แผนเทคออฟ ‘โออาร์’ เดินหน้า Diversify ต่อเนื่อง ​มอง​ ‘ไลฟ์สไตล์’ คืออนาคต เชื่อ ‘Cut Loss’ ไม่ใช่ความล้มเหลว แต่เป็นการตัดสินใจของคนฉลาด

‘ดิษทัต’ วางรากฐาน OR เสริมแกร่งธุรกิจรอบด้าน เตรียมตัวส่งไม้ต่อ CEO คนใหม่ ​​วางแนวคิด RISE OR ​สร้างรากฐานองค์กรที่แข็งแกร่ง ผ่านการพัฒนาดิจิทัล และระบบนิเวศธุรกิจของ OR ที่หลากหลาย การเป็นผู้นำด้าน Mobility ธุรกิจ Lifestyle และการขยายฐานธุรกิจสู่ต่างประเทศ พร้อมผลักดันและส่งต่อวิสัยทัศน์ Empowering All toward Inclusive Growth” สู่บทใหม่แห่งการเติบโตอย่างยั่งยืน 

คุณดิษทัต ปันยารชุน ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน) หรือ OR (โออาร์) ​แบ่งปันมุมมองและประสบการณ์การทำงานจากจุดเริ่มต้นในสายงานเทรดดิ้ง ปตท. สู่การก้าวขึ้นเป็นผู้นำ OR โดยได้วางรากฐานสำคัญขององค์กรผ่านแนวคิด RISE OR ที่มุ่งเน้นผลลัพธ์ที่จับต้องได้ ประกอบด้วย  R – Result-oriented  คือ การตัดสินใจอย่างชาญฉลาด , I – Intelligence  การร่วมกันทำร่วมกันเติบโต , S – Synergy​ และการสร้าง Mindset แห่งความเป็นเจ้าของธุรกิจ  หรือ E – Entrepreneurship พร้อมผลักดันการเปลี่ยนแปลงในการทำงานขององค์กร

พร้อมส่งเสริมให้บุคลากรก้าวออกจาก Comfort Zone ที่จำกัดอยู่ในพื้นที่ความถนัดเดิม สู่ Growth Zone ที่เปิดรับโอกาสในการเรียนรู้และพัฒนาศักยภาพใหม่ ๆ และวางกลยุทธ์การพัฒนาองค์กรให้เติบโตอย่างแข็งแกร่งในทุกมิติ ทั้งด้านโครงสร้างการดำเนินงาน การเตรียมโครงสร้างความพร้อมสำหรับบุคลากรใน OR การสื่อสารที่มีประสิทธิภาพทั้งภายในและภายนอกองค์กร และการกำกับดูแลกิจการที่ดี

Diversity​ ต่อเนื่อง ขยายธุรกิจใหม่​สู่ Virtual Bank ​

ทั้งนี้ OR จะเพิ่มศักยภาพองค์กรผ่านการทำ Digital Transformation ​ในฐานะบริษัทแรกในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่บูรณาการการจัดการระหว่างธุรกิจน้ำมันและค้าปลีกเข้าด้วยกัน ผ่านระบบ SAP S/4HANA ใน 2 อุตสาหกรรม พร้อมพัฒนาระบบติดตามและควบคุมการดำเนินงานแบบศูนย์รวม (Dashboard Control Tower) ที่ช่วยให้มองเห็นภาพรวมการดำเนินงานตลอดห่วงโซ่อุปทานทั้งในกลุ่ม Mobility และ Lifestyle ได้แบบรวมศูนย์และ Realtime และตอบโจทย์ Keys สำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจ ทั้งการเพิ่มประสิทธิภาพด้านการบริหารต้นทุน เพื่อสร้าง Operation Excellence รวมทั้งเพิ่มความสามารถในการสร้างความพึงพอใจในการให้บริการลูกค้า และความสามารถในการแข่งขันทางธุรกิจได้อย่างแม่นยำ และมีประสิทธิภาพเพิ่มมากขึ้น ​ 

หนึ่งสิ่งที่​ OR ​จะยังขับเคลื่อนต่อเนื่องแม้เปลี่ยนผู้นำคือ การ Diversify เพื่อเพิ่มโอกาสใหม่ๆ ให้ธุรกิจ โดยเฉพาะในฟากไลฟ์สไตล์ หรือ Non-oil ซึ่งโออาร์มีแผนต่อยอดจาก Data ที่มีอยู่ในมือ ทั้งจากลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ PTT Station ไม่ต่ำกว่าวันละ 3 ล้านคน รวมทั้งสมาชิกบัตรบลูการ์ดที่มีกว่า 8 ล้านคน ​เพื่อต่อยอดพัฒนาสู่ธุรกิจใหม่อย่าง ‘ธนาคารพาณิชย์ไร้สาขา’ หรือ Virtual Bank จะช่วยสร้างมูลค่าเพิ่มจากข้อมูลทางธุรกิจ โดยร่วมมือกับพันธมิตรอย่าง AIS ที่เป็นผู้นำด้านโครงข่ายสื่อสาร และ​ผู้ให้บริการสถาบันการเงินอย่างธนาคารกรุงไทย เพื่อใช้ประโยชน์จากข้อมูลที่แต่ละรายมีในการนำมาวิเคราะห์ (KYC) ซึ่งถือเป็น Perfect Matching จากการร่วมมือของทั้ง 3 พาร์ทเนอร์ ในการให้ความช่วยเหลือผู้ประกอบการรายย่อย หรือ SME ต่างๆ ที่ไม่มีหลักฐานทางการเงินจากสถาบันการเงิน แต่สามารถเข้าถึงแหล่งทุนเพื่อมา​ต่อยอดธุรกิจให้เติบโตอย่างแข็งแรงขึ้นได้ ผ่านการวิเคราะห์ข้อมูลจากอีโคซิสเต็มของทาง OR ได้

นอกจากนี้  ยังได้พัฒนาแพลตฟอร์ม Retail Mixed-Use Platform รูปแบบใหม่ผ่าน PTT Station Flagship ที่มีธุรกิจ Non-oil ถึง 80% และต่อยอดสู่ OR Space ที่มุ่งเน้นธุรกิจ Non-oil 100% รองรับความต้องการที่หลากหลายของผู้บริโภค ควบคู่ไปกับความสำเร็จในธุรกิจไลฟ์สไตล์ รวมทั้งแก้ปัญหาการอิ่มตัวของพื้นที่ในการขยายสถานีบริการน้ำมันในอนาคต พร้อมทั้งการขยายการเติบโตของธุรกิจแฟลกชิพในพอร์ตไลฟ์สไตล์ของ OR อย่าง Café Amazon ที่ทำยอดขายกว่า 1 ล้านแก้วต่อวัน แต่ต้องมองหาโอกาสในการเติบโตได้ในระดับ Global ผ่านการเติมเต็มความสมบูรณ์ของ Ecosystem ได้ตั้งแต่ต้นน้ำไปจนถึงปลายน้ำ รวมทั้งการใช้กลยุทธ์ Story telling มาช่วยเพิ่มมูลค่า และสามารถต่อยอดสู่การเป็นศูนย์เรียนรู้ครบวงจรได้ตลอดทั้งซัพพลายเชน ทั้งการพัฒนาธุรกิจต้นน้ำผ่าน Café Amazon Park ที่ จ. ลำปาง รวมถึงการเปิดจุดรับซื้อและโรงแปรรูปเมล็ดกาแฟที่ อ.แม่วาง จ.เชียงใหม่ ที่ได้รับซื้อเมล็ดกาแฟจากเกษตรกรชุมชนในพื้นที่แล้วกว่า 370 ตัน ซึ่งนอกจากจะเป็นโรงงานแปรรูปเมล็ดกาแฟต้นแบบแล้ว ยังสร้างการเติบโตร่วมกับชุมชนตามแนวทาง OR SDG ด้วยการพัฒนาระบบ KALA Application เพื่อรวบรวมข้อมูลเกษตรกร พื้นที่ปลูก และคุณภาพเมล็ดกาแฟ เพื่อการวางรากฐานให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างยั่งยืน

“​ธุรกิจไลฟ์สไตล์กลุ่ม Well Being จากการเปิดร้าน found&found แบรนด์เฮลท์แอนด์บิวตี้รีเทลรูปแบบใหม่ที่ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรักสุขภาพและความงาม ยังเป็นอีกหนึ่งโอกาสเติบโตของ OR ตามเทรนด์ Aging Society ที่ประเทศไทยกลังจะเข้าสู่สังคมผู้สูงอายุอย่างสมบูรณ์ในไม่กี่ปีข้างหน้า และเป็นเซ็กเตอร์ที่ยังไม่มีใครเป็นเจ้าของ โดย OR วางแผนขยายเป็น 10 สาขา ภายในปี 2025 พร้อมมุ่งบริหารพอร์ตโฟลิโอในภาพรวมอย่างมีประสิทธิภาพ โดยโฟกัส​ในกลุ่มที่มีการเติบโตและสร้างผลกำไรได้ ​ เพื่อส่งผลให้ EBITDA Margin สามารถปรับเพิ่มขึ้นจาก 27% เป็น 30% ภายในปีหน้า”

ไม่เพียงเดินหน้า​เสริมความแข็งแกร่งของระบบนิเวศธุรกิจในหลากหลายด้านในฝั่งไลฟ์สไตล์ แต่ OR ยังให้ความสำคัญการขับเคลื่อนด้าน Mobility ในฐานะ  Thailand Mobility Partner ที่ขยายเครือข่าย EV Station PluZ ให้ครอบคลุม 77 จังหวัด พร้อมทั้งปรับ Mode การขนส่งโดยเพิ่มการใช้ขนส่งทางท่อแทนทางรถยนต์หรือรถไฟ เพื่อการบริหารจัดการด้านระบบ Logistic ให้ Optimization มากที่สุด ขณะที่การซัพพลายน้ำมันอากาศยาน ได้เร่งผลักดัน​การใช้เชื้อเพลิงการบินแบบยั่งยืน (SAF) ร่วมกับพันธมิตรในอีโคซิสเต็มอย่าง GC และได้ MOU ในการจำหน่ายน้ำมันให้สายการบิน การบินไทย เวียตเจ็ทแอร์ และบางกอกแอร์เวย์ส  รวมทั้งอยู่ระหว่างการเจรจาเพื่อ MOU กับสายการบินเพิ่มเติมอีก 1 แห่ง ซึ่งโอกาสเติบโตของ SAF ไม่ใช่เพียงแค่การให้บริการแก่สายการบินของประเทศไทยเท่านั้น แต่ยังสามารถซัพพลายให้สายการบินต่างประเทศ โดยเฉพาะเส้นทางที่ต้องเดินทางเข้ายุโรป  ที่มีการกำหนดให้ใช้ SAF เป็นส่วนผสมตามข้อบังคับทางการบิน และเป็นอีกหนึ่งโอกาสในการขยายตลาด SAF ของกลุ่ม ปตท. ได้ในอนาคต

 “ในปีหน้าฟากไลฟ์สไตล์จะเป็นโอกาสในการทำให้ OR เทคออฟได้ ​หลังจากมีการ Clean Portfolio เพื่อตัดธุรกิจ (Cut LOss) ที่เป็นตัวฉุดศักยภาพในการทำกำไรลง โดยปัจจุบันกำลังมอนิเตอร์กลุ่มธุรกิจในพอร์ตเพื่อ Cut Loss เพิ่มเติม หรือเพิ่ม Value ในบางธุรกิจให้มากขึ้น ซึ่งการ Cut Loss ไม่ได้หมายถึงความล้มเหลวของธุรกิจ แต่เป็นความกล้าหาญ และเป็นการตัดสินใจที่ฉลาด ซึ่งเป็นอีกหนึ่งที่ผู้นำ หรือคนที่มี Ownership ต้องสามารถทำได้ ซึ่งที่ผ่านมา OR ได้ถอน 6 ธุรกิจที่ไม่ทำกำไรเพื่อไม่ให้เกิดภาระจากการขาดทุนสะสม เช่น ไก่ทอดเท็กซัส  อาหารญี่ปุ่นโคเอ็น ธุรกิจคาเฟ่อเมซอนในประเทศจีน และ Fixx แพลตฟอร์มดูแลและซ่อมบำรุงรถยนต์ครบวงจร เป็นต้น โดยก่อนจะทำการถอนกิจการใดๆ ออกจากตลาด ได้มีการวิเคราะห์อย่างรอบด้าน ทดลองแก้ไข ปรับกลยุทธ์ หรือการทำโปรโมชั่นเพื่อกระตุ้นการเติบโต พร้อมทั้งมอนิเตอร์ทิศทางการเคลื่อนไหวของธุรกิจมาระยะหนึ่งก่อนตัดสินใจถอนตัว เพื่อเป็นการหยุดรูรั่วของธุรกิจ ​ ​ขณะเดียวกันในอนาคตก็ต้องพยายามเพิ่มการลงทุนที่เป็น Big Deal มาเสริมพอร์ตให้มีความแข็งแรงเพิ่มขึ้นให้ได้ โดยเฉพาะกลุ่มธุรกิจขนาดใหญ่และอยู่ในเทรนด์การเติบโต เพื่อบริหารพอร์ตโฟลิโอให้แข็งแรงมากขึ้น โดยเฉพาะการเพิ่มกำไรจากฟากไลฟ์สไตล์ให้มีสัดส่วนเท่ากับกลุ่ม Mobility ที่ราว 50% จากปัจจุบันมีกำไรจากฝั่งไลฟ์สไตล์ที่ราว 30%”​ คุณดิษทัต กล่าว

ธุรกิจต่างประเทศ อีกหนึ่งโอกาสเติบโต

OR ยังเดินหน้าขยายการลงทุนในต่างประเทศอย่างต่อเนื่อง โดยวางรากฐานผ่านการลงทุนใน PTT (Cambodia) หรือ PTTCL ในฐานะ Second Homebase พร้อมพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานสำคัญ ทั้ง Marine Terminal และสถานีบริการ พีทีที สเตชั่น ที่ถนนหุนเซนบูเลอวาร์ด ควบคู่กับการต่อยอดโครงการ Project ONE ในประเทศฟิลิปปินส์ หรือ PTTPC ที่แสดงให้เห็นถึงความร่วมมืออันแข็งแกร่งภายในกลุ่ม ปตท. นอกจากนี้ยังขยายโอกาสทางธุรกิจสู่เวียดนาม ผ่านการสร้างฐานธุรกิจ LPG แห่งใหม่ และขยายแหล่งจัดหาเมล็ดกาแฟใน สปป. ลาวเพื่อรองรับความต้องการที่เพิ่มขึ้น

คุณดิษทัต​ เน้นย้ำเพิ่มเติมถึงหลักคิดสำคัญในการขับเคลื่อนองค์กรว่า การจะสร้างการเปลี่ยนแปลงได้นั้น ต้องเริ่มจากการเปลี่ยนแปลงตนเองก่อน ต้องกล้าที่จะ Disrupt ตัวเองก่อนที่จะถูก Disrupt จากภายนอก พร้อมเตรียมรับมือกับคลื่นลูกใหม่แห่งนวัตกรรมและแพลตฟอร์ม ไม่รอให้อนาคตมาถึงแต่ต้องลงมือสร้างอนาคตเอง และที่สำคัญคือต้องสื่อสารพันธกิจขององค์กรให้ชัดเจนและสม่ำเสมอ สะท้อนให้เห็นถึงความพร้อมของ OR ในการก้าวสู่บทใหม่แห่งการเติบโตอย่างยั่งยืนต่อไป

“เป้าหมายสำคัญในการขับเคลื่อน OR คือการเป็นธุรกิจแฟลกชิพที่แข็งแรงของกลุ่ม ปตท. การ Diversify เป็นหนึ่งแนวทางที่จะทำให้ OR เติบโตได้อย่างยั่งยืนจากพอร์ตโฟลิโอที่หลากหลาย โดยทุกความสำเร็จที่เกิดขึ้นเป็นเพียง Milestone ไม่ใช่เส้นชัย เราต้องพร้อมปรับตัว Disrupt ตัวเองก่อนถูก Disrupt และเตรียมพร้อมรับคลื่นลูกใหม่แห่งนวัตกรรม เพื่อขับเคลื่อน OR สู่วิสัยทัศน์ ‘Empowering All toward Inclusive Growth’ ในการเป็นองค์กรที่เสริมสร้างโอกาสเพื่อทุกการเติบโตร่วมกันอย่างยั่งยืน”  คุณดิษทัต กล่าวทิ้งท้าย

Stay Connected
Latest News

เป๊ปซี่โค ประเทศไทย และ ซันโทรี่ เป๊ปซี่โค เบเวอเรจ (ประเทศไทย) จับมือ จีเอ็มเอ็ม โชว์ ระเบิดพลังซ่ารักษ์โลก “มันส์ แล้ว ทิ้ง” ในงานเป๊ปซี่ พรีเซนต์ บิ๊กเมาน์เท่นมิวสิคเฟสติวัล ครั้งที่ 14