Top StoriesTrending

กลยุทธ์ ‘เอปสัน’ ขับเคลื่อนอีโคซิสเต็ม ‘การพิมพ์ยั่งยืน’ พร้อมวาง 4 กลยุทธ์เติบโตต่อเนื่อง 6% รักษาผู้นำตลาดพรินเตอร์

เอปสันประกาศยุทธศาสตร์รุกตลาด เสริมแกร่งทุกมิติ​ รักษาการเติบโตต่อเนื่อง พร้อมขับเคลื่อนนโยบาย 'ยั่งยืน' เพิ่มคุณค่าแบรนด์สร้างระบบนิเวศการพิมพ์ยั่งยืน

ยังคงสามารถรักษาตำแหน่งผู้นำตลาดไว้ได้อย่างแข็งแกร่ง สำหรับ เอปสัน (ประเทศไทย)​ โดยเฉพาะในตลาด​เครื่องพิมพ์อิงค์แท็งค์ที่คิดเป็นตลาดใหญ่ที่สุดของตลาดเครื่องพิมพ์ในประเทศไทย ด้วยสัดส่วนถึงกว่า 80% ของตลาด โดยมีเอปสัน (Epson) เป็นผู้นำในตลาดที่มีส่วนแบ่งถึง 43%

รวมทั้งในตลาดโปรเจคเตอร์ ที่เอปสันได้แชร์ไปมากกว่าครึ่งของตลาดที่ 52% รวมทั้งในกลุ่มเครื่องพิมพ์เชิงพาณิชย์และอุตสาหกรรม ในกลุ่ม Photo Proof ที่ครองส่วนแบ่งอันดับหนึ่งที่ 32% เช่นเดียวกับกลุ่มเครื่องพิมพ์ป้ายและเครื่องพิมพ์สิ่งทอที่ครองส่วนแบ่งตลาด 30% เท่ากัน​

ขณะที่เป้าหมายการเติบโตในปีนี้ เอปสันตั้งเป้ารักษาการเติบโตไว้ได้อย่างต่อเนื่องที่ 6% เพิ่มขึ้นจากปีที่ผ่านมาที่สามารถเติบโตได้ 5% สวนทางกับภาพรวมตลาดที่ไม่มีการเติบโต พร้อมทั้งการรักษาความเป็นผู้นำในทุกตลาดที่ทำตลาดอยู่ ด้วยความแข็งแกร่งด้านความสามารถในการปรับตัว (Adaptability) และการ​ก้าวนำตลาดได้อย่างต่อเนื่อง (Stay Ahead)

วาง  4 กลยุทธ์ รักษา Growth ต่อเนื่อง และโตได้สวนทางตลาด

คุณยรรยง มุนีมงคลทร ผู้อำนวยการบริหาร บริษัท เอปสัน (ประเทศไทย)​ จำกัด ประเมินการทิศทางการทำตลาดในประเทศไทย​ปี 2568 นี้ มี 5 ปัจจัย ที่ธุรกิจต้องให้ความสำคัญและติดตามอย่างใกล้ชิด เพื่อรับมือต่อความเสี่ยงพร้อมทั้งหาโอกาสจากผลกระทบที่เกิดขึ้น ไม่ว่าจะเป็นประเด็นด้าน  Digital Transformation โดยเฉพาะในองค์กรภาครัฐ ซึ่งจะเข้ามากระตุ้นความต้องการโซลูชันการพิมพ์และโปรเจคเตอร์ที่มีประสิทธิภาพสูง รวมทั้งการขยายตัวของธุรกิจเอสเอ็มอีและสตาร์ทอัพ ทำให้ผู้ประกอบการเริ่มมองหาโซลูชันการพิมพ์ที่คุ้มค่าและประหยัดต้นทุนมากขึ้น

ตามมาด้วย การขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทางของความยั่งยืน หรือ ESG และจะส่งผลต่อแลนด์สเคปของธุรกิจปรับตัวสู่การพิมพ์ที่ยั่งยืนมากขึ้น และความต้องการ Green Technology ที่เพิ่มมากขึ้น ขณะที่การขยายตัว E-Commerce ส่งผลให้พฤติกรรมของผู้บริโภคหันมาซื้อผ่านช่องทางที่สะดวกมากขึ้น ทำให้อาจจะเกิด การปรับค่าธรรมเนียมในแพลตฟอร์มออนไลน์ เพิ่มขึ้นเช่นกัน และสุดท้ายยังมีประเด็นเศรษฐกิจโลกที่ต้องจับตา โดยเฉพาะ นโยบาย Trump 2.0 ที่ต้องจับตาการใช้มาตรการต่างๆ เพิ่มเติมในอนาคต ที่จะส่งผลต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจไทย รวมทั้งการปรับเพิ่มขึ้นของต้นทุนการค้าระหว่างประเทศ จนกระทบต่อการลงทุนและอาจเกิดการย้ายฐานการผลิตของธุรกิจข้ามชาติได้

“เอปสันกลยุทธ์สำหรับขับเคลื่อนการเติบโตได้ตามเป้าหมายในปีนี้ ผ่าน 4 แนวทาง เพื่อพัฒนาทั้งโปรดักต์ให้มีนวัตกรรมที่ตอบโจทย์ความต้องการลูกค้าได้ (Innovation Offering)  การเพิ่มความคล่องตัวในการบริหารจัดการช่องทางขาย (Agility in Channel) การดูแลประสบการณ์ลูกค้าเพื่อเพิ่มความพึงพอใจให้มากขึ้น (Enhanced Customer Service) และการสร้างมูลค่าเพิ่มให้ผลิตภัณฑ์หรือบริการ (Value Creation ) เพื่อรักษาทั้งความเป็นผู้นำในตลาดและสามารถเติบโตได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ โดยเฉพาะการเป็นผู้นำในทุกตลาดที่เอปสันทำตลาด ซึ่งปีนี้มีเป้าหมายในการเป็น Laser Killers เพื่อเข้ามาดิสรัปตลาดเครื่องพิมพ์เลเซอร์ให้ตอบเทรนด์ตลาดและพฤติกรรมผู้บริโภค และสามารถขึ้นเป็นผู้นำในตลาดได้เช่นเดียวกับที่เคยทำสำเร็จมาแล้วในตลาดอิงค์เจ็ท” 

สำหรับรายละเอียดทั้ง 4 กลยุทธ์ ที่เอปสันจะขับเคลื่อนในปีนี้ ประกอบด้วย

1. Innovation Offering  : เพื่อ​สร้าง S-Curve ใหม่ให้​ผลิตภัณฑ์อย่างต่อเนื่อง สู่​การเติบโตที่ยั่งยืน โดยมีแนวทางการดำเนินงาน 4 ด้าน (SEED) ได้แก่  Secure คือการรักษาคุณภาพ ความน่าเชื่อถือ และคุณค่าของผลิตภัณฑ์ Ensure คือการรักษาระดับราคาทั้งของตัวผลิตภัณฑ์และหมึกพิมพ์ให้สามารถทำตลาดได้ในราคาที่ดียิ่งขึ้น โดยเฉพาะในตลาดที่มีความอ่อนไหวต่อราคา Expand คือ การขยายไลน์ผลิตภัณฑ์ โอกาสทางธุรกิจ และโซลูชันใหม่ๆ และ Defend คือการปรับตัวอย่างรวดเร็วเพื่อตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาด รับมือกับการแข่งขัน และใช้จุดแข็งด้านเทคโนโลยีเพื่อรักษาความเป็นผู้นำในตลาดอย่างมั่นคง

2. Agility in Channel : มุ่งพัฒนาช่องทางการขาย เพื่อรองรับทั้งตลาด B2C ผ่านการทำงานร่วมกับตัวแทนจำหน่าย เพื่อเจาะตลาดเมืองรอง พร้อมขยายช่องทางอีคอมเมิร์ซ ผ่านแพลตฟอร์มหลัก และแพลทฟอร์มของพันธมิตร ส่วนตลาด B2B จะมุ่ง​ยกระดับความสัมพันธ์กับผู้ค้ารายใหญ่ พร้อมเพิ่มโซลูชันด้าน MPS หรือโซลูชั่นในการจัดการดูแลเครื่องพิมพ์และเครื่องถ่ายเอกสารอย่างครบวงจร และการขายโซลูชันแบบรวมเครื่องพิมพ์หลากรุ่น หรือ Mix Fleet Solution ไปจนถึงการพัฒนาการมีส่วนร่วมโดยตรงกับผู้ใช้งานในภาคการศึกษา การแพทย์ การผลิต และหน่วยงานรัฐ ทั้งนี้ เอปสันยังให้ความสำคัญกับการนำเสนอคุณค่าแก่ลูกค้า (Value Proposition) ในด้านความคุ้มค่า คุณภาพ ความทนทาน และความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ตลอดจนเสริมสร้างภาพลักษณ์ผ่านการทำการตลาดคอนเทนท์และกับ KOL

3. Enhanced Customer Service : เร่งพัฒนาศักยภาพการให้บริการด้วยระบบสนับสนุนที่ทันสมัย  ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาระบบช่วยติดตาม และตรวจสอบการทำงานของทีมขายและฝ่ายบริการลูกค้าแบบเรียลไทม์ รวมทั้งการให้บริการได้จากระยะไกลผ่านวิดีโอแบบเรียลไทม์ หรือพัฒนาระบบ AI-driven Chatbots เพื่อสามารถให้บริการ​อัตโนมัติได้​ 24 ชั่วโมง พร้อมให้ความสำคัญด้านการเทรนนิ่งเพื่อยกระดับ​ประสบการณ์การใช้งานและความมั่นใจให้​ลูกค้า ขณะเดียวกันยังเสริมเครือข่ายการบริการแบบ On-site Service ครอบคลุมทั่วประเทศ โดยมีศูนย์บริการที่ได้รับอนุญาตจากเอปสันทั้งสิ้น 174 แห่งในทุกภูมิภาค เพื่อบริการลูกค้าได้ครอบคลุมทั่วทั้งประเทศ และโปรแกรมขยายระยะเวลารับประกันสินค้า ที่ลูกค้าสามารถซื้อได้จากหลายช่องทางมากขึ้น โดยเฉพาะลูกค้ากลุ่ม B2B ที่เพิ่มระยะเวลาในการจัดหาอะไหล่จาก 5 ปี เป็น 7 ปี

4. Value Creation : ตอกย้ำ​วิสัยทัศน์​ผู้นำด้าน ESG (Environment, Social, Governance) และความยั่งยืน ที่ไม่เพียงการสร้างความน่าเชื่อถือและภาพลักษณ์เชิงบวกให้กับแบรนด์และธุรกิจ แต่ยังขยาย Green Supply Chain ผ่านอีโคซิสเต็มของธุรกิจที่อยู่ภายในห่วงโซ่ รวมทั้งการเข้าถึงกลุ่มลูกค้า Green Consumers เพื่อขยายเครือข่ายธุรกิจที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมควบคู่ไปกับการสร้างความสัมพันธ์ที่ดีและความแข็งแกร่งให้ขุมชนและสังคมไทย ทั้งการพัฒนานวัตกรรม​ Eco-friendly ไม่ว่าจะเป็น หัวพิมพ์เทคโนโลยี Heat-Free , เครื่องพิมพ์อีโคแทงค์, การรีไซเคิลกระดาษ และพัฒนาคุณภาพเลเซอร์โปรเจ็คเตอร์ให้ใช้งานได้นานขึ้น ทั้งเพื่อประสิทธิภาพในการใช้พลังงาน รวมทั้งลดโอกาสในการเกิดขยะให้น้อยลงได้อีกทางหนึ่ง รวมไปถึงการขับเคลื่อนกิจกรรมที่สร้าง Positive Impact ต่างๆ

ขับเคลื่อนอีโคซิสเต็ม ‘การพิมพ์ยั่งยืน’

เอปสันยังมีเป้าหมายสำคัญในการมุ่ง​ขับเคลื่อนอีโคซิสเต็ม Sustainable Printing หรือ ‘การพิมพ์ยั่งยืน’ โดยวางกรอบ ESG เป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญในการทำธุรกิจ  โดยมีเป้าหมายสำคัญในการสร้าง  Negative Carbon หรือ ‘คาร์บอนเป็นลบ‘ หมายถึง การทำให้ทั้งห่วงโซ่ธุรกิจลดการปล่อยคาร์บอนได้มากกว่าคาร์บอนฟุตพรินท์ทั้งหมดที่เกิดขึ้นภายในวงจรของธุรกิจ  ภายในปี 2050  โดยภายในสิ้นปี  2025 นี้ วางเป้าหมายขับเคลื่อนให้เกิด Zero Emission หรือการปลดปล่อยคาร์บอนเป็นศูนย์ หรือการก้าวสู่ธุรกิจที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอนได้ก่อนในเบื้องต้น

สำหรับเป้าหมายภาพใหญ่ที่วางไว้จะเป็นการขับเคลื่อนภาพรวมท้ังโลก ซึ่งมีการวาง Action Plan ที่สอดคล้องกับกรอบ SDGs ที่วาง​แนวทางไว้ทั้ง 17 ข้อ ขณะที่ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งประเทศไทยอยู่ในกลุ่มนี้ และมีสิงค์โปร์เป็นศูนย์กลางของภูมิภาค ได้ปรับแนวทางขับเคลื่อนให้สอดคล้องกับภารกิจและวิสัยทัศน์ในฐานะผู้ทำตลาดและผู้แทนจำหน่าย ผ่าน 5 ข้อสำคัญ คือ

SDG 8 : เพื่อการสร้างงานที่มีคุณค่าและเศรษฐกิจที่เติบโต ,  SDG 9 : เพื่อการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานของประเทศ , SDG 12 : การผลิตและบริโภคอย่างรับผิดชอบ , SDG 13 :  การรับมือกับปัญหาสภาพอากาศเปลี่ยนแปลง หรือ Climate Change และ SDG 17 :  การสร้างความร่วมมือ​ระหว่างพันธมิตร​

“สิ่งที่เอปสัน​ได้ดำเนินการแล้ว เพื่อขับเคลื่อนนโยบายด้านความยั่งยืน ทั้งการนำเสนอนวัตกรรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม เช่น หัวพิมพ์เทคโนโลยี Heat-Free ที่มีความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากกว่า​เครื่องพิมพ์เลเซอร์ ทั้งการใช้พลังงานน้อยกว่า และลด Carbon Emission ลงได้มากกว่ 85% รวมทั้งยังมีการใช้ชิ้นส่วนในการประกอบน้อยลงกว่า 59% ทำให้ลดการใช้ทรัพยากร และลดโอกาสในการเกิดขยะได้มากกว่า หรือการใช้กระดาษ​รีไซเคิลสำหรับบรรจุภัณฑ์ต่างๆ แล้วทั้ง 100%  รวมทั้งการยุติการนำพลังงานฟอสซิลมาใช้ในธุรกิจ โดยสามารถใช้ Renewable หรือพลังงานหมุนเวียน​ ทั้งจากพลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานน้ำ พลังงานลม มาใช้ทดแทนได้แล้วท้ัง 100%”

ขณะที่เอปสัน ประเทศไทย ได้ขับเคลื่อนในทิศทางที่สอดคล้องกับทาง Global และ Regional ทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม รวมทั้งชุมชนและสังคม​อย่างต่อเนื่อง โดยได้เริ่มแนวทาง Decarbonization ด้วยการเริ่มเก็บรวบรวมข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์การใช้พลังงาน การสร้างขยะแต่ละประเภทภายในองค์กร ไปจนถึงการสร้างคาร์บอนฟุตพรินท์รายบุคคลของพนักงาน เพื่อนำไปใช้คำนวณการลดคาร์บอนฟุตพรินท์  และวางแผนสู่การเป็น Negative Carbon ตามเป้าหมายที่วางไว้ในภาพรวม

นอกจากนี้ จะมุ่งสร้างความเชื่อมั่นและสื่อสารคุณค่าของความยั่งยืน พร้อมส่งเสริมแนวทางการอนุรักษ์พลังงานและความรับผิดชอบต่อสิ่งแวดล้อม รวมถึงสนับสนุนเศรษฐกิจหมุนเวียน ผ่านโครงการ EcoWaste การใช้วัสดุรีไซเคิล และการลดการปล่อยก๊าซคาร์บอนฯ ขณะเดียวกันก็ยังเดินหน้าสร้างความร่วมมือผ่านการจับมือกับ WWF เพื่อขับเคลื่อนความยั่งยืนอย่างเป็นรูปธรรม