หลังนำร่องเปิด Green Concept Store แห่งแรกที่สาขา เลียบคลอง 2 พร้อมผลการตอบรับเป็นอย่างดี ล่าสุด แมคโดนัลด์ ประเทศไทย เดินหน้าสานต่อ Green Concept Store แห่งที่สองในประเทศไทย ‘สาขานครธน พระราม 2’ บนทำเลทองติดถนนพระราม 2 พร้อมเผยโฉมดีไซน์ ‘CUBE’ ครั้งแรกของไทย
คุณกิตติวรรณ อนุเวชสกุล ประธานกรรมการบริหาร บริษัท แมคไทย จำกัด เปิดเผยว่า แมคโดนัลด์ ประเทศไทย ใช้งบกว่า 50 ล้านบาท ในการลงทุน ‘แมคโดนัลด์ สาขานครธน พระราม 2’ และยังเป็นการขยาย Green Concept Store แห่งที่ 2 ของแมคโดนัลด์ ประเทศไทย หลังจากเปิดให้บริการสาขาแรก ที่สาขา เลียบคลองสอง คลองสามวา และได้รับการตอบรับอย่างดี ภายใต้แนวคิด ‘Happy Green’ เพื่อให้ธุรกิจมีส่วนช่วยลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับ Green Concept Store สาขาที่สองในประเทศไทย กับ ‘แมคโดนัลด์ สาขานครธน พระราม 2’ ยังคงใส่ใจทุกรายละเอียดในการก่อสร้าง ทั้งการออกแบบและตกแต่งที่คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อม มุ่งแน้นการลดการใช้พลังงาน พร้อมสร้างความแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์ผ่าน ดีไซน์ ‘CUBE’ แห่งแรกในประเทศไทย ในรูปแบบชิ้นงานกราฟฟิกรูปทรงสี่เหลี่ยมจัตุรัส มาตกแต่งภาพบนผนังแบบกระจายตัวสะท้อนถึงการระเบิดความอร่อย ผ่านเมนูอาหารหรือไอคอนอันเป็นเอกลักษณ์ของแมคโดนัลด์ เช่น เมนูเบอร์เกอร์ เมนูกาแฟ และ โลโก้แบรนด์ โดยสีที่เลือกใช้จะเชื่อมโยงไปสู่เมนูไอคอนิกต่างๆ ของแมค เช่น สีเหลืองของชีส สีเขียวของผัก น้ำตาลเข้มคือเนื้อ น้ำตาลอ่อนคือขนมปัง พร้อมด้วยบรรยากาศสบายตา อบอุ่น ผ่อนคลาย ด้วยโทนสีจากธรรมชาติอย่างสีน้ำตาลอิฐ และ สีเขียว ในบริเวณโดยรอบ
ดีไซน์ ‘CUBE’ ได้แรงบัลดาลใจมาจาก 3 หัวใจหลัก ของแมคโดนัลด์ในการส่งมอบประสบการณ์ที่น่าประทับใจแก่ลูกค้า ประกอบด้วย
1. Order anywhere & Service: การบริการอันสะดวก สามารถสั่งได้ทุกที่
2. Quality time & Speed: การส่งมอบอาหารด้วยคุณภาพและรวดเร็ว
3. Hospitality & Delicious Food: การบริการที่ดีเยี่ยม พร้อมอาหารแสนอร่อย
“แมคโดนัลด์ให้ความสำคัญกับการส่งมอบประสบการณ์ที่ดี ทั้งจากความสะดวก คุณภาพอาหาร และบริการที่ดีเยี่ยม รวมทั้งการพัฒนาเทคโนโลยีมาอำนวยความสะดวก ผ่านการติดตั้งเครื่องสั่งอาหารอัตโนมัติ หรือ SOK (Self-Ordering Kiosk) เพื่อให้บริการลูกค้าโดยจะทยอยติดตั้งให้ครบทุกสาขาทั่วประเทศ พร้อมการเสริมพนักงาน GEL (Guest Experience Leader) คอยช่วยเหลือ ให้คำแนะนำท้ังในการสั่งออเดอร์ และคอยดูแลบริการลูกค้า รวมทั้งนำอาหารมาเสิร์ฟให้ลูกค้าถึงโต๊ะ เพื่อยกระดับการให้บริการที่มาพร้อมคุณภาพของอาหารและความสะดวกสบาย ตอกย้ำการให้ความสำคัญในการส่งมอบ Feel Good Moment ให้แก่ลูกค้าทุกคร้ังที่เข้ามาใช้บริการภายในร้าน และมุ่งสู่การตอบโจทย์ EOTF หรือ Experience of The Future ได้อย่างสมบูรณ์”
เล็งขยาย Green Concept Store เพิ่ม
คุณกิตติวรรณ กล่าวเพิ่มเติมว่า แมคโดนัลด์ สาขานครธน พระราม 2 ตั้งบนทำเลศักยภาพที่รายล้อมด้วยสิ่งอำนวยความสะดวก ทั้งโรงพยาบาล โรงเรียน แหล่งช็อปปิ้ง ทั้งยังมีการขยายตัวอย่างต่อเนื่องทางด้านการคมนาคมเพื่อรองรับการขยายตัวของชุมชน และแหล่งที่อยู่อาศัย จึงทำให้ถนนพระราม 2 ถือเป็นทำเลศักยภาพที่คาดว่าจะได้รับการตอบรับจากลูกค้าเป็นอย่างดี
ขณะที่ความโดดเด่นในการออกแบบให้ตอบโจทย์ความเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม รวมทั้งการเลือกใช้อุปกรณ์ต่างๆ ภายในร้านเพื่อช่วยลดอุณหภูมิ รวมทั้งสามารถประหยัดพลังงานได้เพิ่มมากขึ้น ประกอบด้วย
– ซุ้มสวนสีเขียว (Green Wall with Pavilion Garden) พื้นที่ขนาด 30 ตารางเมตร เพื่อใช้ประโยชน์จาก ร่มเงาของต้นไม้ใหญ่ (Tree Shades) เพิ่มพื้นที่สีเขียวบริเวณรอบร้าน พร้อมใช้ บล็อกหญ้า ทดแทนพื้นคอนกรีตเพื่อลดความร้อนสะสม และ ช่วยลดความร้อนที่เข้าสู่ตัวอาคารโดยเฉลี่ยประมาณ 2-3 องศา
– แผงโซลาร์เซลล์ (Solar Rooftop) เพื่อใช้พลังงานแสงอาทิตย์ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ ลดอัตราการใช้พลังงานไฟฟ้า รวมถึงลดปริมาณก๊าซเรือนกระจกที่เป็นตัวการสำคัญที่ก่อให้เกิดภาวะโลกร้อน ซึ่งจะสามารถช่วยประหยัดค่าไฟเฉลี่ย 10-15 %
– ผนังสองชั้น (Double Skin Facade) ลดการกระทบโดยตรงจากแสงอาทิตย์สู่ตัวอาคาร ด้วยวัสดุกรุผนังอาคาร ลายไม้ กรองความร้อนก่อนถึงผนังอาคาร และ อุปกรณ์บังแดด (Shading Device) เป็นกันสาดช่วยบังแสงแดด ทำงานร่วมกับฟิลม์กรองแสง ช่วยลดความร้อนและกรองแสง UV จึงช่วยประหยัดพลังงานในการใช้งานระบบปรับอากาศได้ดี
– ไฟถนนจากโซลาร์เซลล์ (Solar Cell Street Lights) กักเก็บพลังงานแสงอาทิตย์เพื่อใช้ในการส่องสว่างภายในพื้นที่ด้านนอกสาขาแทนการใช้ไฟฟ้า สามารถลดการใช้ไฟฟ้าในช่วงกลางคืนได้ถึง 100%
– จุดให้บริการชาร์จรถยนต์ไฟฟ้า (EV Charging Station) อำนวยความสะดวกให้รถยนต์ไฟฟ้าด้วยพลังงานทางเลือกกับเครื่องชาร์จในรูปแบบ DC Quick Charge กำลังไฟกว่า 120 กิโลวัตต์
– จุดจอดรถจักรยาน (Bicycle Friendly) อำนวยความสะดวกให้แก่ลูกค้าที่ใช้จักรยาน ซึ่งมีส่วนในการช่วยประหยัดพลังงานและลดปัญหามลพิษ พร้อมเสริมสร้างสุขภาพที่แข็งแรงอีกด้วย
นอกจากนี้ ในส่วนของการติดตั้งอุปกรณ์ภายในร้าน เพื่อประหยัดพลังงาน อาทิ การเลือกใช้หลอดไฟ LED (LED Lighting) ทั้งโครงการ ช่วยประหยัดพลังงานไฟฟ้าสำหรับให้แสงสว่างได้มากกว่าหลอดไส้ถึง 80%-90% พร้อมเพิ่ม เซ็นเซอร์ตรวจจับการเคลื่อนไหว (Motion Sensor) เช่น ห้องเก็บของ โดยหลอดไฟจะทำงานเมื่อตรวจพบความเคลื่อนไหว และจะดับเองอัตโนมัติ เมื่อไม่พบความเคลื่อนไหว ,การใช้สุขภัณฑ์ประหยัดน้ำ ที่ลดการใช้น้ำลงได้ 20-30, หรือ การติดตั้งระบบปรับอากาศ เพื่อลดอุณหภูมิให้สม่ำเสมอและลดการสิ้นเปลืองพลังงานไฟฟ้า รวมทั้งการเลือกใช้ วัสดุกันความร้อน เข้าสู่ภายในร้าน, การใช้ถังขยะรีไซเคิล เพื่อส่งเสริมการแยกขนะ และจัดการขยะอย่างยั่งยืนภายในร้าน เพื่อสามารถนำกลับเข้าสู่กระบวนการรีไซเคิล รวมทั้งการใช้ ถาดรีไซเคิลจากส่วนผสมของเปลือกไข่ (Egg Shell Tray) จากแบรนด์พลาสติกรักษ์โลกนามีโค่ (NAMECO) ที่ใช้วัสุดจากส่วนผสมของพลาสติกหลังการบริโภค (Post-Consumer Recycle – PCR) และเปลือกไข่ซึ่งนับเป็นวัสดุชีวภาพ (Bio-material) ซึ่งคาดว่า ช่วยลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 50%
สำหรับแผนการลงทุนในปีนี้ แมคโดนัลด์ ประเทศไทย ตั้งเป้าขยายสาขาใหม่ 10-15 แห่ง จากปัจจุบันมีสาขารวม 235 แห่ง รวมทั้งการเดินหน้าปรับปรุงสาขาเดิมอีกราว 25 แห่ง โดยเฉพาะ การเพิ่ม Green Concept Store สาขาใหม่ ที่มีอยู่ในแผนการลงทุนเช่นกัน แต่จำเป็นต้องหาทำเลและขนาดที่เหมาะสม เนื่องจาก ต้องการขยายร้านกรีนสโตร์ได้เต็มรูปแบบ เพื่อให้สามารถตอบโจทย์เรื่อง Eco-friendly และ Energy Saving ได้อย่างครบถ้วน ทำให้ต้องมีขนาดพื้นที่ร้านค่อนข้างใหญ่ เพื่อติดตั้งทั้งโซลาร์เซลล์ และการออกแบบพื้นที่สีเขียวได้อย่างเหมาะสม และอยู่ในทำเลที่สามารถออกแบบให้เป็นศูนย์กลางของชุมชนได้ เช่นเดียวกับการเปิด Green Concept Store ทั้ง 2 แห่งก่อนหน้านี้
“ไม่เพียงแค่ Green Concept Store เท่านั้นที่แมคโดนัลด์ให้ความสำคัญในเรื่องของการประหยัดพลังงาน เพราะในทุกสาขาของแมคโดนัลด์ ถึงแม้ไม่ใช่กรีนสโตร์ แต่จะให้ความสำคัญในการเลือกใช้อุปกรณ์เพื่อสามารถลดการใช้พลังงานในภาพรวมลงได้เพิ่มมากขึ้นเช่นกันในทุกร้าน รวมท้ังการเพิ่มประสบการณ์ที่ดีให้กับลูกค้าทุกครั้งที่เข้ามาใช้บริการในทุกๆ สาขา ขณะที่การเติบโตในช่วงครึ่งปีแรก มีการเติบโตได้เกือบ 2 หลัก โดยในช่วงโค้งสุดท้ายของปี จะมีการเดินหน้าทำกิจกรรมการตลาดอย่างต่อเนื่อง รวมทั้งการขยายสาขาใหม่ และปรับปรุงสาขาเดิมให้ได้ตามแผน ซึ่งเชื่อว่าจะสามารถผลักดันรายได้ในสิ้นปีนี้ให้เติบโตกว่า 15% ตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ได้อย่างแน่นอน” คุณกิตติวรรณ กล่าวทิ้งท้าย