Top StoriesTrending

ยูนิโคล่ เร่งแผน Zero Waste – Low Emission ลดสโคป 3 แล้ว 10% ส่วน RE.UNIQLO Studio ในไทยเติบโต 194%

เป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อนด้านความยั่​งยืน​ของยูนิโคล่ (Uniqlo)  คือการผลิตเสื้อผ้าที่สอดคล้องกับแนวคิด LifeWear ผ่านการออกแบบอย่างเรียบง่าย แต่มีคุณภาพสูง และสามารถนำไปใช้ได้ทุกโอกาส เพื่อให้กระบวนการผลิตตามแนวทาง LifeWwar นี้ มีส่วนในการช่วยสร้างสังคมที่ยั่งยืน ผ่านการขับเคลื่อนธุรกิจไปได้พร้อมกัน

และไม่ใช่เพียงแค่การบริหารจัดการภายในกระบวนการผลิตของตัวเอง สิ่งที่ยูนิโคล่กำลังมุ่งมั่นขับเคลื่อนคือ การสร้าง Zero Waste Model ให้เกิดขึ้นภายในซัพพลายเชนของธุรกิจ โดยเฉพาะการขับเคลื่อนตามแนวทาง Circularity เพื่อให้มีการหมุนเวียนในธุรกิจมากขึ้น ทั้งการลด (Reduce) การใช้ซ้ำ (Reuse) และการรีไซเคิล (Recycle) รวมทั้ง​การยกระดับความสามารถในการบริหารซัพพลายเชนทั้งหมด เพื่อสามารถ​ควบคุมขั้นตอนการผลิตทั้งหมดได้โดยตรงตั้งแต่​คุณภาพ การจัดซื้อ การผลิต สิ่งแวดล้อม ไปจนถึงสิทธิพื้นฐานของแรงงาน ตามแนวคิด LifeWear = a New Industry

คุณโยชิทาเกะ วาคากุวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ยูนิโคล่ (ประเทศไทย) กล่าวถึง​เป้าหมายและแผนการด้านความยั่งยืนของยูนิโคล่ ประเทศไทย โดยมุ่ง​ขับเคลื่อนธุรกิจตาม Business Direction 2030 ที่กำหนดโรดแม็พขับเคลื่อนเป้าหมายด้านความยั่งยืนให้ครอบคลุมทุกมิติเพิ่มมากขึ้น ​ภายใต้ 2 แกนหลักสำคัญ คือ การผลิตเสื้อผ้าที่ดีกว่าสำหรับสิ่งแวดล้อม และการผลิตเสื้อผ้าที่ดีกว่าสำหรับผู้คนและสังคม

– ผลิตเสื้อผ้าที่ดีกว่าสำหรับสิ่งแวดล้อม

ปีงบประมาณ 2023 ที่ผ่านมา ยูนิโคล่สามารถลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินงาน (สโคป 1,2) ได้แล้ว 69% และเริ่มลดจากห่วงโซ่อุปทาน (สโคป 3) ได้แล้ว 10% รวมทั้งสามารถเพิ่มสัดส่วนการใช้วัสดุรีไซเคิลได้อีก 2% ทำให้ปีที่ผ่านมาสามารถใช้วัตถุดิบที่อยู่ใน​กลุ่ม Low Emission อยู่ที่ 18.2% โดยตั้งเป้าเพิ่มขึ้นได้มากกว่า 50% ภายในปี 2030

ทั้งนี้ ยูนิโคล่ต้ังเป้าหมายขับเคลื่อนสู่ Zero Waste เพื่อ ‘ลดขยะเป็นศูนย์’ ภายในธุรกิจ ซึ่งปัจจุบันยังอยู่ในช่วงเริ่มต้นและขับเคลื่อนไปได้ราว 10-20% ตามแผน เนื่องจาก ต้องอาศัยความร่วมมือจากทุกภาคส่วน ทั้งในส่วนการผลิต การขนส่ง การควบคุมสต๊อก ทำให้ต้องเพิ่มความร่วมมือในการทำงานกับทางซัพพลายเออร์อย่างใกล้ชิด เพื่อขับเคลื่อนไปสู่เป้าหมายร่วมกัน   

“ปัจจุบันยูนิโคล่มีการผลิตเสื้อผ้าทั่วโลกราว 700 ล้านชิ้น การจะขับเคลื่อนไปสู่ Zero Waste Model จะอยู่บนแนวคิด Customer Oriented ทั้งการผลิตและออกแบบเสื้อผ้าให้ตอบโจทย์ความต้องการใช้งานของลูกค้า ผ่านการเก็บ Customer’s Voice จากทุกแพลตฟอร์ม ทั้งจากสาขาที่ลูกค้าเข้ามาใช้บริการ รวมทั้งการเสนอแนะผ่านช่องทางออนไลน์ พร้อมทั้งคาดการณ์การเติบโตของยอดขายเพื่อนำไปสู่การวางแผนในส่วนของการผลิต การขนส่ง ตามปริมาณและจำนวนที่เหมาะสม​ รวมทั้งลดการใช้พลาสติกในการขนส่ง โดยรวมบรรจุภัณฑ์เสื้อผ้าไว้ในถุงพลาสติกใบเดียว สำหรับการขนส่งจากโรงงานมายังสาขา โดยในประเทศไทยจะเริ่มใช้แนวทางนี้สำหรับคอลเลคชันฤดูร้อนและฤดูใบไม้ผลิในปี 2568 และเชื่อว่าจะสามารถลดพลาสติกลงได้ถึง 1 ใน 4 ภายในปีนี้ รวมทั้งส่งเสริมให้ลูกค้าใช้ถุงผ้าเพื่อลดการใช้ถุงกระดาษ เพื่อสามารถลดขยะเป็นศูนย์ได้ตามเป้าหมายที่วางไว้ รวมไปถึงการใช้พลังงานหมุนเวียนทั้งในร้านสาขาและที่สำนักงานใหญ่”​

– ผลิตเสื้อผ้าที่ดีสำหรับผู้คนและสังคม

เพื่อขยาย Positive Impact จากการดำเนินธุรกิจได้ครอบคลุมทั้งสิ่งแวดล้อม ผู้คนและสังคม ยูนิโคล่จึงให้ความสำคัญในการสร้างความโปร่งใสและความสามารถในการตรวจสอบย้อนกลับ  (Traceability) ได้ตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน พร้อมวางนโนบายที่คำนึงถึงสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานต่างๆ รวมทั้งการมีธรรมาภิบาล (Goog Governance) อาทิ  จัดซื้อวัตถุดิบอย่างมีจริยธรรมและรับผิดชอบ,  เร่งความก้าวหน้าด้านความหลากหลายและการมีส่วนร่วม,  ส่งเสริมโครงการกิจกรรมเพื่อสังคมทั่วโลก เป็นต้น

“การขับเคลื่อนกิจกรรมเพื่อสังคมท่ัวโลกของยูนิโคล่ ในปีงบประมาณที่ผ่านมา มีผู้ได้รับประโยชน์ทั่วโลกกว่า 34 ล้านคน มีการบริจาคสิ่งของ 4.77 ล้านชิ้น ​รวมมูลค่ากิจกรรมการบริจาค 8.2 พันล้านเยน หรือ 1.8 พันล้านบาท กิจกรรม เสื้อยืดการกุศล Peace for All มีผู้ร่วมสร้างสรรค์ลวดลายทั้งหมด 42 ท่าน มีการจำหน่ายเสื้อยืดไปทั่วโลกจำนวน 28 ล้านตัว สร้างยอดบริจาคได้ถึง 1,833 พันล้านเยน (ยอดอัปเดตล่าสุดในเดือนพฤศจิกายน 2567) รวมทั้งการริเริ่ม โครงการ “The Heart of LifeWear” ในโอกาสครบรอบ 40 ปีของยูนิโคล่ในปี 2567 โดยตั้งเป้าส่งมอบฮีทเทค (HEATTECH) และ เสื้อผ้า LifeWear อื่นๆ จำนวน 1 ล้านตัว แก่ผู้ถูกบังคับให้พลัดถิ่น เด็กๆ ที่ขาดแคลน และผู้ประสบภัยพิบัติทั่วโลก ซึ่ง ยูนิโคล่จะบริจาคเสื้อผ้าตาม​สภาพอากาศในแต่ละ​พื้นที่เป็นสำคัญ เพื่อให้เสื้อผ้าที่นำไปบริจาคสร้างประโยชน์แก่ผู้ได้รับบริจาคอย่างสูงสุด”

ภารกิจสร้างวัฒนธรรม LifeWear ในไทย 

สำหรับการขับเคลื่อนนโยบายด้านความยั่งยืนของยูนิโคล่ในประเทศไทย หลังจากเริ่มขยายการให้บริการ RE.UNIQLO Studio แห่งแรกของประเทศไทย ที่สาขาเซ็นทรัลเวิลด์ ในเดือนกันยายน 2566 เพื่อขับเคลื่อนปรัชญา LifeWear​ ผ่านการให้บริการซ่อมแซมและแปลงโฉมเสื้อผ้า รวมทั้งการเพิ่มลวดลายพิเศษเฉพาะของประเทศไทย เพื่อเป็น Gimmick มาช่วยกระตุ้นให้คนไทยใช้เสื้อผ้าได้อย่างคุ้มค่ามากขึ้น ทำให้ในปีที่ผ่านมา  มีจำนวนลูกค้าที่ซื้อเสื้อผ้ายูนิโคล่กว่า 18% ที่นำมาใช้บริการ RE.UNIQLO Studio ต่อ และมีอัตราการเติบโตที่สูงถึง 194% เมื่อเทียบจากช่วงปลายปี 2566 ที่เพิ่งเริ่มเปิดให้บริการ โดยได้ให้บริการไปแล้วรวมทั้งสิ้นมากกว่า 16,000 ออเดอร์ สะท้อนถึงการตอบรับที่ดีของลูกค้าชาวไทย และเชื่อว่าด้วยแนวคิดในการเพิ่มสีสันเพื่อเข้ามาช่วยกระตุ้นให้คนไทยหันมาซ่อมแซม หรือปรับโฉมเสื้อผ้าจะทำให้การตอบรับต่อ RE.UNIQLO Studio เติบโตขึ้นได้อย่างต่อเนื่อง

ส่วนการขับเคลื่อน โครงการ RE.UNIQLO ‘Warmth for All’ เพื่อส่งต่อเสื้อผ้ายูนิโคล่ที่ได้รับการบริจาคให้แก่ผู้ที่ขาดแคลน ​ผ่านการส่งมอบเสื้อผ้าให้ผู้ที่มีความต้องการ ภายใต้ความร่วมมือกับองค์กรพันธมิตรต่างๆ ​โดยเฉพาะ​ในพื้นที่เขตภัยหนาวทางภาคเหนือ หรือในพื้นที่ประสบภัยธรรมชาติต่างๆ ซึ่งจะมีความต้องการเสื้อผ้า รวมทั้งเสื้อกันหนาวเป็นจำนวนมาก โดยได้ตั้งจุดรับบริจาคภายใน​ทุกสาขาทั่วประเทศ รวมทั้งขยายความร่วมมือไปยังพันธมิตรทั้งภาคธุรกิจ และสถานศึกษาต่างๆ เพื่อขยายจุดรับบริจจาคและเพิ่มการรับรู้โครงการไปในวงกว้างมากขึ้น นอกจากนี้ยังได้บริจาคเสื้อฮู้ดกันยูวี เพื่อสนับสนุนภารกิจดับไฟป่า ในจังหวัดเชียงใหม่ และเชียงราย รวมทั้งการสานต่อ ​Global Campaign อย่าง โครงการ The Heart of LifeWear ด้วยการมอบฮีทเทคจำนวน 15,000 ตัว ให้แก่มูลนิธิบ้านร่มไทรและมูลนิธิกระจกเงา มูลนิธิละ 7,500 ตัว เพื่อส่งต่อความอบอุ่นให้กับผู้ประสบภัยหนาวทางภาคเหนือของไทย โดยในปี 2567 ที่ผ่านมา มีผู้ได้รับผลประโยชน์กว่า 35,000 คน จากการบริจาคเสื้อผ้ารวมท้ังสิ้น  86,802 ตัว หรือนับตั้งแต่​ปี 2558 เป็นต้นมา ยูนิโคล่ ประเทศไทย ได้บริจาคเสื้อผ้าและส่งเสริมการนำกลับมาใช้ไปแล้วรวมกว่า 3 ล้านตัว

 “ยูนิโคล่ ยังขับเคลื่อนกิจกรรม​สังคมเพื่อสนับสนุนทั้งการดูแลผู้คน สังคม รวมทั้งสิ่งแวดล้อม เช่น ริเริ่มโครงการ UNIQLO NEXT GENERATION DEVELOPMENT PROGRAM ในประเทศไทยเป็นครั้งแรก ผ่านกิจกรรมฝึกทักษะฟุตบอลเยาวชนไทย อายุ 8-10 ปี , ร่วมบริจาคเงินจากการขายถุงกระดาษในร้านยูนิโคล่ แก่มูลนิธิสถาบันราชพฤกษ์ พร้อมจัดกิจกรรมปลูกต้นไม้ที่สวนป่านิเวศอ่อนนุช ภายใต้โครงการ Let’s Grow Together ร่วมกับกรุงเทพมหานคร รวมทั้งการรณรงค์ลดใช้พลังงานภายในร้านและสำนักงานใหญ่ รวมทั้งยังได้รับรองเครดิตการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียน 100% หรือ I-REC เพื่อขับเคลื่อนการเปลี่ยนผ่านไปสู่การใช้พลังงานหมุนเวียนทั้ง 100%”

​ทั้งนี้ ยูนิโคล่ ประเทศไทย ต้ังเป้าขับเคลื่อนแผนงานและเป้าหมายด้านความยั่งยืนในประเทศไทย สำหรับปี 2568 ผ่านแนวทางต่างๆ อย่างต่อเนื่อง โดยภายใน RE.UNIQLO Studio จะมุ่งเน้นส่งเสริมการใช้ไอเทม LifeWear ให้ยาวนานและยั่งยืนขึ้นผ่านบริการที่มีอยู่​ภายในร้าน รวมทั้งการเพิ่มสีสันผ่านลวดลายปักใหม่ๆ หรือลายในช่วงเทศกาล เช่น สงกรานต์, Pride Month หรือคริสต์มาส รวมทั้งลวดลายคลาสิกแบบญี่ปุ่นดั้งเดิมอย่าง​ Sashiko (ซาชิโกะ) เป็นต้น ขณะเดียวกันยังเดินหน้ารับบริจาคเสื้อผ้าต่อเนื่องผ่านโครงการ RE.UNIQLO Warmth for All ที่ปีนี้ตั้งเป้ารับบริจาค 160,000 ตัว หรือเพิ่มขึ้น 30% จากยอดบริจาคปีที่ผ่านมา, ส่งเสริมการจ้างงานคนพิการเพิ่มมากขึ้นจาก 28 คน เป็น 33 คน , สนับสนุนเยาวชนไทยกว่า 150 คน ผ่านการเล่นกีฬาในโครงการ UNIQLO NEXT GENERATION DEVELOPMENT PROGRAM รวมทั้งเดินหน้าร่วมมือกับพันธมิตรเพื่อผลักดันความยั่งยืนต่างๆ ภายในประเทศไทยอย่างต่อเนื่อง​