‘From Cabbage Farm to Table’ ถอดรหัส ‘บาร์บีคิวพลาซ่า’ ภารกิจขับเคลื่อน​ ‘ความสุข’ และ ‘ความยั่งยืน’ ผ่านมื้ออาหาร

เป้าหมายสำคัญของ ‘บาร์บีคิวพลาซ่า​​ คือ ​ขับเคลื่อน ภารกิจ​ ‘ส่งมอบความสุข​ผ่านมื้ออาหารเพื่อความยั่งยืน (Delivery Sustainable Happiness) ให้ลูกค้า และโลกใบนี้อย่างต่อเนื่อง ​​​​ผ่าน​การบริหารจัดการตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ เพื่อมุ่งสู่​ธุรกิจที่มีความแข็งแกร่ง และยั่งยืน พร้อม​​​​มีส่วนในการดูแล ผู้คนใน​สังคม ไปจนถึง​การดูแลรักษาสิ่งแวดล้อม และโลกใบนี้

ผ่านการขับเคลื่อน​กลยุทธ์สู่การลงมือทำตามแนวทาง ‘From Cabbage Farm to Table’ เพื่อสามารถบริหารจัดการให้เกิดประสิทธิภาพรวมทั้งสร้างคุณค่าได้ตลอดทั้ง Supply Chain ซึ่งเบื้องหลังความสำเร็จ มาจากการให้ความสำคัญกับ Stakeholders ทุกมิติ ​ทั้งแกนหลักอย่าง Tripple Bottom Line หรือ 3P ที่ประกอบด้วย People Planet และ Profit รวมทั้งการเติมเต็มอีก 2P เพื่อช่วยขับเคลื่อนสู่​​เป้าหมายได้รวดเร็ว และลดความเสี่ยงได้มากขึ้น คือ Peaceful หรือการขับเคลื่อนธุรกิจตามกรอบของจริยธรรม คุณธรรม และธรรมาภิบาลที่ดี​ รวมทั้ง Partnership เพราะการขับเคลื่อนความยั่งยืน ไม่สามารถทำให้สำเร็จได้โดยลำพัง การมีพันธมิตรช่วยขับเคลื่อนจะทำให้​ไปถึงเป้าหมายได้ง่ายขึ้น ขณะเดียวกันยังช่วยเพิ่ม Positive Impact ​ระหว่างทางในการขับเคลื่อนได้มากขึ้นด้วย

From Cabbage Farm จากฟาร์มสู่ชุมชน

คุณจรูญโรจน์ เทพที ประธานบริหารสายงาน-ซัพพลายเชน บริษัท ฟู้ดแพชชั่น จำกัด กล่าวถึงแผนขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืนของบาร์บีคิวพลาซ่า โดยมี กะหล่ำ (Cabbage) เป็นสัญลักษณ์สำคัญในการเดินทาง เพราะถือเป็นหนึ่งใน Signature ​ที่ทุกโต๊ะในร้านต้องมีถ้วยกะหล่ำวางไว้ และยังเป็นวัตถุดิบสำคัญของ​​บาร์บีคิวพลาซ่าด้วยเช่นกัน ในฐานะแบรนด์ที่ใช้กะหล่ำมากที่สุดในประเทศก็ว่าได้ ด้วยปริมาณถึง 5 ตันต่อวัน หรือไม่ต่ำกว่า 2 ล้านกิโลกรัมต่อปี

ดังนั้น กะหล่ำจึงเป็นเสมือนตัวแทนและจุดเชื่อมโยงการส่งมอบประโยชน์ คุณค่า ความสุข และความยั่งยืนไปยังทุกมิติภายใน Ecosystem​ จากการขับเคลื่อนธุรกิจของบาร์บีคิวพลาซ่า ​ตั้งแต่ต้นทางจากฟาร์มไปจนถึงโต๊ะผู้บริโภค รวมทั้งผู้คนและสังคมโดยรอบได้

เส้นทาง From Cabbage Farm ยัง​สอดคล้องกับมิติ​ People ของบาร์บีคิวพลาซ่าที่ให้ความสำคัญเรื่อง คน เป็นอันดับแรก​ ทั้งพนักงานในองค์กร และ​คน​ที่อยู่ในห่วงโซ่ธุรกิจอย่างกลุ่มเกษตรกร ด้วยการ​​เข้าไปรับซื้อกะหล่ำโดยตรงจากฟาร์มโดยไม่ผ่านพ่อค้าคนกลาง ช่วยให้เกษตรกรขายผลผลิตได้ในราคาที่ดี​ จากการรับประกันราคา และการวางแผนปริมาณการซื้อวัตถุดิบไว้ล่วงหน้าเพื่อช่วยเกษตรกรวางแผนการปลูกอย่าง​เหมาะสม และยังลดปริมาณการสูญเสียในธุรกิจได้ด้วย​ รวม​ถึง​เข้าไปส่งเสริมการปลูกแบบ GAP ที่ลดการใช้สารเคมีลงถึง 50% เพื่อได้ผลผลิตที่มีคุณภาพ และมีความปลอดภัยทั้งต่อผู้บริโภครวมทั้งเกษตรกรผู้ปลูกด้วย ซึ่งปัจจุบัน​ได้เข้าไปสนับสนุน และส่งเสริมกลุ่มเกษตรกรผ่านรัฐวิสาหกิจ 3 แห่ง คือ วิสาหกิจชุมชนผักแปลงใหญ่ อ.พบพระ จ.ตาก,​ ชุมชนบ้านนาป่าแปก จ.แม่ฮ่องสอน และ ชุมชนเกษตรกร อ.หางดง จ.เชียงใหม่

“บาร์บีคิวพลาซ่า ยังมุ่งส่งเสริมการศึกษาให้ลูกหลานเกษตรกรในพื้นที่และชุมชนใกล้เคียงผ่าน ศูนย์อบรมฟู้ดแพชชั่น ที่ต่อยอดประสบการณ์และความเชี่ยวชาญของบาร์บีคิวพลาซ่า มาพัฒนาเป็นหลักสูตรด้านสุขาภิบาลอาหารและการจัดการร้านอาหาร สามารถเทียบวุฒิระดับ ปวช. รวมทั้งเพิ่มรายได้จากการทำงานระหว่างเรียน โดย​ส่งเสริมมาตั้งแต่ปี 2561​ มีผู้ผ่านหลักสูตรแล้วกว่า 300 คน และยังเป็นหลักสูตรพัฒนา​เสริมสร้างศักยภาพบุคลากร เพื่อสร้างคนที่ทั้ง เก่ง ดี สุข รวมทั้งแบ่งปันความรู้ให้​องค์กรหรือผู้ต้องการพัฒนาตนเองในธุรกิจร้านอาหาร​ โดยมีเป้าหมายเพิ่มโอกาสให้ผู้คนไม่ต่ำกว่า 30,000 คน ในการพัฒนาศักยภาพ ความสามารถ พร้อมเพิ่มทักษะให้บุคลากร​ สร้าง​ความเท่าเทียมด้านการเข้าถึงการศึกษาและ​​พัฒนาคุณภาพชีวิต สร้างเป็นวงจรแห่งความสุขได้อย่างยั่งยืน”

From Table to Sustainability ขับเคลื่อนสู่ความยั่งยืน

เมื่อโฟกัสภาพจากฟาร์มมาสู่ Table หรือการจัดการภายในร้านและธุรกิจภาพรวม จะเน้นขับเคลื่อนธุรกิจที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะการเปลี่ยนผ่านสู่ Green Restaurant ในแบบฉบับ Non-Green Premium ฉีกภาพการเปลี่ยนผ่านสู่ธุรกิจรักษ์โลกที่มักจะต้องมาพร้อมงบประมาณก้อนใหญ่ในการดำเนินการ

ขณะที่บาร์บีคิวพลาซ่า เน้นขับเคลื่อนแบบ Small But Meaningful หรือการเปลี่ยนพฤติกรรม (Behavior Change) รวมทั้งใช้จุดแข็งจาก Data Driven ด้วยการนำข้อมูลทางธุรกิจมาวิเคราะห์​เพื่อลดความสูญเสียต่างๆ รวมทั้งเพิ่มประสิทธิภาพจากทรัพยากรเดิมที่ร้านมีอยู่ โดยเป้าหมายสำคัญคือ การลดปริมาณขยะฝังกลบเป็นศูนย์ (Zero Waste to Landfill) โดยเริ่มคำนวณความสูญเสียต่างๆ ตั้งแต่ต้นทางไปจนถึงหลุมฝังกลบ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการวัตถุดิบ การใช้พลังงาน ไปจนถึงการจัดการด้าน Waste Management ภายในร้าน โดยมีความร่วมมือร่วมใจของพนักงานในร้านเป็นสำคัญ ทำให้การเปลี่ยนผ่านสู่ความยั่งยืน​ของบาร์บีคิวพลาซ่าไม่ได้ทำให้ต้นทุนของร้านเพิ่มขึ้น ธุรกิจจึงยังคงสามารถรักษาความแข็งแกร่งไว้ได้

“แต่ละวันมีปริมาณขยะภายในร้านราว 30 กิโลกรัมต่อสาขา โดย 30% มาจากกระบวนการต่างๆ ของร้าน และ 70% มาจากการให้บริการลูกค้า เราจึง​ให้ความสำคัญตั้งแต่​การจัดการวัตถุดิบเพื่อลดโอกาสเกิด Waste ตั้งแต่ต้นทาง (Reduce) ทั้งการคัดเลือกประเมินผู้ขายตามแนวทาง Green Procurement มีการประเมินปริมาณการสั่งซื้อที่เหมาะสม ​พร้อมบริหาร​ Food Loss เพื่อนำวัตถุดิบที่ไม่ได้ใช้ภายในร้าน เช่น เศษเนื้อตัดแต่งต่างๆ มาผลิตเป็นผลิตภัณฑ์อื่นๆที่เพิ่มคุณค่า เพื่อส่งมอบให้กับพันธมิตรอื่นๆ ซึ่งช่วยลดการทิ้ง​เศษเนื้อตัดแต่ง​ได้ถึง 1.8 ตัน หรือคิดเป็น 918 kgCO2e ​ไปจนถึงอออกแบบการเสิร์ฟกะหล่ำเพื่อช่วยลดปริมาณ Food Waste จากการรับประทานเหลือของลูกค้า โดยเสิร์ฟปริมาณกะหล่ำถ้วยแรกที่ 125 กรัม และถ้วยต่อๆ ไปอยู่ที่ 80 กรัม ทำให้ลดการทิ้งกะหล่ำลงได้ถึง 10% หรือกว่า 2 แสนกิโลกรัม เทียบเท่าปริมาณคาร์บอนที่ลดลงได้ถึง 82 tCO2e  รวมทั้งมีอุปกรณ์ ม้าเหล็กที่ตอบโจทย์การแยกขยะได้ตั้งแต่​​การเข้าไปเก็บโต๊ะลูกค้า ทั้งส่วนที่เป็น Food Waste และขยะที่สามารถนำไปรีไซเคิลได้ ​เพื่อสามารถบริหารจัดการได้อย่างเหมาะสม โดยมีการจดบันทึกปริมาณและประเภทขยะที่เกิดขึ้นในแต่ละวัน เพื่อประสานงานในการส่งต่อพันธมิตร ทำให้สามารถแยกขยะเพื่อนำกลับไปรีไซเคิลได้ราว 3 กิโลกรัมต่อวันต่อสาขา ช่วยลดคาร์บอนลงได้ 533 tCO2e ต่อปี”

นอกจากนี้ ยังให้ความสำคัญใน​การบริหารจัดการด้านพลังงานภายในร้าน ด้วยการ​ปลูกฝังพฤติกรรมมพนักงานใน​การปรับเวลาเปิด – ปิดไฟ โดยเปิดให้ช้าลงและปิดให้เร็วขึ้นวันละ 1 ชั่วโมง พร้อม​พัฒนาระบบ IoT เพื่อควบคุมการทำงานของอุปกรณ์ต่างๆ ภายในร้าน เพื่อสามารถประหยัดพลังงานได้มากขึ้น ​ส่วนการจัดการด้านพลังงานที่อยู่ภายนอกร้าน ได้ติดตั้งโซลาร์เซลล์ที่สำนักงาน และครัวกลาง โดยปัจจุบันสามารถผลิตไฟฟ้าพลังงานสะอาดมาทดแทนปริมาณไฟฟ้าในกระบวนการได้ถึง 30% ​ช่วยลดก๊าซเรือนกระจก 400 tCO2e ต่อปี ​ซึ่งช่วยทั้งลดต้นทุนด้านพลังงาน รวมทั้งลดผลกระทบด้านสิ่งแวดล้อมด้วย

บาร์บีคิวพลาซ่า ยังได้วางแนวทาง​ออกแบบร้านใหม่ หรือการปรับปรุงร้านเดิม​​ด้วยคอนเซ็ปต์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม หรือ Green Restaurant ​​ทั้ง​ส่งเสริมการใช้วัสดุอัพไซเคิล​ เช่น ​ใช้หนังสังเคราะห์ Bio-Material จากเปลือก​มะนาว ใยสับประรด หรือกากมะพร้าวมาต่อยอด รวมทั้ง​ใช้กระดุมเก่ามาตกแต่งผนังร้านเป็นสัญลักษณ์ ‘บาร์บีก้อน’ การเลือกใช้สารเคมีสำหรับทำความสะอาดต่างๆ ที่เป็น Biodegradable ทั้งเพื่อความปลอดภัย และยังประหยัดการใช้น้ำทำความสะอาดลงได้มากกว่าครึ่งหนึ่ง ​แม้แต่ในมิติของการทำโปรโมชั่นหรือแคมเปญส่งเสริมการขายต่างๆ ที่จะเน้นจัดในกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยมจากลูกค้าอยู่แล้ว เพื่อประเมินข้อมูล​การบริหารจัดการทั้งด้านวัตถุดิบได้อย่างแม่นยำมาก​ขึ้น รวมทั้งยังตอบโจทย์ทั้งการดูแลต้นทุน และในมิติด้านความยั่งยืนได้ด้วย

นอกจากนี้ ยังมุ่ง​​ส่งเสริมให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนความยั่งยืนร่วมกัน ทั้งการปิดเตาเมื่อเลิกใช้ หรือเปลี่ยนวิธีเสิร์ฟหลอด​โดยไม่ใส่มาในแก้วน้ำ เพื่อช่วยลดปริมาณขยะพลาสติก​ รวมทั้งพัฒนาระบบGON ORDER-TO-PAY สั่ง-จ่าย-จบ ทำเองได้ในมือถือ และ​ยกเลิกการใช้แผ่นรองจาน เพื่อลดปริมาณการใช้กระดาษให้น้อยลง ซึ่งในอนาคตทางร้านเตรียมแนวทาง​เพื่อเพิ่ม Engagement ในการให้ลูกค้าเข้ามามีส่วนร่วมในการขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืนได้เพิ่มมากยิ่งขึ้น

“ปัจจุบันบาร์บีคิวพลาซ่า ได้รับตราสัญลักษณ์ G-Green รับรองการเป็น Green Restaurant แล้ว 11 สาขา โดยในปี 2568 มีแผนจะส่งร้านเพื่อรับรองเพิ่มเติมอีก 11 สาขา โดยมีเป้าหมายให้ทั้ง 150 สาขาที่มีอยู่ในปัจจุบัน รวมทั้งสาขาใหม่ๆ ที่จะมีเพิ่มเติมในอนาคตได้รับการรับรองให้เป็น Green Restaurant ได้ทั้งหมด​ รวมทั้งการขับเคลื่อนเป้าหมายเพื่อลดการปลดปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากการดำเนินธุรกิจลง 30% ภายในปี 2573 ตามแนวทาง SBTi พร้อมขยับสู่ความเป็นกลางทางคาร์บอน และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ได้ ภายในปี 2583 และ 2593 ตามลำดับ รวมทั้ง​เป้าหมายลดปริมาณขยะฝังกลบจากกระบวนการทำงาน​ 10% ผ่านการใช้วัตถุดิบที่ยั่งยืนและลดการใช้ทรัพยากร เพื่อลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการดำเนินธุรกิจ และส่งมอบความสุขและประสบการณ์ที่ยอดเยี่ยมให้ผู้มีส่วนได้ส่วนเสียในธุรกิจได้อย่างครอบคลุมทุกมิติ เพื่อนำมาซึ่งความแข็งแกร่ง​เติบโตได้อย่างยั่งยืนของธุรกิจได้ในอนาคต” คุณจรูญโรจน์ กล่าวทิ้งท้าย

Stay Connected
Latest News