เมืองใหญ่ต่างๆ ทั่วโลกกำลังให้ความสำคัญกับการแก้ปัญหาสิ่งแวดล้อมและสภาพอากาศด้วยแนวทางที่ยั่งยืน ด้วยการรณรงค์ให้ผู้คนหันมาปั่นจักรยานแทนการขับรถยนต์มากขึ้น
เช่นเดียวกับ เนเธอร์แลนด์ที่ได้ชื่อว่าเป็นเมืองที่มีการใช้จักรยานมากที่สุดในโลก ช่วงชั่วโมงเร่งด่วนของแต่ละวันจะเห็นปริมาณจักรยานจำนวนมากถูกขี่ตามท้องถนน สำหรับการเดินทางไปโรงเรียน หรือไปทำงาน จำนวนประชากรกว่า 17 ล้านคน กับปริมาณจักรยานที่ใช้ในชีวิตประจำวันมากกว่า 22.5 ล้านคัน หากคิดเป็นปริมาณเฉลี่ยออกมาเท่ากับว่า ทุกคนในเนเธอร์แลนด์จะมีจักรยานมากกว่าคนละ 1 คัน โดยผู้คน 84% จะต้องมีจักรยานอย่างน้อยคนละ 1 คัน
แต่ละปีจะมีการเดินทางด้วยรถจักรยานรวมทั้งปีกว่า 250-300 ครั้ง หรือคิดเป็นระยะทางรวมกันทั้งหมดเกือบ 15,000 ล้านกิโลเมตร ซึ่งสัดส่วนการเดินทางในประเทศด้วยจักรยาน มีสัดส่วนอยู่ที่ราว 27% โดยเฉพาะในกลุ่มคนอายุต่ำกว่า 50 ปี และสูงกว่า 65 ปี ที่จะมีการใช้งานจักรยานทุกวัน อย่างน้อยวันละ 1 ครั้ง ด้วยสัดส่วน 27% และ 17% ตามลำดับ
ขณะที่จำนวนการใช้งานจักรยานมีการเติบโตเฉลี่ย 12% ต่อปี มาตั้งแต่ปี 2005 และคาดว่าจะมีจำนวนการเติบโตเพิ่มมากขึ้น โดยคาดว่าจะมีการใช้งานจักรยานถึงปีละ 1,000 กิโลเมตร รวมทั้งโอกาสผลักดันให้เติบโตได้มากขึ้น โดยเฉพาะการเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้ใช้รถยนต์เดินทาง ที่ปัจจุบันราว 50% มีระยะทางน้อยกว่า 7.5 กิโลเมตร และคาดว่าจะสามารถผลักดันให้เติบโตได้เพิ่มขึ้นถึง 20% ในอีก 10 ปีข้างหน้า
การส่งเสริม Bicycle Infrastructure จึงมีความสำคัญเพิ่มมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มพื้นที่สำหรับรองรับการจอดจักรยานให้เพียงพอสำหรับแนวโน้มการเติบโตดังกล่าว แต่การเปลี่ยนผ่านจากการใช้รถยนต์ไปสู่จักรยานยังคงมีความซับซ้อนและปัญหาในหลายมิติ โดยเฉพาะการเปลี่ยนโครงสร้างพื้นฐานให้เปลี่ยนไปอย่างถาวร
ขยาย Bicycle Platform
fietsvlonde ผู้ให้บริการด้านแพลตฟอร์มสำหรับจอดจักรยาน และได้เดินหน้าเพิ่มพื้นที่ต่อเนื่อง โดยการเปลี่ยนพื้นที่สำหรับการจอดรถยนต์มาเป็นพื้นที่สำหรับการจอดจักรยาน โดยเฉพาะในเมืองที่มีปริมาณการใช้รถจักรยานในปริมาณสูงๆ ซึ่งพื้นที่ในการจอดรถยนต์ 1 คันนั้น สามารถปรับมาเป็นจุดจอดรถจักรยานได้มากถึง 10 คันเลยทีเดียว ซึ่งก่อนที่จะทำการเปลี่ยนแปลงที่จอดรถมาเป็นจุดจอดจักรยานอย่างถาวรนั้น จะได้ทำการทดลองชั่วคราว เพื่อดูผลการตอบรับจากประชาชนในพื้นที่ก่อน
โดยล่าสุด ได้เข้าไปทำการปรับปรุงพื้นที่ในเมืองเฮก ซึ่งเป็นเมืองใหญ่อันดับ 3 ของเนเธอร์แลนด์ และมีจำนวนผู้ใช้จักรยานจำนวนมาก แต่ไม่มีที่จอดอย่างเพียงพอและมีระเบียบ โดย fietsvlonde ได้เริ่มสร้างแพลตฟอร์มที่จอดจักรยาน (Bicycle Platform) ชั่วคราวไว้ในพื้นที่แคบๆ บนถนนที่มีตึกที่พักอาศัยเรียงรายกันอยู่ในกรุงเฮก เนื่องจากคนส่วนใหญ่ที่อาศัยในบริเวณนี้เดินทางด้วยการปั่นจักรยานแต่ไม่มีที่จอดเป็นที่เป็นทาง ส่งผลกระทบต่อคนเดินเท้าที่ต้องสัญจรไปมาในบริเวณดังกล่าว
ตลอดระยะ 2 เดือนของการทดลอง Bicycle Platform ช่วยพิสูจน์ให้ชาวเมืองเห็นถึงประสิทธิภาพและผลดีในการใช้งาน จึงช่วยลดเสียงคัดค้านและคลายความกังวลที่กระทบต่อจุดจดรถยนต์ที่หายไป ว่าไม่ได้ส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตของคนในเมือง โดย 86% ของผู้อยู่อาศัยบริเวณนั้นให้การตอบรับที่ดี และในเวลาต่อมาทางเมืองเฮกได้เปลี่ยนที่จอดชั่วคราวเป็นที่จอดถาวร และย้ายแพลตฟอร์มที่จอดชั่วคราวไปทดลองกับพื้นที่อื่นๆ ต่อไป
ไอเดียข้างต้นเกิดขึ้นที่แรกในเมืองรอตเทอร์ดาม ซึ่งคนต้นคิดคือนักผังเมืองที่ต้องการให้คนในเมืองขี่จักรยานมากขึ้น และขับรถยนต์ให้น้อยลง หลังจากที่การทดลองในเมืองรอตเทอร์ดามประสบความสำเร็จ แพลตฟอร์มที่จอดจักรยานก็ได้ขยายไปยังจุดอื่นๆ อีกมากมาย โดยปัจจุบันมีจุดจอดชั่วคราวทั้งสิ้น 70 แห่ง และที่จอดถาวรที่เกิดจากการเปลี่ยนที่จอดรถยนต์อีกเกือบ 90 แห่ง
นอกจากนี้ ทางเมืองรอตเทอร์ดาม ยังได้เพิ่มจุดจอดจักรยานอีกกว่า 1,100 จุด ที่สถานีรถไฟกลางเพื่ออำนวยความสะดวกให้กับประชาชนที่เดินทางด้วยจักรยานเพื่อมาต่อรถไฟ
การจัดการดังกล่าวช่วยให้เมืองต่างๆ สร้างนวัตกรรมในการหาโซลูชั่นสำหรับที่จอดจักรยานได้อย่างสร้างสรรค์ เนื่องจากการใช้จักรยานในเมืองรอตเทอร์ดามกำลังเติบโตเป็นอย่างมาก โดยเมืองรอตเทอร์ดามจะเพิ่มจุดจอดอีกกว่า 60,000 จุด ภายในปี 2030 โดยการพิจารณาจุดจอดในร่มร่วมด้วย
เช่นเดียวกับ ปารีส ที่การปั่นจักรยานเริ่มได้รับความสนใจจากคนในท้องถิ่นมากขึ้น และยังได้ชื่อว่าเป็น most bike friendly city in Europe อีกด้วย โดยทางปารีสเองยังมีแผนที่จะอัพเกรดโครงสร้างพื้นฐานต่างๆ ในเมืองให้เป็นสวรรค์ของนักปั่นภายในปี 2026 และเมืองอื่นๆในยุโรป เช่น โคเปนเฮเกน และลอนดอน ก็ได้มีการปรับปรุงถนนหนทางและโครงสร้างพื้นฐานให้เหมาะแก่การปั่นจักรยานและเดินเท้ามากขึ้น