Top StoriesTrending

บ้านปู ​เร่งลงทุน 500 ล้านเหรียญสหรัฐ ​เปลี่ยนผ่านสู่พลังงานสะอาด ตั้งเป้าลดพอร์ตถ่านหินต่ำกว่า 50% ภายในปี 2030

บ้านปู เร่งลงทุนเพิ่มปีนี้ 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มโอกาสจากการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงาน ดันกำไรเติบโต 1.5 เท่า ประกาศหยุดลงทุนพอร์ตถ่านหิน พร้อมปรับพอร์ต Non coal เพิ่มขึ้น​กว่า 50% ภายในปี 2030

บ้านปู เล็งลงทุนเพิ่มในปี 2568 ที่ราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐ จากงบลงทุน​ทั้งหมดของแผน 5 ปี ที่ตั้งไว้กว่า 3 พันล้านเหรียญสหรัฐ ​ เพื่อผลักดันกำไรจากพอร์ตธุรกิจพลังงานที่หลากหลายได้เพิ่มขึ้นกว่า 1.5 เท่า พร้อมเพิ่มสัดส่วนกลุ่มธุรกิจพลังงานแห่งอนาคต และลดสัดส่วน​จากธุรกิจถ่านหินให้เหลือต่ำกว่า 50%

คุณสินนท์ ว่องกุศลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท บ้านปู จำกัด (มหาชน) กล่าวถึงทิศทางการเติบโตของบ้านปูในอนาคต ตามกลยุทธ์  ‘Energy Symphonics in Action’  เพื่อมุ่งเน้นสร้างการเติบโตที่แข็งแกร่งให้ธุรกิจ โดยเฉพาะการลดต้นทุนการดำเนินงาน รวมทั้งเน้นลงทุนเพื่อเพิ่มโอกาสเติบโตในธุรกิจพลังงาน  รวมทั้งสามารถช่วยสร้างกระแสเงินสดเข้ามาเสริมความแข็งแกร่งให้ธุรกิจได้อย่าง​ยั่งยืน โดยเฉพาะในกลุ่มพลังงานสะอาด เพื่อรองรับนโยบายการเปลี่ยนผ่านด้านพลังงานตามเทรนด์โลก รวมทั้งช่วยบรรลุแผนด้านการลดคาร์บอนในการดำเนินธุรกิจ ได้  20% ภายในปี 2030  พร้อมบรรลุ Net Zero ในปี 2050

“บ้านปูวาง 4 แนวทางในการขับเคลื่อนธุรกิจ​​ ตามกลยุทธ์ Energy Symphonics ประกอบด้วย 1. Operation & Cost Excellence : การดำเนินงานและบริหารต้นทุนอย่างมีประสิทธิภาพ ที่ช่วยเพิ่มกระแสเงินสดและมูลค่าของธุรกิจ เช่น การใช้เทคโนโลยีดิจิทัลและ AI และการลดต้นทุนในธุรกิจเหมือง 2. Rebalance Capital Struction:  การบริหารโครงสร้างเงินทุนอย่างมีประสิทธิภาพ พร้อมรักษาระดับหนี้และทุนให้อยู่ในระดับเหมาะสมกับการเติบโตและผลประกอบการที่ดี 3. Portfolio Optimization : การบริหารพอร์ตโฟลิโอเชิงกลยุทธ์ โดยเน้นการลงทุนในสินทรัพย์ที่ให้ผลตอบแทนที่ดีที่จะมาสร้างคุณค่าให้บริษัทฯ ในระยะยาว เช่น การสร้างการเติบโตของธุรกิจที่ครอบคลุมห่วงโซ่คุณค่าของก๊าซธรรมชาติในสหรัฐฯ และ 4. Focused Capital Allocation : การบริหารจัดสรรเงินทุนอย่างมีวินัย เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับบริษัทฯ และผลตอบแทนที่ดีให้แก่ผู้ถือหุ้น”​ 

ทั้งนี้ บ้านปู วางเป้าหมายเติบโตจากโอกาสที่เกิดขึ้น​ของการขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่าน​พลังงานสะอาด ทั้งในกลุ่มธุรกิจแก๊ส พลังงาน และเทคโนโลยีกักเก็บคาร์บอน (CCUS), กลุ่มธุรกิจพลังงานทดแทน รวมทั้งแบตเตอรี่กักเก็บพลังงาน (BESS)  ซึ่งเป็นหนึ่งปัจจัยสำคัญที่รองรับในซัพพลายเชนของกลุ่มพลังงานหมุนเวียน , กลุ่มธุรกิจเหมือง ที่เป็น Next-Gen Mining โดยเฉพาะในกลุ่มแร่สำคัญ เพื่อมาทดแทนเหมืองถ่านหินที่จะไม่มีการลงทุนเพิ่มเติมในอนาคต เช่น นิกเกิล ซึ่งเป็นแร่โลหะสำคัญต่อธุรกิจ EV ในอนาคต รวมทั้งโอกาส​จากการขับเคลื่อนสู่ธุรกิจคาร์บอนต่ำ ที่เป็นนโยบายสำคัญของธุรกิจในอนาคตนับจากนี้ ที่ต้องมีแผนลดคาร์บอน หรือ Decarbonization รวมทั้งการวางเป้าหมายสู่การเป็น Net Zero ในอนาคต

คุณสินนท์ กล่าวต่อว่า บ้านปูวางแผนลงทุนสำหรับการเติบโตตามเป้าหมายในช่วง 5-6 ปี จากนี้ ภายใต้งบ 3,000 ล้านเหรียญสหรัฐ ​โดยเป็นงบสำหรับปี 2568 ราว 500 ล้านเหรียญสหรัฐ เพื่อการลงทุนใน 3 กลุ่มธุรกิจแฟลกชิพ แบ่งเป็น 60% สำหรับ กลุ่มธุรกิจแก๊ส โรงไฟฟ้า และ CCUS , 20% ในกลุ่มพลังงานหมุนเวียน และแบตเตอรี่ รวมทั้งอีก 20% ในกลุ่มธุรกิจเหมือง ที่เป็น Next-Gen Mining  โดยจากนี้จะไม่มีการลงทุนเพิ่มเติมสำหรับกลุ่มธุรกิจถ่านหินอีกต่อไป 

ขณะเดียวกัน จะหาโอกาสเพิ่มเติมสำหรับการควบรวมธุรกิจกับพาร์ทเนอร์ในอนาคต ควบคู่​กับการบริหารความเสี่ยง และการบริหารจัดการต้นทุน พร้อมทั้งลดต้นทุนค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานในแต่ละกลุ่มธุรกิจ เพื่อปรับฐานธุรกิจให้แข็งแรงเพิ่มมากขึ้น เพื่อศักยภาพในการทำกำไร และผลประกอบการที่เติบโตเพิ่มมากขึ้นได้ตามเป้าหมายที่วางไว้

สำหรับ ผลประกอบการของบ้านปู ในปี 2567 ที่ผ่านมา  มีรายได้จากการขายรวม 5,148 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือกว่า 1.8 แสนล้านบาท  โดยเป็นกำไรเบื้องต้น (EBITDA)  ก่อนหักดอกเบี้ย ภาษี และค่าเสื่อมราคารวม 1,330 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือมากกว่า  4.6 หมื่นล้านบาท  ขณะที่ผลกำไรจากการดำเนินงานรวม 83.3 ล้านเหรียญสหรัฐ ​หรือเกือบ 3 พันล้านบาท แต่จากผลกระทบด้านอัตราแลกเปลี่ยนจากการแข็งค่าของเงินดอลลาร์สหรัฐเมื่อเทียบกับเงินบาท รวมทั้งการด้อยค่าเงินลงทุนจากการขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซ ในประเทศญี่ปุ่น ​ส่งผลให้ขาดทุนสุทธิ 23.67 ล้านเหรียญสหรัฐ หรือราว 680 ล้านบาท

นอกจากนี้  ยังมีไฮไลท์สำคัญภายในกลุ่มธุรกิจบ้านปูทั่วโลก ในปี 2567 ที่ผ่านมา อาทิ  การเสนอขายหุ้น IPO ของ BKV Corporation (BKV) ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของบ้านปูในสหรัฐฯ ในตลาดหลักทรัพย์นิวยอร์ก (NYSE) การขายสัดส่วนการลงทุนโรงไฟฟ้านาโกโซ ในประเทศญี่ปุ่น การได้รับเงินสนับสนุน (Subsidy) จากกระทรวงเศรษฐกิจ การค้า และอุตสาหกรรมของญี่ปุ่น (METI) ในการพัฒนาโครงการแบตเตอรี่ฟาร์มแห่งใหม่ 2 โครงการ ในญี่ปุ่น ได้แก่ โครงการ Aizu (ไอสึ) และโครงการ Tsuno (ซึโนะ) กำลังการผลิตรวม 208 เมกะวัตต์ชั่วโมง ที่คาดว่าจะสามารถเปิดดำเนินการเชิงพาณิชย์ได้ภายในไตรมาส 2/2571 และการพัฒนาโครงการ CCUS ของ BKV ที่ชื่อว่าโครงการ Eagle Ford (อีเกิ้ล ฟอร์ด) ซึ่งคาดว่าจะสามารถกักเก็บคาร์บอนไดออกไซด์ได้ 90,000 ตันต่อปี และคาดว่าจะเริ่มดำเนินการเชิงพาณิชย์อย่างสมบูรณ์ในไตรมาส 1/2569

“บ้านปู ยังคง Commited นโนบายขับเคลื่อนธุรกิจตามแนวทาง Decarbonization ​เนื่องจาก ธุรกิจพลังงานถือเป็นกลุ่มต้นน้ำของอุตสาหกรรมอื่นๆ  โดยยังรักษาเป้าหมายเป็น Net Zero ภายในปี 2050 รวมทั้งการลงทุนเพื่อเติบโตในฟากพลังงาน​แห่งอนาคต เพื่อ เพิ่มกำไรให้เติบโตเพิ่มขึ้นกว่า 1.5 เท่าตัว หรือเพิ่มมากกว่า 2,000 ล้านเหรียญสหรัฐ โดยกำไรที่เกิดขึ้นในอนาคตจะมาจากการเปลี่ยนผ่านในพอร์ตพลังงานให้สอดคล้องกับทิศทางของโลก ทำให้คาดว่าภายในปี 2030 กำไรในธุรกิจของบ้านปู จะมาจากกลุ่มธุรกิจถ่านหินไม่ถึง 50% คุณสินนท์ กล่าวทิ้งท้าย