มูลนิธิเอสซีจีจัด “เทศกาลนิทานในสวน” จากความอบอุ่นในครอบครัว สู่เปิดจินตนาการ เติมประสบการณ์เรียนรู้ จากมูลนิธิและสถานสงเคราะห์ต่าง ๆ
สุวิมล จิวาลักษณ์ กรรมการและผู้จัดการมูลนิธิเอสซีจี กล่าวว่า มูลนิธิเอสซีจี จัดงานเทศกาลนิทานในสวนต่อเนื่องทุกปีตั้งแต่ปี พ.ศ. 2547 โดยได้รับการตอบรับที่ดีขึ้นทุก ๆ ปี เมื่อปลายปี 2560 จึงจัดรอบพิเศษ เป็นของขวัญพิเศษส่งท้ายปีเก่า ต้อนรับปีใหม่ให้แก่เด็ก ๆ จากมูลนิธิและสถานสงเคราะห์เด็กต่าง ๆ เช่น ศูนย์สร้างโอกาสเด็กสะพานพระราม 8 บ้านเด็กอ่อนพญาไท มูลนิธิเด็กอ่อนในสลัมฯ ที่อาจจะเข้าถึงหนังสือได้ยากกว่าเด็กทั่วไป ได้มาสัมผัสบรรยากาศอบอุ่นของงานเทศกาลนิทานในสวนอย่างใกล้ชิด ไม่ว่าจะเป็นละครนิทาน มุมหนังสือภาพ มุมระบายสี มุมกิจกรรมสนุกสนาน
“เราเชื่อว่าหนังสือดี ๆ เพียงเล่มเดียวจะสามารถช่วยหล่อหลอม และสร้างเด็กที่จะเป็นอนาคตของชาติได้ มูลนิธิ จึงอยากให้พ่อแม่และสังคมได้เห็นถึงความสำคัญของหนังสือภาพว่าเป็นเครื่องมือที่ดีในการพัฒนาและเตรียมความพร้อมให้เด็ก ๆ เพื่อเติบโตไปเป็นผู้ใหญ่ที่มีคุณภาพ”
การเล่านิทานไม่ได้ให้แค่ความสนุกสนาน แต่ยังเป็นการพัฒนาเด็กบนพื้นฐานของความรักความอบอุ่นของพ่อแม่ และผู้ปกครอง อีกทั้งเป็นการเตรียมความพร้อมสำหรับลูกน้อยในวัยแรกเกิดถึงอายุ 6 ปี นับเป็นช่วงที่ดีที่สุด เพราะเซลล์สมองของเด็กๆ กำลังเจริญเติบโต ดังนั้น เพียงพ่อแม่ผู้ปกครองเล่านิทาน อ่านหนังสือกับลูกเป็นประจำแค่วันละ 10-15 นาที ก็จะสังเกตเห็นว่า เด็ก ๆ นั้นมีพัฒนาการที่ดีขึ้นรอบด้าน ทั้งทางร่างกาย สติปัญญา และอารมณ์
เปิดโลกจินตนาการให้เด็กๆ ที่ขาดความพร้อม
เชาวลิต สาดสมัย ผู้ปกครองศูนย์สร้างโอกาสเด็กพระราม 8 กล่าวว่า ตนเองทำงานดูแลเด็ก ๆ มา 10 ปีแล้ว โดยศูนย์ฯ แห่งนี้ดูแลเด็กตั้งแต่อายุ 1 ปี จนถึงอายุ 15 ปี ตลอดระยะเวลาที่ทำงานมา สิ่งที่อยากได้ คือรอยยิ้ม และเสียงหัวเราะของเด็ก ๆ รวมทั้งอยากช่วยให้เด็ก ๆ ในชุมชนมีคุณภาพชีวิตที่ดีขึ้น ศูนย์สร้างโอกาสแห่งนี้เป็นแหล่งเรียนรู้ ตลอดจนเป็นที่ทำการบ้าน ทำกิจกรรมของ เด็ก ๆ ในชุมชน
“การที่มูลนิธิเอสซีจีจัดเทศกาลนิทานในสวนครั้งนี้ ผมมองว่าเป็นแนวทางที่ดีมาก เพราะเป็นการเข้ามาเติมเต็มความรู้ และเป็นการเปิดโลกกว้างให้แก่เด็กๆ เพราะเด็กในวัยนี้กำลังมีพัฒนาการ กำลังเรียนรู้และมองหาสิ่งใหม่ๆ ซึ่งมูลนิธิได้ให้โอกาสเด็กที่ขาดความพร้อมในบางประการ และเข้าถึงการอ่านหนังสือได้ยาก ได้มามีส่วนร่วมกับกิจกรรมที่แสนพิเศษนี้ ทำให้พวกเขาได้เปิดโลกจินตนาการ สัมผัสประสบการณ์แปลกใหม่ และผมเชื่อว่าหนังสือภาพ เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้ง่าย ประหยัด และทรงพลังที่จะช่วยปลูกฝังให้เด็กไทยรักการอ่าน ซึ่งจะเป็นภูมิคุ้มกันอย่างดีไม่ให้เด็กติดเกม ติดเพื่อน หรือลุ่มหลงไปกับสิ่งยั่วยุต่าง ๆ”
เชาวลิต ย้ำว่า อยากให้มีหน่วยงานอย่างมูลนิธิเอสซีจีที่เห็นความสำคัญของพัฒนาการเด็กเห็นความสำคัญของการพัฒนาคน เข้ามาทำกิจกรรมแบบนี้เพิ่มมากขึ้น เพื่อจะช่วยหล่อหลอมให้พวกเขาเติบโตเป็นผู้ใหญ่ที่ดีในวันข้างหน้า
ทำไมต้องเป็นหนังสือภาพ
หนังสือภาพ เป็นเครื่องมือหนึ่งที่ใช้ง่าย ประหยัดและทรงพลังที่สุด จะช่วยปลูกฝังให้เด็กๆ รักการอ่าน เพียงพ่อแม่ ผู้ปกครองอ่านหนังสือภาพให้ลูกน้อยฟังวันละ 10-15 นาที จะช่วยให้ใช้เวลาพิเศษร่วมกัน น้ำเสียงจากการเล่านิทาน และการกอดรัดที่อบอุ่น จะช่วยให้เด็กน้อยจดจำ เรียนรู้สำเนียง ภาษา ข้อคิด คุณธรรม จริยธรรมตั้งแต่พวกเขายังเล็กๆ เป็นช่วงคุณภาพครอบครัว
ขณะที่ลูกน้อยกวาดตามองาพพจากหนังสือภาพนั้นจะะทำให้พพวกเขาจดจ้อง เกิดจินตนาการความคิดสร้างสรรค์และมีสมาธิที่ยาวนานขึ้น นับเป็นความทรงจำที่งดงามตั้งแต่วัยเด็กสร้างนิสัยในการอ่านหนังสือ เสริมสร้างวัฒนธรรมการเลี้ยงลูด้วยหนนังสือให้เกิดในสังคมไทยด้วย
‘ป้ากุล’ รองศาสตราจารย์กุลวรา ชูพงศ์ไพโรจน์ นักเล่านิทาน นักแต่ง และนักแปลนิทานชั้นแนวหน้าของเมืองไทย ผู้คร่ำหวอดในแวดวงหนังสือภาพ หนังสือนิทานสำหรับเด็กกว่า 30 ปีกล่าวถึงกิจกรรมหลังจากเล่านิทานให้เด็กๆทั้ง8 แห่งว่า
“เทศกาลนิทานในสวนที่มูลนิธิเอสซีจีได้จัดขึ้นนั้น เป็นกิจกรรมที่ดี สร้างสรรค์ และเล็งเห็นความสำคัญของการอ่านหนังสือนิทานที่เกิดขึ้นกับเด็ก ๆ เชื่อว่าแม้สื่อยุคดิจิทัลจะเข้ามาทำให้โลกเปลี่ยนแปลง แต่หนังสือนิทาน ก็ยังมีความสำคัญในการช่วยอบรม บ่มเพาะให้เด็ก ๆ เป็นคนดี และช่วยพัฒนาทักษะรอบด้านทั้งการฟัง พูด อ่าน และเขียน ดังนั้นพ่อแม่ควรปลูกฝังให้ลูกรักการอ่าน เพื่อให้พวกเขาเติบโตเป็นคนดีของสังคมในอนาคต”
หนังสือภาพสำหรับเด็ก โดยมูลนิธิเอสซีจี ปี 2560 มี 5 เรื่องคือ กอด, สีฟ้าเล็กเล็ก กับสีเหลืองเล็กเล็ก , ทำไม คุณเงาใจดี ,เป็นหนังสือสำหรับเด็กผู้บกพร่องทางการมองเห็น และ บันดาลใจ
ทั้งนี้ เทศกาลนิทานในสวน ปีที่ 13 โดยมูลนิธิเอสซีจี จะเปิดโอกาสให้เด็ก ๆ เข้าไปในโลกจินตนาการกับหนังสือภาพและกิจกรรมดี ๆ อีกครั้ง ในวันเสาร์ที่ 6 และเสาร์ที่ 13 มกราคม 2561 ณ สวนหลวง ร.9 (บริเวณลานจามจุรี) สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่มูลนิธิเอสซีจี โทร 02-586-2547 เว็บไซต์ www.scgfoundation.org หรือ Facebook :http://www.facebook.com/SCGFoundation.ECD