พรูเด็นเชียล ประเทศไทย เปิด 3 กลยุทธ์ เพื่อขับเคลื่อนการเติบโตอย่างยั่งยืน ซึ่งเป็นการรีเฟรชกลยุทธ์ครั้งล่าสุดในปี 2024 นี้ เพื่อให้ธุรกิจสามารถสร้าง Positive Imapct ที่ไม่ใช่เพียงแค่ผลเชิงบวกที่เกิดขึ้นกับบริษัทเท่านั้น แต่ต้องการขับเคลื่อนให้ตลอดทั้งซัพพลายเชนของธุรกิจมีความเข้มแข็งและเติบโตอย่างยั่งยืนร่วมกัน
คุณบัณฑิต เจียมอนุกูลกิจ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร พรูเด็นเชียล ประเทศไทย กล่าวว่า ความยั่งยืน คือ หัวใจสำคัญของธุรกิจ จึงไม่ใช่แค่ทางเลือก แต่เป็นทางรอดของธุรกิจในปัจจุบัน ขณะที่ธุรกิจเองก็ไม่สามารถเดินหน้าได้แค่เพียงลำพัง พรูเด็นเชียล ประเทศไทย จึงมุ่งมั่นสร้างผลกระทบเชิงบวกผ่านการดำเนินธุรกิจ ภายใต้การปรับกลยุทธ์ 3 เสาหลักความยั่งยืน สู่การลงมือทำจริง ที่ไม่เพียงแค่คำนึงถึงผลกำไร แต่ยังมุ่งเน้นการสร้างคุณค่าและความยั่งยืนในระยะยาว ประกอบด้วย
1. Accessibility : กลยุทธ์เพื่อเพิ่มการเข้าถึงความคุ้มครองทั้งด้านสุขภาพและการเงินให้คนไทยได้อย่างครอบคลุม จากปัจจุบันการถือครองกรมธรรม์ของคนไทยยังอยู่ในระดับต่ำที่เพียง 38-40% ของจำนวนประชากรเท่านั้น ยิ่งหากมองในแง่จำนวนบุคคลที่เข้าถึงกรมธรรม์จะเหลืออยู่แค่ราว 30% เท่านั้น และส่วนใหญ่ยังกระจุกที่ กทม. เป็นหลัก จาก Pain point สำคัญคือข้อจำกัดในเรื่องรายได้ โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง
นำมาสู่การสร้างสรรค์ทั้งการพัฒนาผลิตภัณฑ์ พัฒนาช่องทาง รวมทั้งแคมเปญต่างๆ เพื่อเพิ่มการเข้าถึงหลักประกันให้คนไทยได้เพิ่มมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นการพัฒนาผลิตภัณฑ์ประกันสุขภาพในราคาที่เข้าถึงได้ง่าย การเพิ่มช่องทางออนไลน์ หรือพัฒนาเทคโนโลยีต่างๆ ทั้งเพื่ออำนวยความสะดวกในการเข้าถึงผลิตภัณฑ์และรายละเอียดของผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของบริษัท รวมทั้งเป็นฐานข้อมูลในการวิเคราะห์ความต้องการหรือพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตอบโจทย์ความต้องการ สอดคล้องกับพฤติกรรมหรือไลฟ์สไตล์ รวมทั้งเทรนด์ต่างๆ ที่เปลี่ยนไป โดยไม่ลืมคำนึงถึงระดับราคาที่สามารถเข้าถึงได้ง่าย
โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเปิดตัวแคมเปญ “การให้ที่ยั่งยืน คือ การให้ที่ส่งต่อได้” (Give The Future) ซึ่งเปิดตัวในปีที่ผ่านมา เพื่อมอบกรมธรรม์อุบัติเหตุมูลค่าคุ้มครองถึง 1 แสนบาท ให้กลุ่มเปราะบางทั้งลูกจ้าง กทม. และลูกจ้างโรงพยาบาลรัฐ ในทุกๆ การซื้อกรมธรรม์ใหม่ ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีมาก สามารถส่งต่อกรมธรรม์ได้แล้วกว่า 1.22 แสนราย รวมมูลค่าความคุ้มครองถึง 1.22 หมื่นล้านบาท โดยคาดว่าจะสามารถส่งมอบกรมธรรม์เพิ่มเติมในปีนี้ได้ถึง 1.5 แสนกรมธรรม์
2. Investment : ผ่านการลงทุนอย่างมีความรับผิดชอบ ภายใต้การบริหารสินทรัพย์เพื่อการลงทุนที่มีมูลค่ากว่า 1. 2 แสนล้านบาท เพื่อสนับสนุนการมีส่วนช่วยแก้ปัญหาสภาพอากาศ และขับเคลื่อนสู่เป้าหมาย Net Zero ในปี 2050 โดยมุ่งเน้นลงทุนในธุรกิจที่มีนโยบายในการเปลี่ยนผ่านไปสู่การลด Carbon Emission ในการดำเนินธุรกิจ เน้นในกลุ่มตลาดเกิดใหม่ หรือประเทศกำลังพัฒนาโดยเฉพาะแถบเอเชียซึ่งเป็นภูมิภาคที่เป็นฐานสำคัญในการดำเนินธุรกิจ รวมทั้งแอฟริกา พร้อมกำหนดเป้าหมายสำหรับการลงทุน ในการลดความเข้มข้นของการปล่อยคาร์บอนในธุรกิจให้ลดลงได้ 55% ภายในปี 2030
3. Sustainability : ให้ความสำคัญในการขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนตลอดห่วงโซ่คุณค่า โดยเริ่มจากภายใน ผ่านการดูแลและส่งเสริมพนักงานให้มีสุขภาพและคุณภาพชีวิตที่ดี รวมทั้งสามารถเป็นผู้นำทางความคิดเพื่อปลูกฝังเรื่องของความยั่งยืนในการดำเนินงาน ตลอดจนสร้างการมีส่วนร่วมให้ครอบคลุมไปถึงกระบวนการทำงานของคู่ค้าหรือพาร์ทเนอร์ภายในห่วงโซ่คุณค่า ไม่ว่าจะเป็นการสนับสนุนความหลากหลาย ความเท่าเทียม เพิ่มการมีส่วนร่วม การส่งเสริมจริยธรรม มี Work-life Balance และการอยู่ร่วมกันอย่างมีความสุข พร้อมสนับสนุนและเปิดโอกาสในการเติบโต โดยตั้งเป้าเพิ่มสัดส่วนพนักงานหญิงเป็นผู้นำระดับกลุ่มเป็น 40% ภายในปี 2026 พร้อมทั้งการเพิ่ม KPI ที่เกี่ยวข้องกับความยั่งยืนให้แก่พนักงานระดับผู้จัดการขึ้นไป ภายในปี 2026 เช่นเดียวกัน
มุ่งขับเคลื่อน Real Impact ไม่เน้นนโยบายฟอกขาว
นอกจากโครงการ Give The Future ที่มอบความคุ้มครองให้กลุ่มเปราะบาง พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังดำเนินโครงการเพื่อสังคมด้านต่างๆ อาทิ โครงการชะ-ชิ้ง ที่ส่งเสริมด้านการศึกษา และ การส่งเสริมพัฒนาการเด็กปฐมวัยร่วมกับองค์การยูนิเซฟ เป็นต้น
สำหรับ โครงการชะ-ชิ้ง (CHA-CHING) คือ หนึ่งในโครงการที่พรูเด็นเชียลภูมิใจเพราะช่วยจุดประกายให้เด็กๆ ทั่วโลก รวมถึงเด็กไทยมีความเข้าใจและเรียนรู้ด้านการเงิน โดยจับมือกับพรูเด็นซ์ ฟาวน์เดชัน และมูลนิธิจูเนียร์อะชีฟเม้นท์ ซึ่งการให้ความรู้จะมี 4 แกนสำคัญ คือ การหารายได้ การเก็บออม การใช้จ่าย และการบริจาค (Earn, Set, Spend, Donate) โดยปัจจุบันมีจำนวนการฝึกอบรมครูและนักเรียนใน มีนาคม 2567 นักเรียนจำนวน 234,292 คน ครูที่ได้รับการฝึกอบรม รวมทั้งหมด 15,144 คน จากโรงเรียนภายใต้สังกัดสำนักงานเขตการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) กระทรวงศึกษาธิการ จากทั่วประเทศ รวมกว่า 1,000 โรงเรียน
นอกจากนี้ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังสนับสนุน โครงการพัฒนาเด็กปฐมวัยร่วมกับองค์การยูนิเซฟ (Early Childhood Development: ECD) ที่มีเป้าหมายเพื่อผลักดันและสร้างความตระหนักรู้ให้สังคมไทยเห็นความสำคัญของการพัฒนาการเด็กในช่วงวัย 0-6 ปี โดยพรูเด็นเชียลร่วมกับองค์การยูนิเซฟจัดกิจกรรม ‘Play Together & Learn Together’ ภายใต้แคมเปญ ‘เลี้ยงถูก ลูกดี’ ให้ความรู้กับผู้ปกครองเกี่ยวกับการส่งเสริมการเรียนรู้ของเด็กอย่างถูกต้อง และการดูแลแบบตอบสนอง หรือ Responsive Caregiving
“การขับเคลื่อนเรื่องความยั่งยืน ทำให้องค์กรมีส่วนสร้างผลกระทบเชิงบวกได้ทั้งมิติสังคม สิ่งแวดล้อม และเพิ่มความแข็งแกร่งให้ธุรกิจ โดยตั้งเป้าหมายสู่ Net Zero ในปี 2050 พร้อมช่วยเปลี่ยนผ่านสู่เศรษฐกิจคาร์บอนต่ำ ขณะเดียวกัน ยังสามารถดูแลให้พนักงานมีความสุขในการทำงาน เพิ่มความพึงพอใจต่อองค์กร พร้อมปลูกฝังและสร้างวัฒนธรรมด้านความยั่งยืน เพื่อเพิ่มการขับเคลื่อนให้เกิดผลกระทบเชิงบวกไปสู่สังคมได้มากขึ้น ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่ตอกย้ำเจตนารมณ์องค์กร “ชีวิตมีกัน…ทุกวันดีกว่า” (For Every Life For Every Future) ทั้งในแง่การส่งเสริมสุขภาพ การส่งเสริมความแข็งแรงให้ผู้คนในสังคม ผ่านกิจกรรมต่างๆ ที่มีการขับเคลื่อนมาอย่างต่อเนื่อง และสร้างผลกระทบเชิงบวกได้อย่างเป็นรูปธรรม ซึ่ง การขับเคลื่อนของพรูเด็นเชียล ประเทศไทย ไม่ใช่แค่การฟอกขาว (White Washing) ที่มีแค่นโยบายสวยๆ แต่ในทุกๆ มิติ เรามีการขับเคลื่อนให้เกิดขึ้นจริง”
ขณะที่ความแข็งแกร่งในการขับเคลื่อนธุรกิจ พรูเด็นเชียล ประเทศไทย ยังติดอันดับ Top 5 บริษัทประกันที่สร้างเบี้ยประกันใหม่ได้สูงที่สุดในปีที่ผ่านมา ขณะที่มีจำนวนเบี้ยประกันภัยโดยรวมอยู่ในอันดับ 7 โดยตั้งเป้าขึ้นเป็น Top 3 ได้ภายในปี 2027 หรือในอีก 3 ปีข้างหน้า จากกลยุทธ์ในการขับเคลื่อนความยั่งยืน ซึ่งจะทำให้ธุรกิจตอบโจทย์ด้านการดูแลสุขภาพและความมั่นคงทางการเงินให้คนไทยทุกกลุ่มอย่างครอบคลุม ควบคู่ไปกับความสามารถในการขยายผลกระทบเชิงบวกให้สังคมและผู้คนได้อย่างต่อเนื่อง