NIQ แนะแบรนด์​เติม 7 Values ได้ใจ GenZ ชี้เป็นกลุ่มที่ยอมจ่ายเพื่อ ‘ความยั่งยืน’ มากที่สุด ​ยิ่งตอบโจทย์มากในชิ้นเดียวยิ่งมีโอกาสโตสูง

NielsenIQ (NIQ) เผยแพร่รายงานNIQ Spend Z เพื่อเข้าใจอินไซต์และพฤติกรรมผู้บริโภคกลุ่ม GenZ ซึ่งเป็นกลุ่มที่มีขนาดใหญ่ที่สุดของโลก ด้วยจำนวนกว่า 2 พันล้านคน หรือราว 1 ใน 4 ของโลก

นอกจากนี้ ยังถือเป็นผู้บริโภค​ที่จะเติบโตขึ้นมาเป็นกลุ่มกำลังซื้อสำคัญของโลก โดยคาดว่าในอีก 10 ปีข้างหน้า อำนาจในการใช้จ่ายของ GenZ จะเติบโตขึ้นได้มากถึง  9 ล้านล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งสูงที่สุดเมื่อเทียบกับเจนเนอนเรชั่นอื่นๆ ซึ่ง​เป็นภาพที่มีแนวโน้มไปในทิศทางเดียวกันทั้งกับ​ภาพในระดับโลก ในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิก รวมถึงในประเทศไทย

เติม 7 Values ให้ได้ใจ GenZ

เนื่องจาก GenZ เป็นกลุ่มที่มีความเฉพาะตัว ชอบความ Personalize และเป็น Social/Technology Native ทำให้มีบุคลิกที่โดดเด่น และแตกต่างจากเจนเนอเรชั่นก่อนหน้า เช่น ไม่ยึดติดแบรนด์ มีความเป็นตัวตนสูง ชื่นชอบความหลากหลายและเท่าเทียม รวมทั้งให้ความสำคัญในเรื่องความยั่งยืน การ​ที่นักการตลาดหรือแบรนด์จะได้ใจกลุ่ม GenZ จึงจำเป็นต้องสามารถส่งมอบคุณค่าต่างๆ เหล่านี้ให้ผู้บริโภคได้ ประกอบด้วย

– Authenticity : สามารถบ่งบอกถึงตัวตนที่แท้จริง เพราะ GenZ มีความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก​ ทำให้ทราบถึงแก่นแท้ของสินค้าและแบรนด์ที่​จะเลือกใช้ แบรนด์จึงต้องสื่อสารด้วยตัวตนที่ชัดเจนและจริงใจ เพราะถ้า GenZ รู้สึกได้ถึงความไม่จริงใจ หรือหลอกลวง สุดท้ายจะสร้างความเสียหายให้แก่แบรนด์ได้

– Belonging and Self-esteem : ทำให้รู้สึกถึงความเป็นส่วนหนึ่งหรือได้รับการยอมรับจากสังคม ​​เพราะด้วยความที่มี Virtual Engagement ในระดับสูง หรือการเข้าถึงเทคโนโลยีและโซเชียลเกือบตลอดเวลา ทำให้ GenZ บางส่วนจะมีความรู้สึกเหงาหรือโดดเดี่ยว แบรนด์ที่สามารถสร้าง Community หรือรวมกลุ่มที่มีความสนใจหรือชื่นชอบ​เรื่องเดียวกันไว้ด้วยกันได้ หรือสร้าง Sense of Belonging ก็จะมีโอกาสได้​รับการตอบรับที่ดี

– ​Diversity : ให้ความสำคัญกับความแตกต่างและความเท่าเทียมกันในสังคม Gen Z มักจะสนับสนุนกิจกรรมต่างๆ ของกลุ่ม Minority เพื่อสนับสนุนความเท่าเทียม โดยพบว่ามี GenZ อยู่ในกลุ่ม LGBTQ มากกว่ากลุ่มเจนเนอเรชั่นอื่นๆ หรือการไม่นับถือศาสนา แต่ให้ความสำคัญกับวิธีคิดหรือความแตกต่างของแต่ละบุคคล และความเท่าเทียมกันมากกว่า

– First Truly Digital Native : การเป็นกลุ่มแรกในการ​เข้าถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ ในฐานะที่เกิดมาพร้อมกับดิจิทัลและจะใช้เทคโนโลยีในทุกกิจกรรม คุ้นเคยกับการใช้สมาร์ทโฟน แท็บเล็ต สมาร์ทวอท หรือแก็ตเจ็ตต่างๆ จึงเป็นกลุ่มที่มีการเข้าถึงออนไลน์สูงสุด แต่ในขณะที่เดียวกัน ก็ยังไปจับจ่ายหน้าร้าน​ในสัดส่วนใกล้เคียงกันด้วย​ ​จึงถือเป็นกลุ่ม​ Omni-shopper ที่​​แบรนด์จำเป็นต้องเข้าใจ Journey  อย่างแท้จริง เพื่อสร้าง Touchpoint ที่ถูกต้องได้

–  Fun Seekers : ชอบทดลอง มองหาความตื่นเต้นใหม่ๆ ​จึงเป็นกลุ่มที่ไม่ยึดติดกับแบรนด์ และดูเหมือนว่าไม่มี Brand Loyalty แต่ความจริงมาจากการที่ยังไม่มีแบรนด์ใดสามารถตอบโจทย์สิ่งที่ต้องการได้จริง จึงทำให้ยังชอบที่จะทดลองของใหม่ไปเรื่อยๆ นักการตลาด หรือแบรนด์ จึงต้องพยายามเพิ่มความแปลกใหม่ ​สดใส และแตกต่าง ทั้งในการพัฒนาสินค้ารวมทั้งรูปแบบในการสื่อสาร​เพื่อให้สามารถได้ใจ GenZ ​

– Health Concern : ให้ความสำคัญกับเรื่องของสุขภาพ  GenZ  ให้ความสนใจเกี่ยวกับ Well Being ทำให้เริ่มดูแลตัวเองตั้งแต่ยังอายุน้อย ต่างจากกลุ่มอื่นที่มักจะเริ่มดูแลตัวเองจริงจัง เมื่อเริ่มมีอายุมากขึ้น​ โดยพบว่า 52% จะมองหาส่วนผสมสินค้า​ที่ดีต่อสุขภาพ หรือช่วยให้แข็งแรงมากขึ้น โดย 42% จะเลือกสินค้าที่มีส่วนผสมจากธรรมชาติมากกว่าสารสังเคราะห์

– Sustainability : ใส่ใจในเรื่องของความยั่งยืน เป็นอีกหนึ่งประเด็นที่ GenZ ให้ความสำคัญ โดยพบว่า GenZ ​จะเลือกสินค้าหรือแบรนด์ ที่เชื่อมโยงกับเรื่องของความยั่งยืนมากกว่าเจนเนอเรชั่นอื่นๆ และมีแนวโน้ม​ยอมจ่ายแพงกว่าให้กับแบรนด์ที่ขับเคลื่อนเรื่องของความยั่งยืน โดย​ยอมจ่าย​มากกว่าถึง 10% เมื่อเทียบกับแบรนด์ทั่วไป โดยพบว่า 40% ของ GenZ ยอมจ่ายให้กับสินค้าที่​เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม

พร้อมพบแนวโน้มว่า สินค้าที่​สามารถ​ตอบโจทย์ความยั่งยืนได้มากกว่า 2 ข้อขึ้นไป เช่น​ ผลิตภัณฑ์นั้นๆ เป็นทั้งผลิตภัณฑ์คาร์บอนต่ำ ขณะเดียวกันยังใช้บรรจุภัณฑ์ที่มาจากการรีไซเคิลด้วย จะเพิ่มโอกาสให้กลุ่ม GenZ ให้การสนับสนุนเพิ่มมากขึ้น และมีโอกาสสร้างการเติบโตได้มากขึ้นด้วย

อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก GenZ มีความสามารถในการเข้าถึงข้อมูลเชิงลึก และจะ Recheck ข้อมูลจากสิ่งที่แบรนด์เคลมไว้เสมอ หากพบว่าแบรนด์ต่างๆ ไม่ได้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมจริง (Green Washing) จะมีการตอบโต้กลับจนถึงขั้นแบน หรือ Blacklist จะยิ่งทำให้แบรนด์เสียหายเพิ่มมากขึ้น​ ดังน้ัน หากเกิดความผิดพลาด แบรนด์จำเป็นต้องเร่งสื่อสารตามความเป็นจริง เพื่อทำความเข้าใจ หรือหากผิดพลาดจริงก็ต้องรีบ​ปรับปรุง ​และแก้ไขอย่างจริงใจ  เพราะสุดท้ายแล้ว GenZ จะมองแบรนด์เหมือนคน ที่อาจไม่สมบูรณ์แบบ แต่เมื่อผิดพลาดต้องรีบแก้ไข และทำอย่างจริงใจ  เพื่อสามารถทำให้ผู้บริโภคกลับมาเชื่อมั่นแบรนด์ได้อีกครั้ง

ขณะที่ GenZ เอง ​แม้จะมีความตระหนักรู้และกังวลกับปัญหาที่เป็นประเด็นสำคัญของโลก โดยเฉพาะปัญหาเรื่อง Climate Change แต่ในยุค Post Covid ที่เป็นช่วงที่มีความอ่อนไหวด้านเศรษฐกิจ​ ทำให้การใช้จ่ายจริงในทางปฏิบัติ​อาจจะมีความไม่สอดคล้องกันได้ เช่น 77% จากการสำรวจระบุว่าจะไม่สนับสนุนสินค้าจากประเทศที่มีมาตรฐานด้านความยั่งยืนต่ำ แต่อีกมุมหนึ่ง​ก็ยังซื้อ​สินค้ากลุ่ม Fast Fashion หรือ สินค้าเทคโนโลยีรุ่นใหม่ล่าสุด ก็เติบโตเพิ่มมากขึ้นเช่นเดียวกัน ​

Stay Connected
Latest News