วันที่ 3 พ.ย. 2565 นี้ แบรนด์ฟาสต์แฟชั่นอย่าง Zara เตรียมเปิดตัวแพลตฟอร์ม Zara Pre-Owned ในสหราชอาณาจักร อย่างเป็นทางการ โดยลูกค้าสามารถเข้าถึงบริการได้ในหลากหลายช่องทาง ไม่ว่าจะเป็นจากสโตร์ หรือช่องทางออนไลน์ ที่มีทั้งเว็บไซต์ และแอปพลิเคชันมือถือ
นับเป็นครั้งแรกของ Inditex บริษัทแม่ของแบรนด์ Zara ที่เปิดแพลตฟอร์มดังกล่าว เพื่อเป็นช่องทางในการชุบชีวิตให้กับเสื้อผ้าและสินค้ามือสองเพื่อให้ลูกค้าสามารถนำเสื้อผ้าของแบรนด์มารับบริการซ่อมแซม ขาย หรือบริจาคเสื้อผ้ามือสองและไอเท็มอื่นๆ ได้ โดยการเปิดบริการดังกล่าว สอดคล้องกับความตั้งใจของบริษัทที่ต้องการลดการสร้างขยะและลดการใช้วัตถุดิบในการผลิตนั่นเอง
แพลตฟอร์มดังกล่าวเกิดขึ้นหลังจาก คณะกรรมการด้านแฟชันแห่งสหราชอาณาจักร (The British Fashion Counsil) เรียกร้องให้บริษัทต่างๆ ดำเนินการมากกว่าแค่การกำหนดเป้าหมายด้านความยั่งยืน เพื่อลดมลพิษและขยะในองค์กร รวมถึงการลดจำนวนเสื้อผ้าที่ผลิต โดยจำนวนเสื้อผ้า รองเท้า และไอเท็มต่าง ๆ ที่ผลิตทั่วโลกเติบโตอย่างมาก จากกระแสฟาสต์แฟชันที่เพิ่มขึ้นแซงหน้าการพัฒนาเทคโนโลยีในด้านการขายสินค้ามือสองและการรีไซเคิล รวมถึงโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ
จากรายงานของ Future Market พบว่า ได้มีการประมาณการมูลค่าตลาดขายสินค้ามือสองทั่วโลกสูงถึง 7.12 หมื่นล้านเหรียญสหรัฐ ในปี 2022 และคาดว่าในทศวรรษหน้าจะเติบโตขึ้นประมาณ 14.8% ต่อปี เนื่องจากผู้บริโภคต่างคำนึงถึงประโยชน์ของการใช้สินค้ามือสองที่ส่งผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
Inditex ในฐานะบริษัทแม่ที่เป็นเจ้าของหลากหลายแบรนด์อย่าง Zara, Bershka, Mossimo Dutti ฯลฯ ซึ่งมีร้านค้าผ่านออนไลน์ และช็อปหน้าร้านจริงในกว่า 200 ตลาด โดยมีสโตร์ของแบรนด์ Zara จำนวน 60 แห่ง อยู่ในสหราชอาณาจักร พร้อมทั้งให้ความสำคัญกับการมีส่วนร่วมในการช่วยแก้ปัญหาสภาพอากาศ และยังให้คำมั่นในการดำเนินธุรกิจเพื่อบรรลุเป้าหมายความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2040
นอกจากนี้ Inditex ยังเป็นหนึ่งในสมาชิกกฎบัตรด้านแฟชันแห่งสหประชาชาติ (the UN Fashion Charter) ที่มีบริษัทประกอบธุรกิจต่างๆ เกี่ยวกับแฟชันเข้าร่วมเป็นสมาชิกอีกกว่า 50 แห่ง โดยกฎบัตรดังกล่าวสอดคล้องกับเป้าหมายของความตกลงปารีส (Paris Agreement) และสมาชิกยังมีส่วนร่วมในการกำหนดโรดแมพสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอนให้ได้ภายในปี 2050 ด้วย
Zara คงไม่ใช่แบรนด์ฟาสต์แฟชันแบรนด์แรกที่เห็นคุณค่าของสินค้ามือสองและเปิดแพลตฟอร์มให้แฟน ๆ เข้าถึงแบรนด์ แต่ก่อนหน้านี้แบรนด์สวีเดนอย่าง H&M ได้เปิดแพลตฟอร์มคล้าย ๆ กันหลังจากที่เห็นว่าตลาดสินค้ามือสองกำลังเติบโตนั่นเอง