รายงาน Changing Traveller Report 2025 โดย SiteMinder ที่สำรวจนักเดินทางกว่า 12,000 คน ใน 14 ตลาดนักท่องเที่ยวที่ใหญ่ที่สุดของโลก ประกอบด้วย ออสเตรเลีย แคนาดา จีน ฝรั่งเศส เยอรมนี อินเดีย อินโดนีเซีย อิตาลี เม็กซิโก สิงคโปร์ สเปน ไทย สหราชอาณาจักร และสหรัฐอเมริกา
เพื่อเข้าใจความคิดเห็นนักท่องเที่ยวกลุ่มต่างๆ จากการวางแผนเดินทางและความต้องการในระหว่างเดินทาง โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวกลุ่ม ‘Conscious Travellers’ หรือกลุ่มที่ใส่ใจต่อรายละเอียดในการเดินทาง โดยพบอินไซต์ที่น่าสนใจของนักท่องเที่ยวในปัจจุบัน ที่กำลังมองหาที่พักซึ่งไม่เพียงเติมเต็มประสบการณ์การเดินทาง แต่ยังช่วยให้สามารถสัมผัสวัฒนธรรมและประเพณีท้องถิ่น พร้อมทั้งประเด็นความยั่งยืนด้านสิ่งแวดล้อมด้วย โดยพบประเด็นต่างๆ ที่น่าสนใจ ต่อไปนี้
– นักท่องเที่ยวมากกว่าครึ่งคาดว่าจะ ‘ใช้เวลาส่วนใหญ่’ หรือ ‘ใช้เวลาค่อนข้างมาก’ ในโรงแรมในปี 2568 ซึ่งเพิ่มขึ้น 1.5% เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และเพิ่มสูงขึ้นเป็น 65% ในกลุ่มนักท่องเที่ยวชาวไทย ซึ่งผลออกมาสอดคล้องในทิศทางเดียวกันทั้งการเดินทางคนเดียวหรือการเดินทางกับเพื่อน
กลุ่มนักท่องเที่ยวที่วางแผนเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ 29% วางแผนใช้เวลาส่วนใหญ่ในที่พัก เทียบกับ 11% ของผู้วางแผนเดินทางภายในประเทศ แม้ว่าการเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศ อาจมาพร้อมกับค่าใช้จ่ายค่อนข้างสูง ทำให้นักท่องเที่ยวส่วนใหญ่นิยมออกไปสำรวจสถานที่ต่างๆ ให้มากที่สุด เพื่อให้คุ้มค่าเงินที่จ่าย แต่ท่ามกลางค่าครองชีพที่สูงขึ้น หลายคนกลับเลือกที่จะปักหลักอยู่ที่ที่พักของตนเอง
โดยเฉพาะคนรุ่นใหม่ เช่น กลุ่ม Gen Z (อายุ 18-27 ปี) และ Millennials (อายุ 28-43 ปี) ถือเป็นผู้ขับเคลื่อนเทรนด์การใช้เวลาพักผ่อนในที่พักมากขึ้น โดยวางแผนเข้าพักนานกว่ากลุ่มคนรุ่น Gen X (อายุ 44-59 ปี), Baby Boomers (อายุ 60-78 ปี) และ Radio Babies (อายุ 79-96 ปี)
– สำหรับประสบการณ์ สิ่งอำนวยความสะดวก หรือกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวต้องการใช้เวลาพิเศษภายในโรงแรม เช่น
บริการสปา (37%) หลังจากการเดินทางอันยาวนานบนเครื่องบิน การนวดและขัดผิวอาจเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องการเพื่อผ่อนคลายอย่างแท้จริง รวมทั้งประสบการณ์การทานอาหารสุดหรูและการชิมไวน์ (35%) การแสดงดนตรีสด (35%) และคลาสโยคะหรือนั่งสมาธิ (18%) ก็เป็นที่นิยมเช่นกัน
นอกจากอาหารและความบันเทิง นักท่องเที่ยวยังให้ความสำคัญกับการเรียนรู้เชิงปฏิบัติ และการสัมผัสวัฒนธรรมท้องถิ่น โดยกิจกรรมที่นักท่องเที่ยวให้ความสนใจมากที่สุด ได้แก่ คลาสทำอาหารประจำท้องถิ่นนั้นๆ (22%) การเล่าเรื่องราว รวมถึงการเต้นรำแบบดั้งเดิม (16%) การทำฟาร์มหรือทำสวน (16%) เรียนภาษา (14%) และการบรรยายโดยผู้เชี่ยวชาญ (13%) รวมไปถึงการพักผ่อนทั้งร่างกายและจิตใจ โดยนักท่องเที่ยว 16% มองหาโปรแกรมการพัฒนาการนอนหลับ เพื่อช่วยให้พวกเขาพักผ่อนได้ดีขึ้น
ประสบการณ์ที่นักท่องเที่ยวต้องการจากการเข้าพัก อาจแตกต่างกันไปตามเชื้อชาติ โดยพบว่านักท่องเที่ยวชาวไทยให้ความสำคัญกับประสบการณ์การทานอาหารหรูและการชิมไวน์ (61%) และ สปา (50%) มากที่สุด ในขณะที่ชาวอินเดียสนใจคลาสทำอาหารประจำท้องถิ้น(40%) และการปรับปรุงการนอนหลับ (33%) มากที่สุด
เทรนด์ความคุ้มค่า ประสบการณ์ และใส่ใจสิ่งแวดล้อม
– ท่ามกลางความกังวลด้านเศรษฐกิจและสังคมทั่วโลก ‘ความคุ้มค่า’ และ ‘ความสะดวกสบาย‘ ยังเป็นปัจจัยสำคัญในการเลือกที่พัก ทำให้เครือโรงแรมและรีสอร์ทขนาดใหญ่ รวมถึงโฮสเทลและโมเต็ลราคาประหยัด (18%) ยังคงเป็นรูปแบบที่นักท่องเที่ยวนิยม โดยกลุ่มคนรุ่นใหม่มีแนวโน้มที่จะมองหาที่พักราคาประหยัดมากกว่ากลุ่มคนวัยกลางคนถึงวัยเกษียณ ซึ่งคาดว่ามีรายได้สูงกว่าหรือมีเงินออมมากกว่า
ในทางกลับกัน Gen Z (58%) และ Millennials (57%) มีแนวโน้มที่จะใช้จ่ายมากขึ้นกับการเดินทางครั้งหน้าเมื่อเทียบกับปีที่แล้ว ซึ่งมากกว่า Gen X (35%) หรือ Baby Boomers (28%) โดยกลุ่ม Gen X และ Baby Boomers วางแผนที่จะใช้จ่ายเท่าเดิมหรือน้อยกว่ากับการเข้าพักครั้งถัดไปเมื่อเทียบกับปีที่ผ่านมา
นอกจากนี้ ความแตกต่างทางเศรษฐกิจและวัฒนธรรมยังส่งผลต่อการเลือกที่พักของนักท่องเที่ยวจากแต่ละประเทศด้วย ชาวออสเตรเลียแสดงให้เห็นถึงความรักที่มีต่อธรรมชาติ และมีแนวโน้มจะจองสวนสนุกและสถานที่กางเต็นท์มากที่สุด (11%) ขณะที่นักท่องเที่ยวชาวจีน (35%) และชาวสิงคโปร์ (32%) ให้ความสนใจโรงแรมบูติกหรือโรงแรมหรูมากที่สุด ซึ่งเป็นที่นิยมในหมู่คนไทย (23%) เช่นกัน
– ในภาพรวมยังพบว่า นักท่องเที่ยวยังให้ความสำคัญกับเลือกที่พักที่ให้ความสำคัญเรื่องความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ทั้งสถานที่กางเต็นท์หรือรีสอร์ทหรู โดย นักท่องเที่ยว 7 ใน 10 คนยินดีจ่ายเงินมากขึ้นสำหรับการเข้าพักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยในหมู่นักท่องเที่ยวชาวไทย ตัวเลขนี้สูงถึง 94% ซึ่งสูงเป็นอันดับสองของโลก รองจากชาวอินโดนีเซียที่มีสัดส่วน 95%
ข้อมูลจากรายงานระบุว่า มีนักท่องเที่ยวเพียง 30% ที่เลือกจะไม่จ่ายเพิ่มเพื่อเข้าพักในโรงแรมที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดลัอม โดยกลุ่มที่ยอมจ่ายแพงขึ้นกว่าเดิม 10% มีจำนวนมากที่สุดถึง 37% ตามมาด้วยจ่ายเพิ่มขึ้น 25% (21%) , จ่ายเพิ่มขึ้น 50% (10%) และจ่ายเพิ่มขึ้นมากกว่า 50% (3%) ตามลำดับ
คุณสุภกฤษฎิ์ แผนสมบูรณ์ ผู้จัดการประจำประเทศไทย บริษัท SiteMinder ให้ข้อมูลเชิงลึกนักท่องเที่ยวกลุ่ม ‘Conscious Travellers’ หรือกลุ่มที่ใส่ใจต่อรายละเอียดในการเดินทางว่า แม้งบประมาณยังคงเป็นปัจจัยสำคัญ แต่นักท่องเที่ยวกลุ่ม ‘Conscious Travellers’ ยัง พร้อมที่จะใช้เงินกับสิ่งที่สำคัญสำหรับพวกเขา รวมถึงการจ่ายเงินเพิ่มสำหรับที่พักที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ดังนั้น ผู้ให้บริการที่พักควรให้ความสำคัญกับประสบการณ์ต่างๆ นอกเหนือจากความบันเทิง และสิ่งอำนวยความสะดวกขั้นพื้นฐานมากขึ้น เพื่อสามารถตอบโจทย์ผู้มาเข้าพักได้ดีมากขึ้น
สิ่งสำคัญพื้นฐานที่ละทิ้งไม่ได้
สำหรับห้องพักส่วนตัว นักท่องเที่ยวยังคงให้ความสนใจและใส่ใจในรายละเอียดพื้นฐาน โดยหมอนและเครื่องนอน (56%), วิวทิวทัศน์ (53%), การควบคุมอุณหภูมิ (35%), ทีวีและเครื่องเสียง (35%), อ่างอาบน้ำ (30%) และแรงดันน้ำฝักบัว (29%) ยังคงเป็นปัจจัยสำคัญอันดับต้น ๆ สำหรับนักท่องเที่ยว อย่างไรก็ตาม นักท่องเที่ยว 4 ใน 5 คน พอใจที่จะเห็นผ้าเช็ดตัวแขวนไว้ในห้องน้ำ หรือพับหรือม้วนไว้บนเตียง โดยไม่จำเป็นต้องจัดเตรียมผ้าเช็ดตัวในรูปแบบงานศิลปะ
อย่างไรก็ตาม สิ่งที่สร้างความแตกต่างอย่างแท้จริงคือการสร้างประสบการณ์และความสัมพันธ์ที่น่าจดจำ นักท่องเที่ยวหลายคน (37%) กล่าวว่าพวกเขามีแนวโน้มที่จะกลับมาที่โรงแรมอีกครั้ง หากโรงแรมมอบประสบการณ์ที่ไม่เหมือนใคร เช่น อาหารและเครื่องดื่มที่ยอดเยี่ยม บริการสปา หรือกิจกรรมพิเศษต่างๆ โดย 51% ของนักท่องเที่ยวชาวไทย ระบุว่าการบริการลูกค้าที่ยอดเยี่ยมและการสื่อสารที่ชัดเจนมีความสำคัญ และเป็นปัจจัยสำคัญในการตัดสินใจกลับมาพักอีกครั้ง
นอกจากนี้ นักท่องเที่ยวถึง 20% ยังให้ความสำคัญกับประสบการณ์ที่ใกล้ชิดกับวัฒนธรรมและชุมชนท้องถิ่นอีกด้วย
คุณสุภกฤษฎิ์ กล่าวเสริม “นักท่องเที่ยวในปี 2568 ต้องการให้โรงแรมดูแลสิ่งสำคัญพื้นฐานให้ดี ควบคู่ไปกับการให้บริการพิเศษเพิ่มเติม ซึ่งความสมดุลนี้คือสิ่งที่นักท่องเที่ยวกลุ่ม Conscious Travellers ให้ความสำคัญ