ญี่ปุ่นกำลังเพิ่มความพยายามในการผลิตเชื้อเพลิงอากาศยานแบบยั่งยืน หรือ SAF (Sustainable Aviation Fuel) จากภายในประเทศ โดยสายการบินรายใหญ่และบริษัทพลังงานต่างๆ มุ่งหวังที่จะผลิต SAF ให้ได้ 30,000 ตัน ภายในปี 2568 พร้อมเร่งมือจัดหาวัตถุดิบ และแก้ปัญหาซัพพลายไหลออกนอกประเทศ
ทั้งนี้ กระบวรการผลิต SAF จะมาจากการนำน้ำมันใช้แล้วจากการทำอาหาร (Used Cooking Oil) ไปขจัดสิ่งแปลกปลอมและนำไปกลั่นเป็นน้ำมันเชื้อเพลิง โดยการใช้เชื้อเพลิง SAF ซึ่งรวมถึงระบบในการกลั่นน้ำมันเชื้อเพลิง จะช่วยลดการปล่อยคาร์บอนไดออกไซด์ลงได้กว่า 80% หรือราว 80,000 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี เมื่อเทียบกับการบินด้วยเชื้อเพลิงการบินในปัจจุบัน และถือเป็นเชื้อเพลิงที่ภาคการบินทั่วโลกสามารถนำมาใช้ทดแทนได้ทันทีโดยไม่ส่งผลต่อเครื่องยนต์
ดังนั้น การเปลี่ยนมาใช้ SAF จึงเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ช่วยลดปริมาณการปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ในอุตสาหกรรมการบินลงได้ และช่วยลดกระแสต่อต้านการเดินทางโดยเครื่องบิน ที่ถูกโจมตีมาโดยตลอดว่าสร้างมลพิษในระดับสูง และส่งผลกระทบต่อการเปลี่ยนแปลงของสภาพอากาศอย่างมาก ทำให้ความต้องการเชื้อเพลิง SAF มีความต้องการเพิ่มขึ้นอย่างมากทั่วโลก
มร.นิชิมูระ ยูกิ จาก JGC Holdings Corporation หนึ่งในบริษัทผู้ผลิต SAF ชั้นนำของประเทศญี่ปุ่น และยังเป็นสมาชิกของ ACT FOR SKY ที่ประกอบไปด้วย 16 บริษัท ในห่วงโซ่อุปทานการผลิตน้ำมันอากาศยานยั่งยืน ที่ได้ประกาศเจตนารมย์ร่วมกัน โดยมีเป้าหมายในการผลักดันการเติบโตของ SAF ในญี่ปุ่น ตลอดทั้งซัพพลายเชนตั้งแต่การซื้อวัสดุ การผลิต ไปจนถึงการจัดหาวัตถุดิบ
มร.นิชิมูระ ยูกิ กล่าวว่า การจัดหาวัตถุดิบอย่างน้ำมันใช้แล้วค่อนข้างยากมาก และถือเป็นความท้าทายของบริษัท ในการผลิต SAF ซึ่งการส่งออกน้ำมันประกอบอาหารที่ใช้แล้วของญี่ปุ่นเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็วในช่วงไม่กี่ปีมานี้ และราคาก็เพิ่มขึ้นเกือบ 3 เท่าตัวในปีที่ผ่านมา ทำให้น้ำมันใช้แล้ว ซึ่งครั้งหนึ่งเคยเป็นของเสีย กำลังมีมูลค่าเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว และกลายเป็นตลาดที่มีการแข่งขันในระดับสูง
ท้ังนี้ มีการคาดการณ์จากกลุ่ม ACT FOR SKY ว่า SAF จะมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อความมั่นคงทางเศรษฐกิจของญี่ปุ่น เนื่องจาก SAF มีราคาแพงกว่าน้ำมันอากาศยานทั่วไป 3 หรือ 4 เท่า ขณะที่มีสัดส่วนน้อยกว่า 1% ของการจัดหาเชื้อเพลิงการบินทั้งหมดในโลกในปัจจุบัน
ขณะที่อุตสาหกรรมการบินทั่วโลกมีเป้าหมายที่จะปล่อยมลพิษเป็นศูนย์ภายในปี 2593 โดยที่ ANA (All Nippon Airways) และ JAL (Japan Airlines) มีเป้าหมายที่จะใช้ SAF แทนที่เชื้อเพลิงแบบเดิม ในสัดส่วนราว 10% ของเชื้อเพลิงทั้งหมดด้วย SAF ภายในปี 2573 หรือมีการใช้ในปริมาณ 1.2 ถึง 1.3 ล้านกิโลลิตรต่อปี
