กลยุทธ์ ‘กลุ่มเซ็นทรัล’​ พร้อมบริษัทในเครือ รับมือ Climate Change + Biodiversity สร้างแนว​ร่วมขับเคลื่อน​ความยั่งยืนตั้งแต่ต้นน้ำ ถึงปลายน้ำ

กลุ่มเซ็นทรัล ในฐานะองค์กร​กลุ่มค้าปลีกที่มุ่งมั่นขับเคลื่อนด้านสิ่งแวดล้อมมาอย่าง​ต่อเนื่อง โดย​ถือเป็นภาคค้าปลีกรายแรกของประเทศไทย ที่มีการรณรงค์ลดการใช้ถุงพลาสติกอย่างจริงจังผ่านโครงการ Say No to Plastic Bag ด้วยการไม่แจกถุงพลาสติกภายในห้างสรรพสินค้า และร้านค้าภายในเครือมาตั้งแต่ปี 2551

รวมถึงการมุ่งมั่น​ให้ธุรกิจเข้าไปมีบทบาทช่วยดูแลสิ่งแวดล้อมได้อย่างเป็นระบบ​ตั้งแต่ต้นน้ำถึงปลายน้ำ สอดคล้องกับบริบททางธุรกิจทั้งของกลุ่มเซ็นทรัลเอง รวมทั้งบริษัทในเครือแต่ละแห่ง เพื่อสามารถส่งต่อการช่วยเหลือและดูแลได้ทั้งมิติด้านสิ่งแวดล้อม ​รวมไปถึงชุมชนและสังคม​ได้อย่างต่อเนื่องและยั่งยืน โดยมีเป้าหมายร่วมกันในการมุ่งสู่ Net Zero ภายในปี 2050

​หากแบ่งรูปแบบการขับเคลื่อนในมิติการดูแลสิ่งแวดล้อมแบบกว้างๆ ทางกลุ่มเซ็นทรัลจะทำหน้าที่​ขับเคลื่อนจากในมิติของต้นน้ำ โดยเข้าไปดูแลความอุดมสมบูรณ์​ และส่งเสริมความหลากหลายให้กับระบบนิเวศในบริเวณที่เป็น​แหล่งต้นน้ำ โดยมุ่งเน้นการทำงานร่วมกับชุมชนในพื้นที่ เพื่อเป็นส่วนสำคัญในการสร้างแนวร่วมเข้ามา​ช่วยดูแลสภาพแวดล้อมภายในพื้นที่ ควบคู่​กับการเข้าไปมีส่วนช่วยยกระดับพัฒนาคุณภาพชีวิต ผ่านทักษะการทำเกษตรอย่างยั่งยืน หรือส่งเสริมอาชีพที่สอดคล้องกับจุดเด่นหรืออัตลักษณ์ในชุมชน เพื่อต่อยอดสู่การสร้างรายได้​ที่แข็งแกร่งและยั่งยืน ด้วย​การนำมาจำหน่ายผ่านช่องทางทั้งของพันธมิตรและร้านค้าภายในเครือข่าย​ที่มีอยู่หลากหลาย

ขณะที่บริษัทในเครือ ทั้งในกลุ่มธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ อย่าง บริษัท เซ็นทรัลพัฒนา จำกัด (มหาชน) หรือ CPN​ กลุ่มธุรกิจค้าปลีกอย่าง บริษัท เซ็นทรัล รีเทล คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน)​ หรือ CRC และในกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการอย่าง บริษัท โรงแรมเซ็นทรัลพลาซา จำกัด (มหาชน)​ หรือ Centara จะมุ่งเน้นขับเคลื่อนในส่วนของกลางน้ำ และปลายน้ำ ทั้งผ่าน Operation ในการดำเนินธุรกิจ เพื่อสามารถลดผลกระทบเชิงลบต่อสิ่งแวดล้อม รวมไปถึงการรณรงค์ผ่านลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการทั้งในรูปแบบการ Educated, การจัดกิจกรรมเพื่อเพิ่มการมีส่วนร่วม เพื่อบ่มเพาะและปรับเปลี่ยน​ลูกค้าให้มีพฤติกรรมที่​คำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมเพิ่มมากขึ้น

​คุณพิชัย จิราธิวัฒน์ กรรมการบริหาร กลุ่มเซ็นทรัล กล่าวถึงบทบาทการขับเคลื่อนด้านความยั่งยืนของทางกลุ่มจะดำเนินผ่านโครงการ ‘เซ็นทรัล ทำ ​มุ่งเน้นการขับเคลื่อนผ่านปัญหาสำคัญอย่างเรื่องของสภาพอากาศ (Climate Change) และความหลากหลายทางชีวภาพ​ (Biodiversity) ซึ่งถือเป็น​ภัยคุกคามสำคัญในอนาคตของทั้งโลก รวมทั้งกลุ่มเซ็นทรัลและบริษัทในเครือ

“การดำเนินโครงการด้านสิ่งแวดล้อมของเซ็นทรัล ทำ เน้นแก้ 2 ปัญหาสำคัญคือ การฟื้นฟูระบบนิเวศที่เสื่อมโทรม รวมทั้งป้องกันและหยุดยั้งการเสื่อมโทรมของระบบนิเวศ โดยมีโครงการที่ขับเคลื่อนอย่างต่อเนื่องอย่างโครงการ Love The Earth ซึ่งมีเป้าหมายฟื้นฟูพื้นที่สีเขียวให้ครอบคลุม 5 หมื่นไร่ โดยเฉพาะบริเวณพื้นที่ต้นน้ำ รวมทั้งการเพิ่มพื้นที่การทำการเกษตรแบบยั่งยืน ที่ปัจจุบันมีราวๆ แค่ 1% ของพื้นที่การทำเกษตรทั้งหมด ​ให้เพิ่มขึ้นเป็น 10% ตามเป้าหมายของทั้งประเทศ ทั้งในรูปแบบการเข้าไปส่งเสริม​องค์ความรู้ต่างๆ หรือการแนะนำการปลูกพืชเชิงเดี่ยวของเกษตรมาเป็นการปลูกพืชเศรษฐกิจใหม่ๆ หรือเพิ่มการทำเกษตรแบบผสมผสาน ที่มีส่วนช่วยเพิ่มความหลากหลายทางชีวภาพในพื้นที่ได้อีกทางหนึ่งด้วย รวมทั้งเชื่อมโยงมาสู่รายได้ที่เพิ่มขึ้นของผู้คนในพื้นที่ จากการเข้าไปต่อยอดด้านการตลาด หรือการพัฒนาสินค้าภายในท้องถิ่น หรือการแปรรูปให้ตรงกับสิ่งที่ตลาดต้องการ ทำให้ช่วยเชื่อมโยงทั้งการดูแลรักษาสิ่งแวดล้อมในบริเวณต้นน้ำ รวมถึงช่วยสร้างความแข็งแรงให้ชุมชนและผู้คนในพื้นที่ตามมาด้วยในที่สุด”​

ขณะที่การขับเคลื่อนของบริษัทในเครือ จะเข้ามาเสริมในส่วนของกลางน้ำ และปลายน้ำ ไม่ว่าจะเป็นการบริหารจัดการขยะต่างๆ ที่เกิดขึ้นภายในกระบวนการ การสนับสนุนสินค้าที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม การลดใช้ทรัพยากรทั้งในกระบวนการผลิตหรือใน Operation ต่างๆ  รวมทั้งการเพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดให้เพิ่มมากขึ้น ทั้งการติดตั้งโซลาร์เซลล์ตามศูนย์การค้าหรืออาคารต่างๆ ภายในเครือ รวมทั้งการส่งเสริมการใช้ระขนส่งไฟฟ้า สำหรับการกระจายสินค้าต่างๆ ภายในเครือ ซึ่งจะเพิ่มจำนวน​มากขึ้นอย่างต่อเนื่องในอนาคต ​

โดยปัจจุบัน กลุ่มค้าปลีกอย่าง เซ็นทรัล รีเทล ​​​ขับเคลื่อนความยั่งยืนผ่านกลยุทธ์ ReNEW ผ่าน 4 แนวทาง ทั้งการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจก (Reduce GHG Emission) ผ่านการใช้รถไฟฟ้า 22 คันในการขนส่งหรือติดตั้งอุปกรณ์ทำความเย็นแบบอนุรักษ์พลังงานในซูเปอร์มาร์เก็ตแล้ว 777 แห่งทั่วประเทศ โดยปัจจุบันมีสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดในธุรกิจแล้ว 12%  การสร้างสังคมที่ใส่ใจสิ่งแวดล้อม (Navigate Environmental Responsibility) ทั้งการขับเคลื่อนภายในผ่านพนักงานในองค์กรรวมทั้งการขับเคลื่อนร่วมกับคู่ค้าทางธุรกิจ ส่งเสริมสินค้าและบรรจุภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม (Eco-freindly Materials) โดยปัจจุบันได้เปลี่ยนบรรจุภัณฑ์ให้เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมทั้งการใช้ซ้ำหรือรีไซเคิลได้แล้ว 28%  และ การบริหารจัดการขยะอย่างมีประสิทธิภาพ (Waste Management Solutions) ผ่านการทำงานร่วมกับกลุ่ม Green Partnership เพื่อร่วมกันขับเคลื่อนการลดขยะภายในกระบวนการทั้งหน้าบ้านและหลังบ้านตลอดทั้งห่วงโซ่ธุรกิจ

สำหรับกลุ่มอสังหาริมทรัพย์อย่าง เซ็นทรัลพัฒนา ให้ความสำคัญกับการสร้าง Sustainable Ecosystem ในฐานะที่เป็นศูนย์กลางในการใช้ชีวิตของผู้คน​ ผ่านการพัฒนา Better People และ Better Planet เพื่อสร้างพื้นที่การใช้ชีวิตที่ยั่งยืนพร้อมส่งมอบ Positive Impact ให้กับผู้เข้ามาใช้บริการในแต่ละวันไม่ต่ำกว่าหลักล้านคน ​ผ่านทุก Touchpoint ที่ได้เข้าไปมีเกี่ยวข้อง ทั้งคู่ค้า พันธมิตร รวมทั้งลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการภายในศูนย์ และในทุกกระบวนการตั้งแต่เริ่มก่อสร้างโครงการตามแนวทาง Zero Waste หรือการออกแบบอาคาร หรือติดตั้งอุปกรณ์เพื่อสามารถช่วยประหยัดพลังงานได้ เช่น ติดตั้งโซลาร์เซลล์ได้แล้วกว่า 80% ของโครงการศูนย์การค้าทั้งหมด ผลิตไฟได้มากกว่า 2.6 หมื่นเมกะวัตต์ เพิ่มขึ้นถึง 188% จากปี 2019 โดยตั้งเป้าติดตั้งเพิ่ม​ให้ครบทุกโครงการภายในปีหน้า พร้อม​เพิ่มสัดส่วนการใช้พลังงานสะอาดให้มากที่สุด จากปัจจุบันมี EV Charging แล้วกว่า 400 ช่องจอด ในศูนย์การค้า 40 แห่ง 19 จังหวัดทั่วประเทศ รวมถึงการขับเคลื่อน Green Partnership ร่วมกับร้านค้าภายในอาคาร ในการช่วยลดและคัดแยกขยะ ซึ่งสามารถลดปริมาณขยะไปสู่หลุมฝังกลบลงได้ถึง 60 ตัน รวมทั้งลดการใช้พลังงานลงได้ 719 เมกะวัตต์ ซึ่งจะยกระดับเพิ่มมากขึ้นในปีนี้ ​

ส่วนกลุ่มธุรกิจท่องเที่ยวและบริการอย่าง เครือเซ็นทารา ซึ่งถือเป็นธุรกิจที่มีความใกล้ชิดกับธรรมชาติอย่างมาก จึงมุ่งเน้นการขับเคลื่อนในมิติของการดูแลและเพิ่มความหลากหลายทางธรรมชาติ  ซึ่งจากผลวิจัยพบว่าประเทศไทยมีการใช้ทรัพยากรที่มีไปแล้วมากกว่า 85% ​หากไม่เร่งฟื้นฟู​จะส่งผลให้เกิดความล่มสลายได้ในอนาคต​ ขณะที่การขับเคลื่อนของเซ็นทาราจะคำนึงถึงผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมทั้งทางตรงและทางอ้อม โดยเฉพาะการพยายามรักษาสภาพแวดล้อมหรือระบบนิเวศภายในพื้นที่เอาไว้ เพื่อรักษาความหลากหลายทางธรรมชาติที่มีอยู่ ซึ่งปัจจุบันโรงแรมมีสัดส่วนพื้นที่สีเขียวทั้งหมด 37% ของพื้นที่โครงการทั้งหมด​ และได้ขับเคลื่อน Green Area เพื่อส่งเสริมการเพิ่มพื้นที่สีเขียว เช่น การสร้างต้นแบบฟาร์มออแกนิกส์ภายในพื้นที่โรงแรมเซ็นทารา แกรนด์ แอท เซ็นทรัลเวิลด์ ซึ่งอยู่ใจกลางเมือง หรือการฟื้นฟูระบบนิเวศแนวปะการังรอบโรงแรมในมัลดีฟส์ ซึ่งได้ปลูกไปแล้วรวมกว่า 1 พันกิ่ง รวมทั้งร่วมปลูกต้นไม้ 1009 ต้น เพื่อเพิ่มพื้นที่สีเขียวทั้งภายในโรงแรมและพื้นที่สาธารณะรอบโรงแรมทั้งในและต่างประเทศ ขณะเดียวกันยังเพิ่มการมีส่วนร่วมของผู้มาเข้าพัก เพื่อสร้างทัศนคติในการคำนึงถึงสิ่งแวดล้อม และประหยัดการใช้พลังงานซึ่งได้รับการตอบรับอย่างดีจากผู้มาเข้าพัก นอกจากนี้ เซ็นทารายังถือเป็นกลุ่มโรงแรมแรกของไทย ที่ได้รับการรับรองมตรฐานการท่องเที่ยวยั่งยืน GSTC (Global Sustainable Tourism Council) โดยปัจจุบันมีโรงแรม 24 แห่ง ที่ได้รับรองมาตรฐานนี้แล้ว ซึ่งตามเป้าหมายจะทำให้โรงแรมทุกแห่งในเครือได้รับมาตรฐานทั้ง 100% ภายในปี 2025

Stay Connected
Latest News