ก่อนหน้านี้ทางการญี่ปุ่น เคยประกาศแผนที่จะตั้งเป้าให้การจำหน่ายรถยนต์ใหม่ในประเทศ เปลี่ยนจากการขายรถยนต์ที่ขับเคลื่อนด้วยน้ำมัน มาสู่การใช้เชื้อเพลิงทางเลือกต่างๆ เช่น รถยนต์ไฟฟ้า และไฮบริด ภายในกลางทศวรรษที่ 2030 แต่ปัญหาสำคัญที่พบก็คือ การมีจุดชาร์จไฟฟ้าที่ไม่เพียงพอ
ทำให้ผู้บริโภคบางราย ที่แม้อยากจะซื้อรถ EV แต่สุดท้ายก็ตัดสินใจยังไม่ซื้อ เนื่องจากที่จอดรถ ของอาคารที่พักอยู่ ไม่มีที่ชาร์จ ทำให้ไม่สะดวกที่จะใช้รถ EV ซึ่งปัญหานี้ถือเป็นหนึ่งในเหตุผลที่ภาครัฐในญี่ปุ่นเข้ามามีบทบาทในการให้เงินช่วยเหลือการติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้า เพื่อผลักดันให้มีการใช้รถยนต์ EV ในวงกว้างมากขึ้น
ขณะที่มาตรการล่าสุด สำหรับการส่งเสริมให้มีการใช้รถยนต์ไฟฟ้า (EV) เพิ่มมากขึ้น ทางการกรุงโตเกียวกำลังพิจารณาที่จะให้อาคาร และบ้านพักอาศัยสร้างใหม่ “ต้อง” มีอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าสำหรับรถยนต์ไฟฟ้าด้วย เนื่องจากกรุงโตเกียวกำลังพยายามผลักดันให้มีการใช้รถยนต์ที่ไม่ปล่อยก๊าซคาร์บอนไดออกไซด์ เพิ่มมากขึ้น เพื่อให้บรรลุเป้าหมายที่จะลด ปริมาณการปล่อยก๊าซเรือนกระจกลงครึ่งหนึ่งจากปี 2543 ภายในปี 2573 ตามนโยบาย Carbon Half
ความเคลื่อนไหวของทางการกรุงโตเกียวครั้งนี้ คาดว่า อาคารสำนักงาน แมนชันที่อยู่อาศัยต่างๆ ที่กำลังจะสร้างใหม่จะต้องติดตั้งอุปกรณ์สำหรับชาร์จไฟฟ้าดังกล่าว ตามจำนวนที่สอดคล้องกับขนาดของที่จอดรถด้วย สำหรับบ้านพักอาศัย หากมีการสร้างที่จอดรถ บริษัทผู้สร้างบ้านพักอาศัยก็จำเป็นจะต้องติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าด้วยเช่นกัน โดยหลังจากนี้ จะมีการประชุมหารือของผู้เชี่ยวชาญถึงการร่างรายละเอียดแผนงานที่ชัดเจนขึ้น และการแก้ไข ระเบียบข้อบังคับต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
ขณะเดียวกัน ทางการกรุงโตเกียวก็ยังสนับสนุนการติดตั้งอุปกรณ์ชาร์จไฟฟ้าใน อาคารที่อยู่อาศัยจำพวกแมนชัน หรือคอนโดมิเนียมที่มีอยู่ใน ปัจจุบันด้วยการตั้งระบบเงินช่วยเหลือจากภาครัฐ หากอาคาร นั้นๆ จะมีการติดตั้งอุปกรณ์อีกด้วย ทั้งนี้ในปีงบประมาณนี้ เป็นต้นไป ก็จะขยายขอบเขตไปยังบ้านที่อยู่อาศัยด้วย โดยจะให้เงินสนับสนุนสำหรับการติดตั้งอุปกรณ์ 25,000 เยน (ประมาณ 6,600 บาท)
ข้อมูล : กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ