขี่คลื่น” สร้างโอกาสเติบโตจากกระแสและทิศทางของโลก รวมทั้งมองบริบทเพื่อให้กว้างมากกว่าแค่ในกรอบธุรกิจ แต่มองไปถึงดีมานด์ใหม่ๆ เพื่อกลายเป็นผู้นำในการสร้างความเปลี่ยนแปลงหรือเป็นผู้เซ็ตมาตรฐานใหม่ พร้อมทั้งการเปิดกว้างในการทำงานร่วมกับพาร์ทเนอร์ที่หลากหลายเพื่อโอกาสในการ Diversify และสร้าง New S-curve ให้ธุรกิจได้
หนึ่งใน Big Wave ที่เกิดขึ้นหลังการแพร่ระบาดโควิด คือ การมองหา Plan B ของคนจีน เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนที่จะเกิดขึ้นกับอนาคตของตัวเอง ซึ่งมากกว่าแค่การเข้ามาของนักท่องเที่ยว แต่เป็นการสร้างความมั่นคงในการใช้ชีวิตในอนาคตของชาวจีนเอง
ไม่ว่าจะเป็นการมองหาบ้านหลังที่ 2 นอกประเทศจีน เพื่อขยับไปสู่ความเป็น Global Citizen มากขึ้น ซึ่งการอยู่ในประเทศจีนเองอาจมีข้อจำกัดในเรื่องดังกล่าว ขณะที่ประเทศไทย โดยเฉพาะในกรุงเทพฯ เป็นพื้นที่เป้าหมายลำดับต้นๆ ที่ชาวจีนให้ความสำคัญ ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของการตอบโจทย์ด้านที่อยู่อาศัย ค่าครองชีพที่เหมาะสม และความหลากหลายทั้งอาหารและวัฒนธรรม
“อนันดาเองก็มีโครงการคุณภาพที่อยู่ในโลเกชั่นสำคัญและดีที่สุดของกรุงเทพฯ หรือ Blue Chip Location ครบในทุกเซ็กเม้นต์ ในราคาที่ยังไม่ได้ปรับตัวสูงขึ้นตามราคาที่ดินที่ปรับสูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งจุดเด่นของโครงการแบบ Ready to move ที่พร้อมอยู่พร้อมโอน ลูกค้าสามารถย้ายเข้าไปอยู่ได้เลย และความสะดวกในการเดินทางเพราะอยู่ติดรถไฟฟ้า และการอำนวยความสะดวกต่างๆ อย่างครบครัน ซึ่งไม่เพียงแค่โอกาสในธุรกิจที่อยู่อาศัยเท่านั้น แต่ยังเป็นโอกาสให้ธุรกิจอื่นๆ ด้วย เช่น สถานศึกษาต่างๆ หากสามารถรองรับการเปลี่ยนแปลงจาก Wave นี้ได้ ก็จะได้รับอานิสสงส์เพื่อสร้างการเติบโตจากความเปลี่ยนแปลงนี้ได้ด้วยเช่นกัน”
โฟกัสทั้ง Core Business และ New Business
สำหรับกลยุทธ์การเติบโตของอนันดาในปีนี้ จะสร้างการเติบโตอย่างแข็งแกร่งใน 4 กลุ่มธุรกิจ ทั้งที่เป็น Core Business และ New Business ได้แก่ กลุ่มธุรกิจที่อยู่อาศัยและบริการ เตรียมลงทุนเพิ่ม 10 โครงการ มูลค่ารวม 21,200 ล้านบาท ประกอบด้วย โครงการแนวราบ จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 7,200 ล้านบาท โครงการคอนโดมิเนียม จำนวน 4 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 10,000 ล้านบาท
ธุรกิจ Serviced Apartments จำนวน 2 โครงการ มูลค่ารวมประมาณ 4,000 ล้านบาท โดยทั้งหมดคาดว่าจะเป็นโครงการร่วมทุน ( JV ) เพิ่มเติมจาก 5 โครงการที่มีอยู่ในพอร์ต และพร้อมที่จะสร้างรายได้เข้ามาเติมพอร์คได้อย่างต่อเนื่อง และ Branded Residence ผ่านการจับมือพันธมิตรระดับโลก (WORLD CLASS PARTNER) เพื่อสร้างปรากฏการณ์พร้อมเซ็ตมาตรฐานบทใหม่แก่วงการอสังหาฯ เพื่อตอบโจทย์ดีมานด์ในระดับลักชัวรี่ที่เพิ่มสูงขึ้นของกลุ่มลูกค้าไฮเอนด์ ด้วยการเปิดตลาด SUPER ULTRA LUXURY บนถนนสุขุมวิท ซึ่งจะเป็นที่สุดของความร่วมมือสำหรับการพัฒนาที่อยู่อาศัยในแบบ Branded Residence ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย
ส่วน New Line Business มีทั้งการดำเนินงานของ Ananda Professional Services and Management Consultancy (APSMC) หรือการบริหาร และพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์แบบ Total Solutions ซึ่งปัจจุบันอยู่ในระหว่างการเจรจาข้อตกลงขั้นสุดท้าย กับบริษัท แรบบิท โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อบริหารและพัฒนา Mix Used โครงการแรกบนทำเล Prime Area บริเวณสุขุมวิท 38 (ใกล้รถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีทองหล่อ) รวมทั้งการขยายเพิ่มเติมในอนาคตอันใกล้
รวมทั้งจัดตั้ง The Master Academy (TMA) ในกลุ่ม Tech Education เพื่อช่วยขับเคลื่อนประเทศไทยสู่เศรษฐกิจดิจิทัล ภายใต้ความร่วมมือกับจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยเพื่อเปิดตัวหลักสูตร The Data Master ทำหน้าที่ผลิตนักวิทยาศาสตร์ด้านข้อมูลหรือ Data Scientists ซึ่งปัจจุบันมีไม่เพียงพอกับความต้องการในประเทศ โดยในอนาคตมีแผนที่จะพัฒนาสู่หลักสูตรอื่นๆ เช่น Blockchain และ Cyber Security ร่วมกับมหาวิทยาลัยและบริษัทชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศโดยเน้นการนำไปใช้ได้จริง รวมถึงความร่วมมือกับ Singularity University (SU) ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้อีกด้วย ซึ่งในอนาคตธุรกิจนี้มีศักยภาพที่จะ Spin off เพื่อเติบโตอย่างแข็งแกร่งด้วยตัวเอง พร้อมสามารถเข้าไประดมทุนในตลาดหลักทรัพย์ได้ด้วยเช่นกัน
ต้องเติบโตทุกมิติทั้งยอดขาย ยอดโอน กำไร
ด้าน คุณประเสริฐ แต่ดุลยสาธิต ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร สายงานธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ บริษัท อนันดา ดีเวลลอปเม้นท์ จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า อนันดาฯ มีแผนรองรับการกลับมาของตลาดอสังหาฯ และดีมานด์ของลูกค้าทั้งในประเทศและต่างชาติ โดยเฉพาะการนำสินค้าพร้อมอยู่พร้อมโอนซึ่งมีโครงการ Inventory ที่แข็งแกร่งมูลค่าประมาณ 45,000 ล้านบาท แบ่งตามพอร์ตดังนี้ คือ โครงการที่เป็น RTM (READY TO MOVE) มูลค่า 34,880 ล้านบาท โครงการที่จะสร้างเสร็จ ในปี 2023 มูลค่า 10,012 ล้านบาท พร้อมตั้งเป้ายอดรับรู้รายได้หรือยอดโอนไว้กว่า 14,500 ล้านบาท เติบโต 20% จากปีที่ผ่านมา และเป้ายอดขาย 18,000 ล้านบาท ซึ่งเติบโตขึ้นจากปีก่อนหน้าเล็กน้อยเช่นกัน รวมทั้งคาดการณ์กำไรให้เติบโตต่อเนื่องในสิ้นปีนี้ไว้มากกว่า 30% จากปีก่อนหน้ามีกำไรเติบโตที่ 25%
ด้านการตลาดในรูปแบบของ ANANDA URBAN CARAVAN นำโครงการพร้อมอยู่ ไปเสิร์ฟถึงมือให้กับกลุ่มลูกค้า GEN-C ด้วยกิจกรรม Roadshow สไตล์คนเมือง ตลอดทั้งปี นอกจากนี้ ยังเตรียมความพร้อมในการบุกตลาดต่างประเทศ เพื่อขยายฐานลูกค้าต่างชาติให้เพิ่มมากขึ้น อาทิ จีน ฮ่องกง ไต้หวัน เมียนมาร์ จากความแข็งแรงที่มีตัวแทนมากกว่า 200 แห่ง ทั่วโลกทั้งในเอเชีย ยุโรป และอเมริกา
สำหรับแผนการเปิดโครงการใหม่ 2 โครงการ เป็นส่วนหนึ่งในการทำ Brnded Residence ร่วมกับพาร์ทเนอร์เพื่อสร้างโครงการระดับแฟลกชิพ มูลค่ากว่า 14,600 ล้านบาท ท้ังในทำเลใจกลางสุขุมวิท ซึ่งเป็นความร่วมมือกับพันธมิตรระดับโลก ( World Class Partner ) ที่ถือได้ว่า จะเป็นที่สุดของความร่วมมือในการพัฒนาโครงการในรูปแบบ Branded Residence ที่ไม่เคยมีมาก่อนในประเทศไทย ซึ่งมูลค่าโครงการประมาณ 6,500 ล้านบาท และโครงการ ไอดีโอ พหล – สะพานควาย เพียง 0 ม. จากรถไฟฟ้าบีทีเอส สถานีสะพานควาย กับ Design Concept ใหม่ห้อง Hybrid New Series เพื่อชีวิตคน GEN C ด้วยที่สุดของทำเล อีกทั้งยังรายล้อมไปด้วยแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ ของคนเมือง พร้อมสิ่งอำนวยความสะดวกในโครงการ และส่วนกลางแนวคิดใหม่ เพื่อทุกโหมดของการใช้ชีวิต LIVE – WORK – PLAY – LEARN มูลค่าโครงการประมาณ 8,100 ล้านบาท