จระเข้ เร่งแผน Carbon Neutrality จาก Beyond Pain point สู่ Jorakay Green Earth ขับเคลื่อนความยั่งยืนทุกมิติ ​​

ด้วยแนวคิด​ขับเคลื่อนธุรกิจอย่างยั่งยืนมาตลอด 32 ปี​ ทำให้การพัฒนาผลิตภัณฑ์ต่างๆ ของ จระเข้’  Beyond Pain point หรือต้องตอบโจทย์ได้มากกว่าแค่การแก้ปัญหาทางธุรกิจ แต่ยังคำนึงถึง​สุขภาพผู้ใช้งาน และการดูแลสิ่งแวดล้อมไปได้พร้อมกัน เพื่อเป็นผู้นำนวัตกรรม​งานก่อสร้างครบวงจร ที่ใส่ใจคนและดูแลสิ่งแวดล้อม เพื่อความสุขของทุกคนในครอบครัว

คุณศุภพงษ์ เพชรสุทธิ์ ประธานกรรมการบริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ บริษัท จระเข้ คอร์ปอเรชั่น จำกัด กล่าวว่า ​จระเข้มุ่งขับเคลื่อนความยั่งยืนแบบครบวงจร ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ ​ผ่านกลยุทธ์ 5 SD  ประกอบด้วย 1. ​​ลดการปล่อยคาร์บอน 2. ลดปริมาณขยะและของเสีย  3. ลดการใช้สารพิษ 4. เพิ่มสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม และ 5. สนับสนุนกิจกรรมส่งเสริมคุณภาพชีวิต​ ​โดยมีเป้าหมายมุ่งสู่องค์กรที่มีความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) และลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero) ได้ในที่สุด

ขณะที่การขับเคลื่อนจะทำทั้งภายในองค์กร ผ่านกระบวนการต่างๆ ภายในองค์กร ทั้งกระบวนการ​​ผลิตสินค้านวัตกรรมทั้ง 3 กลุ่ม ​ ไม่ว่า​จะเป็นผลิตภัณฑ์ปูกระเบื้อง ผลิตภัณฑ์เคมีก่อสร้าง​ หรือผลิตภัณฑ์สีจระเข้ โดยให้ความสำคัญตลอดกระบวนการผลิต ตั้งแต่การคิดค้นนวัตกรรมสีเขียว การสรรหาวัตถุดิบ การผลิต การลดของเสียหรือขยะ ตลอดจนการขนส่งและกระจายสินค้าให้ลดผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมได้มากที่สุด เพื่อให้ได้สินค้าที่ตอบโจทย์ได้ทั้งความต้องการ หรือเข้าไปช่วยแก้ Pain point ให้​ลูกค้า รวมทั้งมีส่วนช่วยดูแลสังคมและสิ่งแวดล้อม​ควบคู่ไปด้วย ซึ่งในปัจจุบันสามารถลดการปล่อย CO2 ในกระบวนการลงได้กว่า 11 ล้านกิโลกรัมคาร์บอนเทียบเท่า ​จัดการขยะรีไซเคิลไปแล้วกว่า 1.2 แสนกิโลกรัม  และลดฝุ่นได้มากกว่า 2.5 ล้านกิโลกรัม รวมทั้งมีผลิตภัณฑ์ถึง 62% ได้รับรองว่าเป็น Green Product ซึ่งในอนาคตมีแผนขยายพอร์ตให้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ ในอนาคต ​​

“บริษัทมุ่งสร้าง Zero Waste ภายในกระบวนการผลิต​ทั้งการบริหารจัดการวัตถุดิบ ขยะ น้ำ หรือพลังงานต่างๆ ​​ซึ่งได้​ลงทุนติดตั้งระบบโซลาร์เซลล์เพื่อเพิ่มการใช้พลังงานแสงอาทิตย์ทั้งในส่วนของสำนักงานใหญ่ใน กทม. และโรงงานที่สระบุรี  เพื่อเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดมากขึ้น โดยคาดว่าภายในสิ้นปีจะมีสัดส่วนการใช้​ได้ 30% รวมทั้งจะเพิ่มการนำ EV มาใช้ในกระบวนการขนส่ง ซึ่งจะนำร่องในเส้นทางไปกลับระยะไม่เกิน 100 กิโลเมตร เพื่อสะดวกในการชาร์จแบต และจะค่อยๆ เพิ่มเติมฟลีทมากขึ้นในอนาคต ขณะที่การจัดการทั้งวัตถุดิบ และน้ำ ปัจจุบันไม่มีการสร้าง Waste ออกไปสู่สิ่งแวดล้อมแล้ว”​

นอกจากนี้ บริษัทยังเขย่าวงการก่อสร้างด้วยนวัตกรรมถุงกาวซีเมนต์รักษ์โลก Jorakay Green Pack ที่ใช้วัสดุรีไซเคิล 70% และลดความหนาของพลาสติกลง 60% รวมทั้งลดการใช้หมึกบนฉลาก ทำให้สามารถลดคาร์บอนจากกระบวนการผลิ​ตลงได้ถึง 49% รวมทั้งการพัฒนา จระเข้เอ็กซ์เพรส กาวซีเมนต์สำหรับงานเร่งด่วน ที่ใช้กาวพอลิเมอร์ โมดิฟรายด์ ชนิดแห้งตัวได้เร็ว (​Fast Setting) ภายใน 6 ชั่วโมง เหมาะสำหรับงานซ่อมแซมต่างๆ เนื้อกาวมีความยืดหยุ่นตัวสูง ตอบโจทย์เทรนด์งานก่อสร้างที่ต้องการประหยัดเวลาและความรวดเร็ว และยังช่วยลดฝุ่น และการสร้าง​คาร์บอนลง เมื่อเทียบกับ​งานซ่อมแซมถนนแบบเดิมได้ถึง 97% รวมทั้งยังเตรียมเปิดตัว Flooring Innovation ​นวัตกรรมสินค้าด้านงานพื้นที่ครอบคลุมและตอบโจทย์ทุกปัญหาพื้นคอนกรีต รองรับทั้งพื้นที่อยู่อาศัย พื้นถนน และพื้นโรงงานอุตสาหกรรมขนาดใหญ่ ซึ่งครอบคลุมทุกความต้องการของงานพื้นทั้งกลุ่มเจ้าของบ้าน ผู้รับเหมา เจ้าของโครงการ และตอบโจทย์ทั้งเรื่องสุขภาพและสิ่งแวดล้อมเช่นเดียวกัน

ขยาย​​ Jorakay Green Earth ปลูกป่าชายเลน 63.5 ไร่

นอกจากการลด Emission ในกระบวนการต่างๆ ของตัวเองแล้ว ล่าสุด ได้เปิดตัว Jorakay Green Earth โครงการปลูกป่าชายเลน 63.5 ไร่ ในพื้นที่จังหวัดตรัง เพื่อเพิ่ม​ศักยภาพในการลด Emission ผ่านการดูดซับคาร์บอนอีกทางหนึ่ง โดยคาดว่า​ จะช่วยดูดซับคาร์บอนไดออกไซด์ได้ประมาณ 600 ตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่า ตลอดระยะเวลา 10 ปี

​โดยรวมพลังทีมผู้บริหาร-พนักงานอาสา-อาสาสมัครในพื้นที่ ร่วมปลูกต้นพังกาหัวสุมดอกแดง  ต้นโกงกางใบเล็ก ต้นโกงกางใบใหญ่ และต้นฝาดดอกแดง รวมกว่า 45,000 ต้น พร้อมร่วมดูแลป่าชายเลนผืนนี้เป็นระยะเวลา 10 ปีภายใต้ความร่วมมือกับ กรมทรัพยากรทางทะเลและชายฝั่ง กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม และภาคีเครือข่ายป่าชายเลนประเทศไทย (Thailand Mangrove Alliance)  ร่วมกับอีก 33 องค์กรในภาคีที่ลงนามบันทึกความร่วมมือเพื่อฟื้นฟูธรรมชาติ-สร้างคาร์บอนเครดิต ผ่านโครงการปลูกป่าชายเลนในหลากหลายพื้นที่ทั่วประเทศ

“นอกจากความสามารถในการดูดซับคาร์บอน โครงการนี้ยังช่วยเพิ่มการมีส่วนร่วมกับชุมชนได้มากขึ้น จากการทำงานร่วมกันในการดูแลพื้นที่ป่าร่วมกันตลอดระยะเวลา 10 ปี รวมท้ังยังส่งเสริมการเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพ (Biodiversity) ในรูปแบบที่เหมาะสมกับพื้นที่ด้วยการทำบ้านปลา เนื่องจากเป็นพื้นที่เชื่อมต่อกับทะเลและเป็นที่วางไข่ และขยายพันธุ์ของปลาและสัตว์น้ำ”

จระเข้ ยังให้ความสำคัญกับการดูแล​ชุมชน สังคม เพื่อมุ่ง​ยกระดับคุณภาพชีวิต ทั้งด้านการศึกษา สุขอนามัย และสิ่งแวดล้อม โดยเฉพาะในพื้นที่รอบสำนักงานใหญ่ และรอบโรงงานที่สระบุรี เช่น จระเข้ จูเนียร์ แบดมินตัน แชมป์เปี้ยนชิพ สนับสนุนสุขภาพเยาวชนผ่านกลุ่มกีฬาแบดมินตัน​ ซึ่งสนับสนุนมาต่อเนื่องเป็นปีที่ 10 แล้ว, จระเข้คัดสรร ส่งเสริมการคัดแยกขยะภายในโรงเรียน, ซ่อมฟรีโดยพี่เข้ ​การเข้าไปซ่อมแซมปรับปรุงโรงเรียนรอบโรงงาน และมอบอุปกรณ์ให้กับทางโรงเรียน รวมทั้งโครงการแบ่งปันอื่นๆ เช่น ปันความรู้กับครูพี่เข้, จระเข้มีแต่ให้ , จระเข้สานฝันปันสุข ซึ่งจนถึงปัจจุบันจระเข้มีส่วนเข้าไปช่วยพัฒนาทักษะกลุ่มต่างๆ ได้แล้วกว่า 1.2 หมื่นคน

​สำหรับการวางเป้าหมายที่ชัดเจน เพื่อขับเคลื่อนสู่การเป็น Carbon Neutrality และ Net Zero ของจระเข้นั้น อยู่ระหว่างการทำงานร่วมกับผู้เชี่ยวชาญเพื่อคำนวนการปลดปล่อยคาร์บอน (Carbon Emission) ของทั้งองค์กร โดยคาดว่าจะมีความชัดเจนมากขึ้นในเดือนสิงหาคมนี้  ​ก่อนจะเริ่ม​นำข้อมูลที่ได้มาวางแผนการขับเคลื่อนอย่างเป็นรูปธรรม โดยใช้ฐานจากปี 2021 ​เพื่อกำหนดทั้งกลยุทธ์ในการขับเคลื่อน ทั้ง 3 สโคป ​​รวมถึงการเป้าหมายทั้งในระยะสั้นและระยะยาว ซึ่งเบื้องต้นเชื่อว่าจะสามารถขับเคลื่อนได้สอดคล้องกับเป้าหมายของประเทศที่ตั้ง Carbon Neutrality. ในปี 2050 และ Net Zero ในปี 2065

Stay Connected
Latest News