Mintel (มินเทล) เผยผลสำรวจผู้บริโภคชาวไทย ผ่านอินเตอร์เน็ต อายุ 18 ปีขึ้นไป จำนวน 2,000 ราย ช่วงระยะ 6 เดือน ก่อนเดือนกุมภาพันธ์ 2565 พบว่า ผู้บริโภคคนไทยประมาณ 8 ใน 10 ต่างประสบปัญหาทางด้านสุขภาพจิต
โดยปัญหาที่พบ 3 อันดับแรก คือ ความเครียด (46%) นอนไม่หลับ (32%) และวิตกกังวล (28%) ซึ่งสภาพจิตใจของคนไทยถดถอยลงจากผลกระทบที่ยืดเยื้อของสถานการณ์ COVID-19 ซึ่งส่งผลให้พวกเขาเกิดความหงุดหงิดและความรู้สึกท้อแท้
นอกจากนี้ ผลวิจัยยังพบว่า ผู้บริโภคแต่ละเพศ และแต่ละช่วงวัยต่างเผชิญกับความท้าทายด้านสุขภาพจิตที่แตกต่างกัน ดังต่อไปนี้
– Gen Z คือกลุ่มวัยที่รู้สึกโดดเดี่ยวที่สุด
ผู้บริโภค Gen-Z โดยเฉพาะ ช่วงอายุระหว่าง 18-24 ปี จะกังวลต่อเรื่องของการทำงานและการเรียนมากถึง 48% รวมทั้งปัจจัยอื่นๆ ที่เป็นความท้าทายด้านสุขภาพจิต เช่น แรงกดดันจากเพื่อน 33% และจากโซเชียลมีเดีย 25% ทั้งยังพบว่า คนวัยนี้ยังมีความรู้สึกโดดเดี่ยวสูงกว่ากลุ่มอื่น ที่ระดับ 38% เมื่อเทียบกับกลุ่มคนที่อายุมากกว่า เช่น Millennials (ตอนต้น ช่วงอายุ 32-40 ปี ) ที่รู้สึกโดดเดี่ยวราว 26% และ Gen X (อายุ 41-56 ปี) ที่มีสัดส่วน 15%
คุณวิลาสิณี ศิริบูรณ์พิพัฒนา นักวิเคราะห์อาวุโสด้านการวิจัยไลฟ์สไตล์ ประจำ Mintel Reports Thailand กล่าวว่า มากกว่าหนึ่งในสามของผู้บริโภคชาวไทยรุ่นใหม่ในกลุ่มตัวอย่าง ระบุว่า พวกเขาขาดความมั่นใจในตนเอง และมีสภาวะทางจิตใจบางอย่าง เช่น การนับถือตนเองต่ำ อาการซึมเศร้า และความวิตกกังวล สภาวะเหล่านี้เกิดจากการสร้างภาพชีวิตที่ “สมบูรณ์แบบ” บนโซเชียลมีเดีย จากการได้เห็นบุคคลที่พวกเขาชื่นชอบ อินฟลูเอนเซอร์ หรือคนที่พวกเขารู้จักมีในสิ่งที่พวกเขาไม่มี ก่อให้เกิดความกดดันที่จะต้องใช้ชีวิตให้ได้ตามมาตรฐานที่ผู้อื่นวางไว้ แบรนด์ต่างๆ สามารถช่วยเหลือประชากรกลุ่มที่มีอายุน้อยนี้ได้ ด้วยแคมเปญที่ผลักดันและส่งเสริมให้ผู้บริโภคเกิดความรู้สึกพึงพอใจในตนเอง
ผู้หญิงเครียดกว่าผู้ชาย
เกือบหนึ่งในสาม หรือ 31% ของผู้หญิงไทย ช่วงอายุ 18-34 ปี กล่าวว่า พวกเขารู้สึกหมดไฟ เมื่อเทียบกับชายในวัยเดียวกัน ที่มีความรู้สึกเช่นนี้ราว 17% เนื่องจาก ผู้หญิงให้ความสำคัญกับงาน/การศึกษา ความไม่แน่นอนในการวางแผนอนาคต และสถานการณ์/ความรับผิดชอบทางการเงิน จึงเป็นปัจจัยสำคัญที่ส่งผลต่อสุขภาพจิตของผู้บริโภคกลุ่มนี้
“ผู้หญิงอายุ 18-34 ปี มีแนวโน้มที่จะต้องรับมือและรับผิดชอบกับงานบ้าน สร้างความมั่นคงในหน้าที่การงาน และคำนึงถึงการแต่งงานใช้ชีวิตคู่ เนื่องจากพวกเธอต้องการรักษาสมดุลในชีวิตและมีสุขภาพที่ดี ทั้งทางกายและทางใจ แบรนด์ต่าง ๆ สามารถวางผู้บริโภคกลุ่มนี้เป็นเป้าหมายได้ โดยเฉพาะกลุ่มผู้หญิงที่มีไลฟ์สไตล์ที่ยุ่งหรือวุ่นวายตลอดเวลา ด้วยการนำเสนอผลิตภัณฑ์และการบริการที่จะช่วยบรรเทาความเครียดทางด้านจิตใจ และช่วยให้พวกเธอสามารถทำกิจกรรมเพื่อให้มีสุขภาพที่ดีได้” คุณไข่มุกกล่าวต่อ
ทุกกลุ่มอายุมีปัญหาเรื่องนอนไม่หลับ
ผลวิจัยยังระบุว่าการนอนหลับล้วนส่งผลต่อคนไทยไม่ว่าจะอยู่ในช่วงอายุใด ซึ่งอาจเชื่อมโยงกับเหตุการณ์ในชีวิตที่มีความตึงเครียดได้ โดยสำหรับในช่วงวัยต่าง ๆ แล้ว ประมาณ 35% ของ Gen Z และ Millennial จะมีอาการนอนไม่หลับ ในขณะที่ Gen X อยู่ที่ 28%
ผลที่ได้สะท้อนว่าไม่ใช่แค่ผู้สูงอายุเท่านั้นที่ประสบปัญหานอนไม่หลับ แต่เป็นปัญหาของทุกวันโดยปัจจัยเหล่านี้อาจเกิดจาก มาตรการการอยู่บ้านทำให้ผู้คนไม่สามารถแยกชีวิตส่วนตัวกับชีวิตการทำงาน หรือการเรียนออกจากกันได้อย่างชัดเจน ทำให้เกิดความเครียดและนอนไม่หลับมากขึ้น
ผู้บริโภคมองหาแบรนด์ที่จะมาช่วยแก้ปัญหาด้านสุขภาพจิต
ทั้งจากปัญหาเรื่องความกังวลต่อสุขภาพจิต หรือปัญหาการนอนไม่หลับ ทำให้แบรนด์ต่างๆ พยายามหานวัตกรรมหรือโซลูชันส์ที่เข้ามาช่วยแก้ Painpoint ดังกล่าว เช่น การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีใหม่ๆ เพื่อนำเสนอผลิตภัณฑ์หรือบริการที่สามารถตรวจจับรูปแบบการนอน และให้ประโยชน์ด้านสุขภาพอื่นๆ ได้
แต่ถึงแม้ว่าจะมีคนไทยจำนวนมากขึ้นที่ประสบปัญหาสุขภาพจิต แต่การเข้าถึงบริการและข้อมูลด้านสุขภาพจิตยังไม่ดีมากนัก โดย 3 ใน 4 หรือ 76% มองว่า ควรจะมีการพูดคุยเรื่องสุขภาพจิตในพื้นที่สาธารณะให้มากขึ้นกว่าเดิม
“ผู้บริโภคมีความคาดหวังสูงขึ้นจากแบรนด์ ในการมีความเข้าใจเรื่องปัญหาสุขภาพจิต และมองว่าแบรนด์จำเป็นต้องแสดงออกถึงความเห็นอกเห็นใจ และเข้าใจมิติทางด้านจิตใจของผู้บริโภคอย่างแท้จริง ประกอบกับความสำคัญของโซเชียลมีเดียที่เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ผู้บริโภคส่วนใหญ่กว่า 3 ใน 4 จึงมองว่า ช่องทางดังกล่าวเป็นช่องทางที่เหมาะสมในการส่งเสริมผลิตภัณฑ์หรือบริการที่เล็งเห็นถึงคุณค่าทางด้านจิตใจ และหากแบรนด์ที่สามารถตอบโจทย์มิติเหล่านี้ได้ ก็จะเป็นแบรนด์ที่ได้ใจผู้บริโภคได้เพิ่มมากขึ้น”