Top StoriesTrending

ศุภาลัย ขับเคลื่อนสู่​ Multi-National Company ​เร่งเครื่องต่างประเทศโต 100% ​วางกลยุทธ์ Supalai Future Proof ลงทุน 46,000 ล้านบาท ท้าชนปัจจัยลบดันยอดขายทะลุ 32,000 ล้านบาท 

แม้ภาพรวมปี 2024 ที่ผ่านมา ตลาดอสังหาริมทรัพย์ ยังเผชิญกับหลายปัจจัยลบ ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวของสภาพเศรษฐกิจ อัตราดอกเบี้ยและภาระหนี้ครัวเรือนระดับสูง ส่งผลต่อความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อของสถาบันการเงินที่เพิ่มมากขึ้น และกระทบมาถึงกำลังซื้อรวมทั้งความเชื่อมั่นของผู้บริโภค

แต่ท่ามกลางความท้าทายเหล่านี้ ศุภาลัยยังรักษาการเติบโตได้ต่อเนื่อง ด้วยยอดขาย​ 9 เดือน เกือบ 30,000  ล้านบาท และยังมีกำไรสุทธิ 4,201 ล้านบาท ​สูงที่สุดในอุตสาหกรรมอสังหาริมทรัพย์ระดับประเทศ แสดงถึงความมั่นคงและศักยภาพในการดำเนินธุรกิจระยะยาวทั้งในประเทศไทยและต่างประเทศ โดยเฉพาะพอร์ตต่างประเทศที่เติบโตขึ้นถึง 49% สามารถขยายโครงการในออสเตรเลียได้แล้ว 24 โครงการ ทำให้มีสัดส่วน 10% จากยอดขายรวม ซึ่งคาดว่าจะสามารถเติบโตต่อเนื่องได้เพิ่มขึ้นเท่าตัวในปี 2025 นี้

จากบริษัทระดับชาติ สู่บริษัทข้ามชาติ

ปัจจุบันศุภาลัย​​มีโครงการในประเทศ ครอบคลุมทั้งแนวราบและแนวสูงมากกว่า 200 โครงการ ใน 30 จังหวัดทั่วประเทศ ซึ่งถือเป็นบริษัทผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ที่มีจำนวนโครงการครอบคลุมทั่วทั้งประเทศมากที่สุด และการขยายโครงการไปในหลากหลายจังหวัดเป็นหนึ่งในกลยุทธ์สำคัญที่ทำให้ศุภาลัยเติบโตได้อย่างแข็งแกร่งมาจนถึงปัจจุบัน

ดร.ประทีป ตั้งมติธรรม ประธานกรรมการบริหาร บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวว่า ศุภาลัยเริ่มขยายโครงการไปในพื้นที่ต่างจังหวัดทั่วประเทศมากว่า 15 ปีแล้ว โดยเฉพาะพื้นที่ศักยภาพในเมืองท่องเที่ยวและเมืองรอง เพื่อขยายโอกาสเติบโตจากดีมานด์และกำลังซื้อใหม่ รวมทั้งช่วยกระจายความเสี่ยงให้ธุรกิจ ซึ่งปีนี้จะเดินหน้าขยายโครงการเข้าไปในจังหวัดใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้งสุพรรณบุรี ลพบุรี รวมทั้งเกาะสมุย ซึ่งถือเป็นพื้นที่เศรษฐกิจของภาคใต้ รวมทั้ง​ในพื้นที่ศักยภาพที่มีการลงทุนอยู่ก่อนหน้า โดยเตรียมงบสำหรับ​การจัดซื้อที่ดินไว้ราว 8,000 ล้านบาท

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญของศุภาลัยในปีนี้ คือ การขยับจากการเป็น National Company หรือบริษัทระดับชาติ สู่การเป็นบริษัทข้ามชาติ หรือ Multi-National Company เพื่อขยายศักยภาพการเติบโตทุกมิติ ตอกย้ำ​ความแข็งแรงทั้งภายในประเทศและต่อยอดการเติบโตในต่างประเทศ ซึ่งปัจจุบัน​มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนาทั้งในประเทศและต่างประเทศรวมกันเกือบ 300 โครงการ โดยเฉพาะต่างประเทศที่เริ่มขยายตัวต่อเนื่องถึง​ปัจจุบันรวม 24 โครงการ มูลค่าโครงการรวมกว่า 185,500 ล้านบาท ภายใต้เงินลงทุนของศุภาลัยที่ราว 22,300 ล้านบาท โดยคาดว่าจะเพิ่มเม็ดเงินลงทุนในปีนี้มากกว่าเท่าตัว ส่งผลให้ยอดขายจากต่างประเทศจะเติบโต​เพิ่มขึ้น​ถึง 100% ซึ่งเหตุผลในการขยายธุรกิจไปในต่างประเทศก็เช่นเดียวกับการขยายธุรกิจไปต่างจังหวัด ทั้งการขยายตลาดและกลุ่มเป้าหมาย​ รวมทั้งการกระจายความเสี่ยงทั้งจากมิติด้านเศรษฐกิจ การเมือง รวมไปถึงกลุ่มผู้บริโภคที่แตกต่างกันเพื่อสร้างให้มีโอกาสที่หลากหลายได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น​”

ทั้งนี้​ ​ปี 2024 ที่ผ่านมา ภาพรวมตลาดอสังหาฯ และเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศอยู่ในภาวะชะลอตัว แต่ศุภาลัยสามารถเติบโตสวนกระแสได้ ด้วยความแข็งแกร่งจากภายใน ทั้งมูลค่าทรัพย์สินโดยรวมที่มีเกือบ 1 แสนล้านบาท ขณะที่จำนวนหนี้สินต่อทุนและอัตราดอกเบี้ย​อยู่ในระดับต่ำ โดยมีอัตราส่วนหนี้สินต่อทุนเพียง 0.85 เท่า​ ทำให้​ภาระต้นทุนทางการเงินไม่สูง ประกอบการการเดินหน้าขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ทำให้ได้ประโยชน์จาก​ Economy of Scale ที่ช่วยให้ต้นทุนในการก่อสร้างต่ำกว่า จึงรักษาความสามารถในการทำกำไรได้ดี และพัฒนาโครงการที่สามารถแข่งขันได้ ให้ตอบสนองต่อดีมานด์ของกลุ่มเป้าหมายในตลาด ช่วยรักษาทั้งยอดขายและกำไรให้ยังคง​เติบโตและส่งผลให้พื้นฐานธุรกิจของศุภาลัยมีความแข็งแกร่ง สามารถเปลี่ยนความท้าทายให้กลายเป็นโอกาส เพื่อนำมาซึ่งโอกาสในการเติบโตได้อย่างต่อเนื่องในอนาคต

วางกลยุทธ์ Supalai Future Proof 2025

สำหรับการเติบโตของศุภาลัยในปี 2025 มาจากการเดินหน้าลงทุนต่อเนื่องรวม 36 โครงการ มูลค่าลงทุนรวมกว่า 46,000 ล้านบาท ทั้งแนวราบ​ 28 โครงการ และแนวสูงหรือคอนโด 8 โครงการ โดยจะ​กระจายพื้นที่ลงทุนทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และในต่างจังหวัด โดยตั้งเป้ายอดขายเพิ่มขึ้นราว 20% หรือมียอด Presales กว่า 32,000 ล้านบาท โดยสร้างยอดรับรู้รายได้ทั้งปี 30,000 ล้านบาท แม้ว่าสถานการณ์ภาพรวมยังมีหลายปัจจัยที่ต้องระมัดระวัง แต่​ความพร้อม และวิสัยทัศน์การเติบโตตามแนวทาง Supalai Future Proof 2025 จะช่วยขับเคลื่อนให้ศุภาลัยสามารถเติบโตไปข้างหน้าได้อย่างแข็งแรง

คุณไตรเตชะ ตั้งมติธรรม กรรมการผู้จัดการ บริษัท ศุภาลัย จำกัด (มหาชน) กล่าวถึง ผลการ​ดำเนินงานในปีที่ผ่านมา แม้เต็มไปด้วยความท้าทาย แต่สามารถก้าวผ่านมาได้อย่างมั่นคง จากความพร้อมทางต้นทุนทางการเงิน และความสามารถในการบริหารความเสี่ยง และจะยังคงเดินหน้าลงทุนต่อ โดยเฉพาะในกลุ่มคอนโดฯ ที่มีการลงทุนเพิ่มขึ้นมากกว่าเท่าตัวจาก 4 โครงการ เป็น 8 โครงการ เนื่องจากอยู่ในช่วงที่มีการเปิดตัวโครงการคอนโดมิเนียมใหม่น้อยลง รวมทั้งต้นทุนในการดำเนินโครงการที่เริ่มสมเหตุสมผลมากขึ้น โดยเฉพาะราคาที่ดินและวัสดุก่อสร้าง ที่เริ่มปรับตัวไปใกล้เคียงกับช่วง 5 ปีที่ผ่านมา เทียบจากช่วงหลังโควิดที่ราคาพุ่งสูงขึ้นมาก ทำให้การกลับมารุกตลาดในช่วงนี้ แม้สถานการณ์โดยรวมยังต้องเฝ้าระวังแต่ขณะเดียวกันก็เป็นโอกาสที่ดีในการขับเคลื่อนเพื่อเดินหน้าสู่การเติบโตของศุภาลัยเช่นกัน

ไม่ว่าสภาพตลาดหรือเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไร แต่ดีมานด์ในตลาดยังคงมีอยู่ ขณะที่ศุภาลัยเองก็มีความแข็งแรงที่จะลงทุนได้อย่างต่อเนื่อง เป็นการ Proof  หรือสร้างบทพิสูจน์ว่า​ ไม่ว่าตลาดจะดีหรือแย่ เราจะใช้ความแข็งแรงของเรา ส่งมอบสินค้าดีๆ ที่มีคุณภาพในราคาที่คุ้มค่า เพื่อรองรับดีมานด์ในตลาด ท่ามกลางซัพพลายที่มีจำนวนน้อย จะกลายเป็นโอกาสให้เราสามารถเพิ่มส่วนแบ่งในตลาดและเติบโตเพิ่มขึ้นได้”​

ขณะที่กลยุทธ์ในการพัฒนาผลิตภัณฑ์และการดำเนินธุรกิจของศุภาลัย วางไว้อย่างสอดคล้องกับปัจจัย โอกาส และความเสี่ยงที่ต้องเผชิญอย่างรอบด้านไม่ว่าจะเป็นการเติมซัพพลายในทำเลที่ตอบโจทย์ การตอบสนองเทรนด์ด้านสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืน การพัฒนาเมืองอัจฉริยะหรือ Smart Village รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีและ AI มาเป็นเครื่องมือในการขับเคลื่อนธุรกิจ ​โดยปีนี้จะพัฒนาสิ่งใหม่ๆ หลากหลายด้าน เพื่อปรับตัวทำการตลาดให้โดนใจลูกค้า และการเติบโตอย่างไม่หยุดยั้ง ​ประกอบด้วย

ด้านสินค้าและผลิตภัณฑ์  พัฒนาโครงการแนวราบในราคาที่เข้าถึงได้ เจาะกลุ่มตลาด 3-5 ล้านบาท มีการพัฒนาแบบบ้านใหม่ เพิ่มการลงทุนในที่ดินขนาดใหญ่ เพื่อสร้างคอมมูนิตี้แห่งการอยู่อาศัยทั้งในกรุงเทพฯ ปริมณฑล และภูมิภาค รวมถึงเลือกใช้วัสดุที่มีคุณภาพ และเพิ่มระยะเวลารับประกัน โดยโครงการคอนโดมิเนียม โครงสร้างจากเดิม 5 ปี เพิ่มเป็น 10 ปี และส่วนควบจากเดิม 2 ปี เพิ่มเป็น 3 ปี รวมทั้งโครงการแนวราบ ส่วนควบจากเดิม 1 ปี เพิ่มเป็น 3 ปี

ด้านการตลาด  มีการนำ AI และเทคโนโลยีมาปรับใช้เพื่อขับเคลื่อนกลยุทธ์ด้านการตลาด โดยการนำข้อมูลมาวิคราะห์ เพื่อมอบประสบการณ์การซื้อที่อยู่อาศัยที่ง่าย สะดวก และตอบโจทย์ลูกค้าทุกกลุ่ม

– ด้านนวัตกรรมดิจิทัล  ผสานนวัตกรรมเพื่อการอยู่อาศัยอย่างยั่งยืน ด้วยแนวคิด Smart Village เพื่อยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้อยู่อาศัย

– ด้านสิ่งแวดล้อม  มุ่งสู่ความยั่งยืนในการสร้างความร่วมมือกับคู่ค้า ด้วยการจัดเก็บข้อมูลการปล่อยคาร์บอนฯ ของวัสดุที่ใช้ในทุกกระบวนการของธุรกิจ 100% ในปี 2025 มุ่งสู่เป้าหมายการจัดซื้อวัสดุที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม (Green Procurement)

– ด้านความรับผิดชอบต่อสังคม ยังคงมุ่งมั่นพัฒนาคุณภาพชีวิตของสังคมและผู้มีส่วนได้ส่วนเสีย (Stakeholders) ด้วยความโปร่งใสและจริยธรรม พร้อมปฏิบัติตามกฎหมายและจรรยาบรรณทางธุรกิจ

ประเดิมซีรีส์ใหม่ Romantic Charm

ล่าสุด ศุภาลัย ประเดิมต้นปีด้วยการเปิดตัวไฮไลท์บ้านเดี่ยวซีรีส์ใหม่ ‘Romantic Charm’ ด้วยแนวคิดผสมผสานความโรแมนติกและเสน่ห์ที่น่าหลงใหลเข้าด้วยกัน เพื่อสร้างบรรยากาศที่อบอุ่น อ่อนโยน เต็มไปด้วยความรู้สึกที่นุ่มนวล อ่อนหวาน​ ละเอียดอ่อนและเป็นธรรมชาติ ตกแต่งด้วยน้ำพุสไตล์คลาสสิค และมีความร่มรื่นของต้นไม้ใหญ่มาช่วยส่งเสริมให้โครงการมีความโดดเด่นยิ่งขึ้น พร้อมที่ตั้งโครงการบนถนนอุทยาน หรือถนนอักษะที่ได้ชื่อว่าเป็นถนนที่สวยที่สุดในประเทศไทย แต่ขณะเดียวกันก็มีความเงียบสงบ เหมาะสำหรับการพักผ่อน

ขณะที่​ภายในบ้านมีฟังก์ชันรองรับการใช้งานที่ครบถ้วน ​พื้นที่เริ่มต้น 344 – 502 ตารางเมตร ขนาด 4 และ 5 ห้องนอน ตกแต่งสไตล์โมเดิร์นคลาสสิค เพิ่มความอ่อนหวานและโรแมนติก ผ่านโทนสีอบอุ่นอ่อนหวาน เช่น สีฟ้าอ่อน สีชมพู และสีขาว พร้อมอุปกรณ์อำนวยความสะดวกในโครงการ ไม่ว่าจะเป็น อาคารสโมสร, ​Co-living Space, ฟิตเนส, สระว่ายน้ำ ระบบน้ำแร่, สวนสาธารณะ , CCTV และระบบเข้า -ออก เพื่อรักษาความปลอดภัย 24 ชั่วโมง

บริเวณโดยรอบโครงการยังมีสถานที่อำนวยความสะดวกและรองรับไลฟ์สไตล์ครบถ้วน ทั้งห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล มหาวิทยาลัย รวมทั้งเชื่อมกับการเดินทางด้วยถนนสายหลักไม่ว่าจะเป็นถนนพุทธมณฑลสาย 4 ,ถนนทวีวัฒนา, ถนนบรมราชชนนี และ ถนนพุทธมณฑลสาย 3 ​​

โครงการ ศุภาลัย พรีมา วิลล่า ถนนอุทยาน จึงมอบทั้งความทันสมัย หรูหรา ล้อมรอบไปด้วยพื้นที่สีเขียวและธรรมชาติ และทำเลใกล้เมือง ในราคาเริ่มต้น 17.9 ล้านบาท พร้อมเปิดขายวันนี้

แม้ภาพรวมตลาดอสังหาฯ ในปีนี้ ยังมีหลายปัจจัยเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวัง แต่ศุภาลัยมองว่าเป็นความท้าทายที่นำมาซึ่งโอกาสในการเติบโต และพร้อมท้าชนด้วยพื้นฐา​นที่​แข็งแรง รวมทั้งการขับเคลื่อนวิสัยทัศน์และกลยุทธ์ที่มาจากความเข้าใจทั้งตลาดและผู้บริโภค รวมทั้งการพัฒนาเครื่องมือและเทคโนโลยีเพื่อช่วยให้เข้าถึงลูกค้าได้แม่นยำมากขึ้น จึงเชื่อได้ว่าจะสามารถรักษาการเติบโต​ในอนาคตไว้ได้อย่างแข็งแกร่งและต่อเนื่อง