นาทีนี้คงยากจะปฏิเสธว่า กระแส “ความยั่งยืน หรือ Sustainable” ได้ถูกกล่าวถึงในแทบจะทุกเวที ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานภาครัฐ ภาคธุรกิจ หรือกระทั่งในแวดวงสังคม เนื่องจากท่ามกลางความเปลี่ยนแปลงของโลกที่เติบโตอย่างรวดเร็วแบบอย่างก้าวกระโดด ผู้คนต่างต่อสู้ แข่งขัน จนต่างต้องก้าวมาสู่ในจุดที่ทุกการแข่งขัน ทุกกิจกรรมในโลกธุรกิจต้องปรับบริบทของตนมาโฟกัสที่ “ความยั่งยืน”
นอกจากในแวดวงธุรกิจแล้ว “ความยั่งยืน” ยังกลายเป็นสิ่งที่มีอิทธิพลบ่งชี้ถึงความเป็นปัจเจกบุคคล ด้วยเหตุนี้ ในเดือนแห่งการเฉลิมฉลองความภาคภูมิใจ หรือ Pride Month 2024 จึงทำให้พลาดไม่ได้ที่จะหยิบยกกระแสความยั่งยืน ที่ถ่ายทอดผ่านมุมมองความหลากหลายทางเพศอย่างน่าสนใจ ผ่านเลนส์ตาของ ‘Princess of PR’ หรือ ‘เอกภพ พันธุรัตน์‘ นักประชาสัมพันธ์ที่โลดแล่นและคร่ำหวอดอยู่ในโลกธุรกิจวงการพีอาร์ และยังเป็นผู้ที่ตอกย้ำให้เห็นว่า ‘ความยั่งยืน‘ ไม่ใช่เป็นเพียงแค่กระแสอีกต่อไป แต่จะถูกตีความอย่างครอบคลุมในทุกอณูของความเป็นมนุษย์และบริบทของความหลากหลายทางเพศ ที่เป็นแรงบันดาลใจ และแรงขับเคลื่อนให้เห็นถึงพลังของการบริหารจัดการชีวิต ที่สามารถต่อยอดสู่เป้าหมายแห่งความยั่งยืน โดยไร้ข้อจำกัดของเพศ ความต่างของไลฟสไตล์ และเส้นทางการทำงานบนโลกธุรกิจ
“ความหลากหลายทางเพศแม้จะมียาวนาน แต่การดำรงอยู่อย่างชัดเจนโดยไร้ความแตกต่าง แปลกแยกเป็นที่ยอมรับยังถือเป็นสิ่งใหม่ของโลก การใช้ชีวิตบนความหลากหลายทางเพศให้ยั่งยืน จึงเป็นสิ่งที่มีความท้าทาย และยังน้อยนักที่จะถูกพูดถึง ในขณะที่เสียงสะท้อนและภาพจำในสังคมนับจากอดีต ได้คุ้นชินกับการเป็นอยู่บนความเป็นหญิงชายมาอย่างยาวนาน แต่ปัจจุบัน ต้องยอมรับว่ากระแสสังคมได้เปิดกว้างสำหรับความหลากหลายทางเพศ จนแทบจะไม่ต้องต่อสู้ ถกเถียงถึงความมีตัวตน หรือเรียกร้องที่ยืนและการยอมรับอย่างในอดีต หากแต่เมื่อบุคคลกล้าที่จะเปิดเผย และแสดงออกอย่างชัดเจนถึงการเป็น LGBTQ+ ทำให้เริ่มสนุกกับความสุขและสีสันในการใช้ชีวิตที่เต็มไปด้วยความหลากหลาย บนความแตกต่าง จนส่งผลให้บางครั้งถูกสังคมมองในภาพของความสนุกสนาน หรรษาแต่เพียงอย่างเดียว บ้างอาจตีความของความสนุกสนานเป็นความไร้แก่นสาร ทำให้เมื่อเวลาผ่านไป เราจึงมาถึงในจุดหนึ่งที่ต้องให้ความสำคัญกับการสร้างต้นแบบการใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนบนความหลากหลายทางเพศ และความหลากหลายของความคิดให้มากขึ้น” เอกภพกล่าว
ในความเป็นจริง ผู้คนส่วนใหญ่อาจโฟกัสความยั่งยืนไปที่การมุ่งมั่นทำงาน เก็บเงิน การสร้างความมั่นคงในอาชีพ หรือการปล่อยวาง ลด ละ เพื่อก้าวสู่หนทางแห่งวิถีชีวิตที่ยั่งยืน แต่สำหรับเอกภพ เล็งเห็นว่า ความยั่งยืนในชีวิตเกิดขึ้นได้ โดยไม่จำเป็นต้องตึงเครียด หรือ ละ วาง จนเกินพอดี เพราะไม่มีใครที่อยากทำงานด้วยจิตใจที่ ห่อเหี่ยว การคร่ำหวอดอยู่ในวงการเอเจนซี่นานนับ 20 ปี ได้เห็นว่าในโลกของธุรกิจต่างเต็มไปด้วยการแข่งขัน ความท้าทาย การหาผลกำไร ร่วมถึงสีสัน ความสนุก ความสร้างสรรค์ และสร้างแรงบันดาลใจ สิ่งเหล่านี้ส่งผลให้ “เอกภพ” จึงได้ชื่อว่าเป็นหนึ่งในผู้ที่ใช้ชีวิตได้อย่างสนุกสนานและมีสีสันมาโดยตลอด ไม่ว่าจะในแง่มุมที่เกี่ยวข้องกับการงานหรือแม้แต่ชีวิตส่วนตัว และแน่นอนเธอผู้นี้มีไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตที่สุดเหวี่ยงในทุกๆ เรื่อง ไม่ว่าจะเป็น การที่เธอรักการสังสรรค์ จนอาจเรียกว่าเป็นนักปาร์ตี้ตัวแม่เลยก็ว่าได้ แต่นี่เป็นเพราะส่วนหนึ่งในการเรียนรู้ สัจจธรรม ที่ทำให้เธอได้เห็นถึงความไม่จีรังของชีวิต ความเสื่อมถอยของสุขภาพ และการลาจากของผู้คน นำมาสู่การได้เห็นวิถีทางใหม่ๆ ที่เธอเลือกจะมอบความสุข หรรษาอย่างปลอดภัย และพอเหมาะพอดี เพื่อเป็นกำไรชีวิตให้กับตัวเอง เราจึงเห็นความหลากหลายของกิจกรรมที่แสนสนุกแบบมีความสุขในการใช้ชีวิตผ่านโซเชียลมีเดียของเธอ
โดยเอกภพกล่าวว่า “จริงๆ แล้วเอกมองเรื่องความยั่งยืนก่อนจะมีกระแส Sustainable ในแทบจะทุกวงการ เอกมองว่าชีวิตของคนที่มีความหลากหลายทางเพศ เราไปสู่ในจุดที่มีชีวิตบนความยั่งยืนได้ เพียงแค่เราต้องรู้จัก สร้างสมดุล บาล๊านซ์ชีวิตให้เป็น จนที่สุดแล้วเราจะหาสมดุลและความพอดีเจอ ซึ่งเอกมองความยั่งยืนต้องมาจากความสมดุลใน 3 ด้าน คือ “เวลา สุขภาพ ความสัมพันธ์”
1. บริหารเวลาให้เหมาะสม ไม่ว่าจะเวลางาน ความสนุก ปาร์ตี้ หรือการจัดสรรเวลาที่เต็มที่ของชีวิต
2. ใส่ใจกับสุขภาพกายใจให้มากขึ้น กินแล้ว เที่ยวแล้ว ต้องนอนให้พอ พักให้พอดี ออกกำลังกายเติมพลังดีๆ ให้ชีวิต
3. ความสัมพันธ์ให้ลงตัว ไม่ว่าจะเป็นคนรัก ครอบครัว หรือเพื่อน ซึ่งในส่วนของเอกครอบครัวจะไม่เคยต้องร่ำร้อง รอคอยเลยว่าเอกหายหน้าหายตาไป คุณพ่อ คุณแม่ หรือแม้แต่น้องสาวจะรู้ดีว่า เอกคือศูนย์รวมของครอบครัว
เพียง 3 สมดุล เหล่านี้ที่นำมาสู่เส้นทางของความยั่งยืนในการใช้ชีวิตของผู้มีความหลากหลายทางเพศอย่างเอก และเชื่อว่าหลายๆ คนก็อาจมีวิถีชีวิตคล้ายคลึงไม่แตกต่างกัน ส่วนตัวเอกมีความโชคดีในหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นการเป็นผู้มีความหลากหลายทางเพศที่ได้รับการยอมรับจากครอบครัว และยังโชคดีที่มีโอกาสได้เข้ามาทำงานในบริษัท เอเจนซี่ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลก และที่ทำงานก็เปิดกว้าง และให้โอกาสเอกได้ฉายแสงในวงการพีอาร์ จนมีฉายา “Princess of PR” อีกทั้งยังแวดล้อมไปด้วยสังคมที่เห็นอกเห็นใจ จริงๆ เอกขอบคุณโชคชะตาของตัวเองใน ทุกๆ วัน แต่ในขณะเดียวกันก็มองว่าสิ่งเหล่านี้ไม่ควรเป็นแค่ความโชคดี แต่มันควรเป็นสิ่งพื้นฐานสำหรับทุกคน โดยเฉพาะกลุ่มที่มีความหลากหลายทางเพศ หรือ LGBTQ+ ที่ควรได้รับโอกาส สร้างสมดุลในชีวิต และก้าวสู่ความยั่งยืนได้เช่นเดียวกัน”
ทั้งนี้ เอกภพยังได้แสดงความคิดเห็นเพิ่มเติมว่า “เป็นเรื่องน่ายินดีที่วันนี้ได้เห็นถึงการยอมรับที่ชัดเจนมากขึ้นในสังคมไทย โดยเฉพาะการเปิดกว้างให้มีการสมรสเท่าเทียม ซึ่งถือเป็นกฎหมายที่ตราขึ้นเพื่อกลุ่มความหลากหลายทางเพศโดยเฉพาะ ขณะที่ภาคธุรกิจก็เริ่มมีสินค้า บริการและแคมเปญ ที่ตอบโจทย์ครอบคลุมมากขึ้น แต่อย่างไรก็ตาม ก็ยังอยากให้มองเห็นถึง Pain points ที่การเปิดกว้างของภาคธุรกิจที่จะเอื้อต่อกลุ่มความหลากหลาย รวมไปถึงครอบครัวที่เปิดใจ ยอมรับ ซึ่งจุดนี้จะเป็นปัจจัยสำคัญที่นำไปสู่การสร้างสมดุลของวิถีชีวิตในกลุ่มความหลากหลากหลายทางเพศ ซึ่งจะเป็นหนทางสำคัญนำไป “ความยั่งยืน” ที่ไร้ซึ่งความแปลกแยกแตกต่างได้ในที่สุด”