การประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่อาเซียน (ABTC) ครั้งที่ 2 พร้อมเสริมสร้างความมุ่งมั่นในการพัฒนาระบบนิเวศการพัฒนาแบตเตอรี่ในกลุ่มประเทศเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ซึ่งปีนี้จัดขึ้นโดย กลุ่มความร่วมมือด้านแบตเตอรี่แห่งสิงคโปร์ (Singapore Battery Consortium – SBC) ที่โรงแรมแชงกรี-ลา ราซา เซนโตซ่า ประเทศสิงคโปร์ ระหว่างวันที่ 21 ถึง 23 สิงหาคม 2567
การประชุมจัดขึ้นร่วมกันโดยพันธมิตรของสมาคมแบตเตอรี่ชั้นนำในภูมิภาค ได้แก่ สมาคมเทคโนโลยีการจัดเก็บพลังงานไทย สถาบันวิจัยแบตเตอรี่แห่งชาติ ศูนย์เทคโนโลยีการขนส่งที่ยั่งยืนแห่งชาติ องค์กรนาโนมาเลเซีย และสมาคมยานยนต์ไฟฟ้าแห่งฟิลิปปินส์
ดร. พิมพ์พา ลิ้มทองกุล ประธานร่วมของ ABTC และนายกสมาคมเทคโนโลยีการกักเก็บพลังงานไทย กล่าวว่า “ปีนี้พวกเรารู้สึกตื่นเต้นที่ได้เห็นความก้าวหน้าและความสำเร็จนับตั้งแต่ที่สมาคมต่างๆ ได้รวมตัวกันครั้งล่าสุดเมื่อปีที่แล้วที่บาหลี พันธมิตรของเราได้เติบโตขึ้นจาก 3 สมาคมเป็น 6 สมาคมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และเราจะเติบโตอย่างแข็งแกร่งต่อไป การได้เห็นความร่วมมือระหว่างสมาคมแบตเตอรี่ ภาคเอกชน และสถาบันการศึกษา ถือเป็นการเฉลิมฉลองถึงสิ่งที่เราก้าวไปข้างหน้าร่วมกันเพื่อขับเคลื่อนนวัตกรรมที่เชื่อมโยงถึงกัน และเพื่ออนาคตที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมในภูมิภาค”
ในวันที่สองของการประชุม ผู้เข้าร่วมงานมากกว่า 250 รายและสมาคมแบตเตอรี่ชั้นนำ 6 สมาคมในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ร่วมเป็นสักขีพยานในการลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ทั้ง 3 ฉบับ เพื่อส่งเสริมการพัฒนาแบตเตอรี่ในภูมิภาค
MOU 3 ฉบับ
Gigafactory Malaysia (GMSB) และ NEU Battery Materials (NEU) ร่วมมือกันในการพัฒนาการรีไซเคิลแบตเตอรี่ลิเธียม
ความร่วมมือจะมุ่งเน้นไปที่การพัฒนาตามมาตรฐานของ “Gigafactory” รวมถึงการผลิตเทคโนโลยีแบตเตอรี่ที่เป็นนวัตกรรมใหม่ซึ่งผสมผสานวัสดุนาโนสำหรับการใช้งานแบบเคลื่อนที่และแบบอยู่กับที่ โดยความร่วมมือครั้งนี้ถือเป็นความก้าวหน้าของ การลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ครั้งก่อนซึ่งลงนามที่เกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ในการประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่และยานพาหนะไฟฟ้าอาเซียน (ABEVTC) ประจำปี 2566 เพื่อส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศภายในอาเซียนด้านเทคโนโลยีแบตเตอรี่
NEU ในสิงคโปร์ ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านการรีไซเคิลแบตเตอรี่ LFP จะทำหน้าที่ในการจัดหาวัสดุแบตเตอรี่รีไซเคิล เช่น ลิเธียมคาร์บอเนต และโลหะอื่นๆ เพื่อส่งไปยังศูนย์ Hydrogen-Electric-Vehicle-Battery (HEBATT) ของ GMSB เพื่อทดสอบประสิทธิภาพ GMSB เป็นบริษัทในเครือขององค์กรนาโนมาเลเซีย
ทั้งนี้ ขบวนการทดสอบวัสดุรีไซเคิล จะช่วยสร้างมั่นใจว่าจะมีวัสดุใช้งาน และอยู่ในขบวนการของการสร้างความยั่งยืนภายในระบบนิเวศแบตเตอรี่ของมาเลเซีย ซึ่งจะขยายไปสู่การพัฒนาระบบนิเวศการรีไซเคิลแบตเตอรี่ลิเธียมในประเทศอื่นๆ ในภูมิภาคอาเซียน ทั้งนี้ NEU และ GMSB จะทำหน้าที่ในการจัดหาและการพัฒนาวัสดุโดยพิจารณาจากวัสดุแบตเตอรี่ใช้แล้วที่ใช้ในระบบนิเวศแบบครบวงจร
ความร่วมมือดังกล่าว จะเป็นพื้นฐานปูทางไปสู่การสำรวจโครงการพัฒนาร่วมกันเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการรีไซเคิลระหว่างทั้งสองบริษัท
Gigafactory Malaysia Sdn Bhd (GMSB) และ มหาวิทยาลัยขอนแก่น ร่วมมือกันในการผลิตเซลล์ที่พัฒนาโดย GMSB
ความร่วมมือกันระหว่าง GMSB และมหาวิทยาลัยขอนแก่น จะก่อให้เกิดประโยชน์จากความเชี่ยวชาญและทรัพยากรร่วมกัน โดยมหาวิทยาลัยขอนแก่นทำหน้าที่เป็นผู้ผลิตแบตเตอรี่ที่พัฒนาโดย GMSB และความร่วมมือดังกล่าวยังรวมถึงการแบ่งปันความรู้เกี่ยวกับการทดสอบและการรับรองมาตรฐานแบตเตอรี่ ซึ่งจะนำไปสู่ความก้าวหน้าด้านการผลิตที่ศูนย์ Hydrogen-Electric-Vehicle-Battery (HEBATT) ของ GMSB ในมาเลเซีย
การลงนามในบันทึกความเข้าใจ (MOU) ในครั้งนี้เป็นส่วนต่อขยายจากข้อตกลงที่ลงนามในการประชุมเทคโนโลยีแบตเตอรี่และรถยนต์ไฟฟ้าอาเซียน (ABEVTC) ปี 2566 ที่บาหลี ซึ่งมีองค์กรสำคัญจากสิงคโปร์ อินโดนีเซีย ไทย มาเลเซีย และฟิลิปปินส์เข้าร่วม
การลงนามในบันทึกความเข้าใจ ในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อเสริมสร้างการพัฒนาเทคโนโลยีแบตเตอรี่ภายในอาเซียน เพื่อให้สอดคล้องกับพันธกิจของเครือข่ายแบตเตอรี่อาเซียน
สถาบันแห่งการวิจัยวัสดุและวิศวกรรม (Institute of Materials Research and Engineering (IMRE)), สิงคโปร์ และ INV Corporation วิจัยร่วมกันเพื่อพัฒนาตัวกั้นสำหรับแบตเตอรี่ไฮบริด
ข้อตกลงความร่วมมือด้านการวิจัยจะมีการลงนามระหว่างสถาบันแห่งการวิจัยวัสดุและวิศวกรรม ในสิงคโปร์และ INV เพื่อพัฒนาตัวกั้นสำหรับแบตเตอรี่ไฮบริดรุ่นต่อไป ซึ่งเป็นเรื่องท้าทายด้านความปลอดภัยที่แบตเตอรี่แบบชาร์จไฟได้ในปัจจุบันต้องเผชิญ
ความร่วมมือนี้มุ่งหวังที่จะพัฒนาจุดแข็งและสิทธิบัตรเทคโนโลยีแบตเตอรี่โซลิดสเตตที่พัฒนาขึ้นในสิงคโปร์ นอกเหนือจากนี้ INV มีสำนักงานใหญ่ในสิงคโปร์ และเป็นผู้ผลิตฟิล์มแยกแบตเตอรี่รายใหญ่ที่สุดในโลก โดยมีโรงงานผลิตอยู่ในสวีเดนและมาเลเซีย
การขยายธุรกิจ Samsung SDI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
Samsung SDI ผู้ผลิตแบตเตอรี่ประสิทธิภาพสูงของเกาหลีเริ่มการผลิตในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้โดยมีโรงงานแห่งแรกในมาเลเซียในปี 2535 และสร้างโรงงานแห่งที่สองในเวียดนามในปี 2553 และวางแผนจะเปิดโรงงานแห่งที่สองในมาเลเซียในปี 2568
Samsung SDI เปิดสำนักงานขายสองแห่ง ในเวียดนามและสิงคโปร์ เพื่อสนับสนุนลูกค้าในภูมิภาคให้ดียิ่งขึ้น โดยมีสิงคโปร์เป็นสำนักงานใหญ่ฝ่ายขายประจำภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
นอกจากนี้ ยังมีแผนที่จะเปิดสำนักงานขายแห่งใหม่ในมาเลเซีย อินโดนีเซีย ไทย และฟิลิปปินส์
ผลิตภัณฑ์แบตเตอรี่หลักของ Samsung SDI ในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้คือ “Prime Battery for Maximum Experience” หรือ PRiMX ซึ่งแบตเตอรี่ PRiMX มีประสิทธิภาพ ความน่าเชื่อถือ และความปลอดภัยสูงโดยใช้นิกเกิลปริมาณสูง (โคบอลต์ต่ำ) ในขั้วแคโทดและแอโนดซิลิคอน
ด้วยวิสัยทัศน์ของบริษัท คาดว่าจะทำให้โลกเป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมและยั่งยืนผ่านเทคโนโลยีที่เป็นนวัตกรรม
งาน ABTC เป็นงานที่จัดขึ้นโดยหมุนเวียนผู้จัดงานไปในแต่ละประเทส และในปีหน้า 2568 ประเทศไทยโดยสมาคมเทคโนโลยีกักเก็บพลังงานไทยจะเป็นเจ้าภาพในการจัดงานครั้งถัดไป
สำหรับข้อมูลเพิ่มเติมเกี่ยวกับการประชุมของโครงการ สามารถเยี่ยมชมได้ที่เว็บไซต์: https://reg.eventnook.com/event/ABTC2024/home
ผู้สนับสนุนหลักในการประชุมครั้งนี้ คือ ศูนย์นวัตกรรมฮุนไดมอเตอร์กรุ๊ป (Hyundai Motor Group Innovation Center Singapore (HMGICS)) โดยงานกาล่าดินเนอร์ได้รับการสนับสนุนจาก INV Corporation Pte Ltd.
โดยมีผู้สนับสนุนระดับโกลด์ ได้แก่ Amphenol Communications Solutions, Quantel Pte Ltd, Infineon Technologies Asia Pacific Pte Ltd และ Gotion Singapore Pte Ltd ผู้สนับสนุนระดับเงิน ได้แก่ Concord New Energy Group Limited, Kewell Technology Co.,Ltd., Metrohm Singapore Pte Ltd, TME Systems Pte บจ.
ผู้สนับสนุนเพิ่มเติม ได้แก่ Samsung SDI Southeast Asia Pte. Ltd, Siemens Industry Software Pte Ltd, UL Standards & Engagement และ NEWARE Technology Limited พาร์ทเนอร์ด้านการประชาสัมพันธ์ ได้แก่ EV Association of Singapore, EV Association of Malaysia และ Turn Off Turn On Ventures