โดยเฉพาะในกลุ่มรถยนต์ไฟฟ้าแบตเตอรี่ (BEV) 10,203 คัน และรถยนต์เครื่อง Hybrid แบบเสียบปลั๊ก (PHEV) 11,469 คัน ประกอบกับตัวเลขยอดจองรถ EV ในงานมอเตอร์โชว์ช่วงต้นปีที่ผ่านมา คิดเป็นกว่า 10% หรือมากกว่า 3,100 คันเลยทีเดียว
สะท้อนว่า ผู้ซื้อรถใหม่ในปัจจุบัน เริ่มให้ความสนใจที่จะเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเพิ่มมากขึ้น จากที่ก่อนหน้าจะมีตลาดเฉพาะกลุ่ม (Niche Market) โดยเฉพาะกลุ่มกำลังซื้อสูงและเป็นผู้ที่อาศัยในเขตเมืองเท่านั้น
แต่ความเห็นจาก คุณพงษ์ศักดิ์ เลิศฤดีวัฒนวงศ์ รองกรรมการผู้จัดการ บริษัท เอ็มจี เซลส์ (ประเทศไทย) จำกัด มีมุมมองว่า แม้การเติบโตของตลาดรถยนต์ไฟฟ้าในประเทศไทยปีนี้ จะเติบโตเพิ่มขึ้นได้หลายเท่าตัวเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา แต่ต้องยอมรับว่า การขยายตัวนี้ยังไม่ได้เกิดขึ้นจาก Real Demand หรือยังไม่ใช่ความต้องการที่แท้จริงของตลาด แต่มาจากการกระตุ้นด้วยมาตรการส่งเสริมจากภาครัฐ ซึ่งต้องติดตามดูภาพรวมของตลาดหลังจากจบมาตรการส่งเสริมว่าการขยายตัวจะชะลอตัวลงมากน้อยอย่างไร
ทั้งนี้ ปัจจัยหนุนที่จะทำให้ลูกค้าเลือกซื้อรถยนต์ไฟฟ้า ยังมาจากปัญหาน้ำมันมีราคาแพง แต่ด้วยความผันผวนของตลาด หากในช่วงที่ราคาน้ำมันปรับตัวลดลงไม่แพงมาก ความสนใจต่อการเปลี่ยนมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าก็จะน้อยตามลงไปด้วยเช่นกัน โดยปัจจุบันกลุ่มคนที่ให้ความสนใจยังคงเป็นกลุ่มคนในเมือง หรือกลุ่มที่เน้นการขับขี่ในระยะทางใกล้ๆ แต่กลุ่มคนที่ต้องขับรถทางไกลก็ยังมีคงมีความกังวลต่อประเด็นดังกล่าวอยู่
“ต้องยอมรับว่าลูกค้าบางส่วนยังไม่มั่นใจในการใช้รถยนต์ไฟฟ้ามากนัก แม้จะมีการเร่งลงทุนใน EV Ecosystem จากหลายภาคส่วน แต่ก็ยังไม่สามารถสร้างความมั่นใจให้ลูกค้าได้มากนัก ประกอบกับปัญหาเรื่องของการส่งมอบรถ จากผลกระทบทางด้านซัพพลายก็เป็นอีกหนึ่งสาเหตุที่ทำให้ลูกค้ายังไม่มีความเชื่อมั่น และอาจส่งผลให้ตลาดเติบโตได้อย่างจำกัดเช่นเดียวกัน”
อย่างไรก็ตาม การเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้รถยนต์ไฟฟ้านั้นเป็นทิศทางที่จะต้องเกิดขึ้นในอนาคตอย่างแน่นอน ตามเทรนด์การเติบโตของพลังงานสะอาดและประเด็นทางด้านสิ่งแวดล้อมที่คนในปัจจุบันสนใจเพิ่มมากขึ้น แต่จะเกิดขึ้นในลักษณะแบบค่อยเป็นค่อยไป โดยเฉพาะเมื่อถึงจุดที่ความแตกต่างระหว่างราคาของรถยนต์ไฟฟ้าและรถเครื่องยนต์สันดาปนั้น มีความใกล้เคียงกันมากขึ้น ก็จะทำให้ผู้ใช้รถเลือกที่จะหันมาใช้รถยนต์ไฟฟ้าเมื่อต้องเปลี่ยนรถยนต์คันใหม่ แค่คาดการณ์ว่ายังไม่ใช่ในเร็วๆ นี้ ซึ่งสอดคล้องกับการประเมินของ Deloitte ที่คาดการณ์การเติบโตของรถยนต์ไฟฟ้าทั่วโลก จะมีสัดส่วนที่ราว 30% ของตลาดภายในปี 2030 สะท้อนว่าตลาดมากกว่า 2 ใน 3 ก็ยังคงเป็นเครื่องยนต์สันดาป แต่จะเห็นอัตราเร่งในบางตลาด เช่น ในกลุ่มยุโรป เนื่องจาก ต้องการกระจายความเสี่ยงจากการใช้พลังงานน้ำมัน เนื่องจากไม่สามารถผลิตน้ำมันเองได้นั่นเอง